Skip to main content
sharethis

ประชาไท 5 มิ.ย. 50 - วานนี้ (4 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่หน้าทำเนียบรัฐบาล กลุ่มประชาธิปไตยไม่ใช่แค่กิ๊ก (กปก.) ซึ่งเป็นนิสิตปริญญาตรี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จำนวน 4 คน ประกอบด้วย นายธีรนัย จารุวัสตร์ นางสาวสุลักษณ์ หลำอุบล นางสาวปลายอ้อ วงศ์สุชาติ นิสิตคณะอักษรศาสตร์ ปี 2 และนายภาสกร ช่อผกา นิสิตคณะครุศาสตร์ ปี 4 จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เดินทางมาที่ทำเนียบรัฐบาล เพื่อแจกแถลงการณ์ระบุข้อความว่า ขอประณามความไม่ชอบธรรมของคณะตุลาการรัฐธรรมนูญ


กปก.แถลงชี้ที่มา ตลก.รธน.มาจากรัฐประหารจึงไร้ความชอบธรรม
นิสิตกลุ่มดังกล่าว อ่านแถลงการณ์ประณามความไม่ชอบธรรมของตุลาการรัฐธรรมนูญ โดยมีรายละเอียดว่า คณะตุลาการรัฐธรรมนูญซึ่งมาจากการแต่งตั้งของคมช.ได้ตัดสินยุบพรรคไทยรักไทยและตัดสิทธิทางการเมืองกรรมการบริหารพรรค 111 คน ทางกลุ่มฯ มีความเห็นดังนี้


1. กลุ่มไม่ยอมรับความไม่ชอบธรรมของคณะตุลาการฯ ในการตัดสินคดีดังกล่าว เพราะคณะตุลาการฯ ไม่ได้มีที่มาตามระบอบประชาธิปไตยสากล ที่ได้รับการยอมรับในอารยะประเทศ แท้จริงแล้วตุลาการฯ ชุดนี้มาจากคณะรัฐประหาร ยึดอำนาจรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่ชอบธรรม จึงไม่มีสิทธิใดๆ ในการพิพากษาคดีในนามประชาชนได้


2. กลุ่มฯ เห็นว่า คำพิพากษายัดเยียดให้พรรคและกรรมการบริหารพรรคว่า ได้กระทำการอันเป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบประชาธิปไตยนั้น ในทางหนึ่งคณะตุลาการฯ ซึ่งเป็นผู้กล่าวหา มีที่มาจากการรัฐประหาร และคมช.-รัฐบาลชุดนี้ ก็มีที่มาจากการยึดอำนาจล้มล้างระบอบประชาธิปไตยทั้งสิ้น คำตัดสินในคดีนี้จึงเป็นอคติ แบ่งพรรคแบ่งพวกและเลือกปฏิบัติ จนไม่อาจกล่าวได้ว่าเป็นกระบวนการยุติธรรม กลุ่มฯ จึงขอประณามการกระทำดังกล่าว เพราะการกระทำในครั้งนี้ภายใต้อำนาจนิติศาสตร์ จะยิ่งทำให้ระบอบยุติธรรมในสังคมไทยมีความน่าเชื่อถือน้อยลง ส่งผลให้ประชาชนหมดศรัทธาหรือความไว้วางใจในกฎหมายที่อ้างความยุติธรรมไปด้วย และขอเชิญประชาชนผู้รักประชาธิปไตยและความเป็นธรรมรื้อฟื้นความยุติธรรมที่ถูกยำยีมา 8 เดือนด้วยการคัดค้านผลของคดีดังกล่าวเป็นโมฆะ


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ นิสิตกลุ่มนี้ได้ไปอ่านแถลงการณ์ชุดนี้ที่ด้านหน้าศาลรัฐธรรมนูญร่วมกับแนวร่วมประชาชนต้านรัฐประหาร (นปตร.) แล้ว จากนั้นจึงเดินทางมาทำเนียบรัฐบาล เพื่อแสดงละครประกอบการแถลงการณ์ด้วย โดยให้มีการแต่งตัวเป็นเทพีแห่งความยุติธรรม ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของกระบวนการยุติธรรม แต่กลับโดนอำนาจและกระบอกปืนเข้ามาทำการรัฐประหาร และทำให้กระบวนการยุติธรรมเอนเอียง เพราะตุลาการฯ ชุดนี้ไม่ได้ใช้หลักกฎหมายในการตัดสินคดียุบพรรค และจะเปิดตัวกลุ่มฯ อย่างเป็นทางการ


นายภาสกรกล่าวว่า กลุ่มประชาธิปไตยไม่ใช่แค่กิ๊ก เป็นกลุ่มอิสระของนิสิตจุฬาฯ ที่เริ่มตั้งกลุ่มด้วยสมาชิก 5 คน โดยเชื่อว่าประชาธิปไตยควรจะเป็นรักแท้ ไม่ใช่กิ๊กที่เป็นของเล่นมาปฏิวัติทิ้งๆ ขว้างๆ หลักการประชาธิปไตย ทั้งนี้ ทางกลุ่มจะรณรงค์เรียกร้องให้มีการนำรัฐธรรมนูญ 2540 กลับมาใช้และเลือกตั้งให้เร็วที่สุด อย่างไรก็ตาม จะมีการเปิดตัวและรับสมาชิก ในวันที่ 13 มิ.ย.เวลา 12.00 น.ที่ศาลาพระเกี้ยว จุฬาฯ ในงานเปิดโลกกิจกรรมซึ่งเป็นงานที่จัดทุกปีในช่วงรับน้องใหม่


โฆษกศาลปรามกลุ่มต้าน ขอให้ใช้เหตุผลและเคารพต่อ ตลก.รธน.
นอกจากนี้ในวันเดียวกัน นายสราวุธ เบญจกุล รองเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ในฐานะโฆษกศาลยุติธรรม ให้สัมภาษณ์กรณีกลุ่มแนวร่วมประชาชนต้านรัฐประหาร (นปตร.) ซึ่งมีนายสมยศ พฤกษาเกษม เป็นโฆษกฯ นำกลุ่มไปยังศาลรัฐธรรมนูญ แสดงความไม่พอใจคำวินิจฉัยยุบพรรคการเมืองของคณะตุลาการรัฐธรรมนูญ โดยได้มีการนำแผ่นป้ายผ้าสีดำเขียนข้อความ "9 ตุลาการเถื่อน" พร้อมนำคำแถลงการณ์ประณามคำวินิจฉัยตุลาการไปชุมนุมยังหน้าศาลรัฐธรรมนูญ


โดยนายสราวุธเรื่องการวิพากษ์วิจารณ์คำวินิจฉัยทุกคนมีสิทธิ์แสดงความคิดเห็น แต่ต้องทำด้วยเหตุผล เคารพและให้เกียรติซึ่งกันและกัน เพราะบ้านเมืองขณะนี้ต้องการให้เกิดความสงบเรียบร้อย นอกจากนี้ ตุลาการทุกท่านในองค์คณะล้วนปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว ปี 2549 มาตรา 35 กำหนดไว้ ทั้งที่แต่ละท่านไม่ได้ต้องการเข้ามาทำหน้าที่นี้เอง แต่เมื่อกฎหมายกำหนดอำนาจหน้าที่ให้ต้องทำ ท่านก็ต้องปฏิบัติตาม เพราะถ้าไม่เช่นนั้นก็จะถูกกล่าวว่าละเว้นการปฏิบัติหน้าที่


"ขณะนี้บ้านเมืองกำลังเรียกร้องความสมานฉันท์ และสร้างความสงบเรียบร้อยให้เกิดขึ้น เราก็ไม่อยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ ซึ่งตุลาการรัฐธรรมนูญได้ทำหน้าที่ของท่าน โดยเขียนเหตุผลต่างๆ ไว้ในคำวินิจฉัยแล้ว ซึ่งบางคนอาจมีความเห็นแตกต่างกันได้ แต่ไม่ควรใช้ถ้อยคำรุนแรงกล่าวหาคนที่มีความเห็นไม่ตรงกัน โดยการทำเช่นนี้ไม่เกิดประโยชน์ต่อสังคม และไม่เป็นธรรมต่อตัวตุลาการด้วย ซึ่งผมไม่ได้เรียกร้องให้มีการดำเนินการทางกฎหมาย แต่เมื่อคนในชาติกำลังเรียกร้องหาความสมานฉันท์ จึงควรพูดจากันด้วยเหตุผลว่าบ้านเมืองควรจะดำเนินไปอย่างไรตามครรลอง ซึ่งหลังจากนี้กำลังจะให้มีการเลือกตั้งให้เป็นระบอบประชาธิปไตย" โฆษกศาลยุติธรรม กล่าวและว่าสิ่งที่ผู้พิพากษาหรือตุลาการได้ทำไปในขณะนี้ ไม่ใช่ว่าผู้พิพากษาจะเห็นด้วยกับการทำรัฐประหาร ซึ่งผู้พิพากษารักประชาธิปไตยเหมือนกับประชาชนทั่วไป"


โฆษกศาลพูดเอง ตลก.รธน.ไม่ใช่ศาล จึงฟ้องหมิ่นศาลไม่ได้
นายสราวุธ กล่าวถึงการดำเนินคดีดูหมิ่นศาลว่า เนื่องจากตุลาการรัฐธรรมนูญ ไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ตัดสินคดียุบพรรค ตามประมวลกฎหมายอาญา ดังนั้นจึงไม่อาจดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดที่กล่าวดูหมิ่นศาลตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 198 ได้ ซึ่งแตกต่างจากกรณีนายธนา เบญจธิกุล ทนายความ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ถูกดำเนินคดีหมิ่นศาล ในการวิพากษ์วิจารณ์คำตัดสินของศาล แต่หากจะมีการดำเนินคดีต้องเป็นไปตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 และ 328 ฐานหมิ่นประมาทผู้อื่นโดยการโฆษณาด้วยเอกสาร ด้วยการกระจายเสียง ที่มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี และปรับไม่เกิน 200,000 บาท ซึ่งความผิดดังกล่าวเป็นความผิดต่อบุคคล ไม่ใช่ในฐานะผู้พิพากษา


โดยตุลาการรัฐธรรมนูญจะดำเนินการทางกฎหมายหรือไม่เป็นการตัดสินใจของท่านเองว่าได้รับความเสียหายจากการกระทำนั้นหรือไม่ ซึ่งถ้าเป็นความผิดต่อตัวบุคคล ผู้เสียหายต้องแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินตามกระบวนการทางกฎหมายต่อไป โฆษกศาลยุติธรรมกล่าวในที่สุด


สุริยะใสชี้กระแสต้านตลก.รธน.ชักเลอะ แนะควรใช้เหตุผล มีวิชาการรองรับ
นอกจากนี้ผู้จัดการออนไลน์ยังรายงานข่าว นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) กล่าวถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์คำวินิจฉัยของตุลาการรัฐธรรมนูญและคณะตุลาการทั้ง 9 ท่านในขณะนี้ว่า เริ่มรุนแรงและไปไกลถึงขั้นการต่อต้านคำวินิจฉัยของตุลาการรัฐธรรมนูญ ซึ่งถ้าเป็นการวิพากษ์วิจารณ์คำวินิจฉัยอย่างเป็นเหตุเป็นผล และมีแง่มุมทางวิชาการรองรับก็น่ารับฟังและเป็นสิทธิที่ทำได้เต็มที่


แม้ในทางกฎหมายจะไม่มีข้อห้ามวิพากษ์วิจารณ์คำวินิจฉัยของตุลาการรัฐธรรมนูญและคณะตุลาการที่รับผิดชอบวินิจฉัยคดีก็ตาม แต่กลุ่มผู้วิพากษ์วิจารณ์ก็ควรมีเหตุผลหรือนำเสนอมุมมองที่เป็นวิชาการ หรือมีข้อโต้แย้งในทางกฎหมายจะเป็นการเหมาะสมกว่า แต่ข้อเท็จจริงกลุ่มดังกล่าวกำลังก้าวล่วงไปประณามตัวบุคคล หรือคณะตุลาการที่มานั่งบัลลังก์วินิจฉัยคดี


เชิดชู 9 ตลก.หัวขบวนยุติธรรมประเทศ
ทั้งที่ตุลาการทั้ง 9 ท่านที่รับผิดชอบคดีนี้ 6 ท่านมาจากศาลฎีกา และมีบางท่านเป็นถึงประธานศาลฎีกา และหลายท่านเป็นหัวหน้าคณะผู้พิพากษาในศาลฎีกา อีก 3 ท่านมาจากตุลาการในศาลปกครองสูงสุด และบางท่านเป็นประธานศาลปกครองสูงสุดด้วย ซึ่งคณะตุลาการเหล่านี้ถือว่าเป็นหัวขบวนของกระบวนการยุติธรรมของประเทศ


นายสุริยะใส ยังกล่าวว่า วันนี้กลับปล่อยให้มีการประณามและกล่าวหาว่าเป็นตุลาการโจรบ้าง หรือเป็นตุลาการเกินบ้าง ซึ่งหากปล่อยให้ขบวนการดังกล่าวต่อต้านคำวินิจฉัยอย่างไร้สติ ขาดเหตุผล และขาดข้อโต้แย้งที่เป็นวิชาการหรือมีข้อเท็จจริงทางกฎหมายรองรับ ในอนาคตจะกระทบต่อรูปคดีที่ศาลพิพากษา และศาลปกครองกำลังทำหน้าที่ไต่สวนเพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงในข้อกล่าวหาที่มีต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ครอบครัวชินวัตร และอดีตแกนนำพรรคไทยรักไทย


ในอนาคตหากทั้ง 2 ศาลมีคำพิพากษาออกมาว่า พ.ต.ท.ทักษิณ และอดีตแกนนำพรรคไทยรักไทยมีความผิด อาจจะทำให้มีขบวนการต่อต้านคำพิพากษาอย่างขาดเหตุขาดผลได้ จนทำให้กระบวนการยุติธรรมไม่หลงเหลือความน่าเชื่อถือในที่สุด


ล่าสุดสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน เผยแพร่แถลงการณ์ประณามนายสุริยะใส กตะศิลา ที่ออกมาให้สัมภาษณ์กรณีการต่อต้าน ตลก.รธน. โดยนายสุริยะใสเห็นว่าเป็นการกระทำโดย "ไร้สติ" และเรียกคนเหล่านี้ว่าเป็น "ขบวนการต่อต้านคำพิพากษา"


โดยสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกันมีความเห็นว่า ขอสนับสนุนทุกองค์กรที่เคลื่อนไหวในการคัดค้านคำวินิจฉัยของคณะตลก.รัฐธรรมนูญ เพราะมีแต่การคัดค้านคำวินิจฉัยเท่านั้นที่จะนำเอาความน่าเชื่อถือขององค์กรตุลาการกลับคืนมา ขอประณามพฤติกรรมของนายสุริยะใส กตะศิลา เพราะปัจจุบันได้เป็นที่ประจักษ์แล้วว่า นายสุริยะใส มิได้เคลื่อนไหวเพื่อรักษาระบอบประชาธิปไตย หลักนิติรัฐ แต่เป็นการเคลื่อนไหวของกลุ่มผลประโยชน์กลุ่มหนึ่งเท่านั้น และขอเรียกร้องให้สังคมและสื่อมวลชนได้ตรวจสอบความเป็น "นักประชาธิปไตย" ของทั้งนายสุริยะใส กตะศิลา และคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) ว่าปัจจุบันยังมีตัวตนอยู่หรือไม่ หรือว่าเป็น "องค์กรผี" ให้นายสุริยะใส กตะศิลา และพรรคพวกมาแอบอ้างหาผลประโยชน์ส่วนตนเช่นปัจจุบัน แถลงการณ์ดังกล่าวระบุ


 






แถลงการณ์สำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน
ประณามนายสุริยะใส กตะศิลา


ตามที่คณะตุลาการรัฐธรรมนูญ (ซึ่งต่อไปจะเรียกว่า คณะตลก.รัฐธรรมนูญ) ได้มีคำวินิจฉัยยุบพรรคไทยรักไทยและตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรคอีก 111 คน เป็นเวลา 5 ปี ด้วยข้อหาว่ากระทำการ "ขัดต่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญในระบอบประชาธิปไตย เป็นการล้มล้างรัฐธรรมนูญ" นั้น สำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน เห็นว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่ขัดต่อหลักการประชาธิปไตย และหลักนิติรัฐโดยสิ้นเชิงด้วยเหตุผลที่ว่า


            1. คณะตลก.รัฐธรรมนูญ ซึ่งมาจากคณะรัฐประหาร เริ่มต้นก็เป็นการทำลายประชาธิปไตยโดยพื้นฐานดังนั้น คณะตลก.รัฐธรรมนูญ ชุดนี้เองที่เป็นผู้ที่มีส่วนร่วมกับคณะรัฐประหารล้มล้างรัฐธรรมนูญ


            2. คณะตลก.รัฐธรรมนูญ ได้อาศัยคำสั่งคณะรัฐประหารฉบับที่ 27 ที่ออกมาหลังการรัฐประหารเพียง 11 วันโดยมีผลย้อนหลังความผิดที่ได้กระทำไปแล้ว ซึ่งผิดกับหลักกฎหมายที่สอนแม้กระทั่งนักศึกษากฎหมายชั้นปีที่ 1 ว่าการออกกฎหมายย้อนหลังไม่มีสิทธิทำได้


            ดังนั้นจึงมีความชอบธรรมยิ่งที่ผู้ที่รักประชาธิปไตยและเชื่อในหลักนิติรัฐทุกท่านต้องออกมาประณามคำวินิจฉัยอัปยศดังกล่าว และทางสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกันจึงขอสนับสนุนการที่ กลุ่มแนวร่วมประชาชนต้านรัฐประหาร (นรปต.) ได้ออกมาประณามทั้งคำวินิจฉัยและองค์คณะตลก.รัฐธรรมนูญในวันที่ 4 มิถุนายน 2550


            แต่ขณะที่ผู้รักประชาธิปไตยได้เคลื่อนไหวด้วยความกล้าหาญการณ์กลับเป็นว่า นายสุริยะใส กตะศิลา เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ผู้มีบทบาทใกล้ชิดสนิทสนมกับแกนนำคณะรัฐประหารได้ออกมา ให้ร้ายผู้ชุมนุมซึ่งใช้สันติวิธีและหลักเหตุผลว่า เป็นการกระทำโดย "ไร้สติ" และเรียกคนเหล่านี้ว่าเป็น "ขบวนการต่อต้านคำพิพากษา" อีกทั้งนายสุริยะใสได้ชี้ช่องให้คณะรัฐประหารใช้กำลังกับผู้ชุมนุมโดยให้เหตุผลเช่นเดียวกับเผด็จการว่า "หากปล่อยให้ขบวนการดังกล่าวต่อต้านคำวินิจฉัยอย่างไร้สติ ขาดเหตุผล จะกระทบต่อรูปคดีที่ศาลพิพากษา และศาลปกครองกำลังทำหน้าที่ไต่สวนเพื่อพิสูจน์ข้อเท็จจริงในข้อกล่าวหาที่มีต่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ครอบครัวชินวัตร และอดีตแกนนำพรรคไทยรักไทย จนทำให้กระบวนการยุติธรรมไม่หลงเหลือความน่าเชื่อถือในที่สุด"


            สำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกันมีความเห็นต่อกรณีดังกล่าวดังต่อไปนี้


            1. สำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน ขอสนับสนุนทุกองค์กรที่เคลื่อนไหวในการคัดค้านคำวินิจฉัยของคณะตลก.รัฐธรรมนูญ เพราะมีแต่การคัดค้านคำวินิจเท่านั้นที่จะนำเอาความน่าเชื่อถือขององค์กรตุลาการกลับคืนมา


            2 สำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน ขอประณามพฤติกรรมของนายสุริยะใส กตะศิลา เพราะปัจจุบันได้เป็นที่ประจักษ์แล้วว่านายสุริยะใส มิได้เคลื่อนไหวเพื่อรักษาระบอบประชาธิปไตย หลักนิติรัฐ แต่เป็นการเคลื่อนไหวของกลุ่มผลประโยชน์กลุ่มหนึ่งเท่านั้น


            3. สำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน ขอเรียกร้องให้สังคมและสื่อมวลชนได้ตรวจสอบความเป็น "นักประชาธิปไตย" ของทั้งนายสุริยะใส กตะศิลา และคณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย (ครป.) ว่าปัจจุบันยังมีตัวตนอยู่หรือไม่ หรือว่าเป็น "องค์กรผี" ให้นายสุริยะใส กตะศิลา และพรรคพวกมาแอบอ้างหาผลประโยชน์ส่วนตนเช่นปัจจุบัน


สำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน
4 มิถุนายน 2550

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net