เจ้ากระทรวงไอซีทีเผยเลิกแบนยูทิวบ์แล้ว (อย่างมีเงื่อนไข)

 

ที่มาของภาพ (AFP/File/Samantha Sin)

 

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า รัฐมนตรีกระทรวงไอซีทีของไทยเผยวานนี้ (31 ส.ค.) ว่าได้ยกเลิกการปิดกั้นเว็บไซต์แลกเปลี่ยนไฟล์วิดีโอชื่อดัง "YouTube.com" หลังการติดตั้งตัวกรองเพื่อป้องกันมิให้ผู้ใช้อินเทอร์เน็ตชมคลิปวิดีโอที่หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ

 

การปิดกั้นเว็บไซต์ดังกล่าว ดำเนินมาเป็นเวลากว่า 5 เดือน หลังจากมีผู้โพสต์คลิปวิดีโอตัดต่อพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวซึ่งเป็นที่เคารพรักไปวางใกล้กับภาพของเท้า โดยคนไทยเชื่อว่าเท้าเป็นส่วนที่ต่ำที่สุดและสกปรกที่สุดของร่างกาย และเลี่ยงการโชว์ฝ่าเท้าในที่สาธารณะ โดยการวางเท้าไว้ใกล้กับศีรษะของคนอื่นถือเป็นการกระทำที่หยาบคายอย่างมาก

 

จำนวนของคลิปวิดีโอหมิ่นพระบรมเดชานุภาพผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด ภายหลังจากที่มีข่าวสะพัดไปทั่วโลกว่าประเทศไทยแบนเว็บไซต์ดังกล่าว ทำให้เกิดการถกเถียงอย่างกว้างขวางในระดับนานาชาติเกี่ยวกับเสรีภาพในการสื่อสารในอินเทอร์เน็ต

 

นายสิทธิชัย โภไคยอุดม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารหรือไอซีที เปิดเผยกับเอเอฟพีว่า ได้ยกเลิกการปิดกั้นเว็บไซต์ยูทิวบ์ตั้งแต่วันพฤหัสบดี หลังจากที่เว็บไซต์ยูทิวบ์ติดตั้งตัวกรอง (filters) เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ใช้ที่เข้าจาก IP ของประเทศไทยดูคลิปที่เกี่ยวข้องกับการหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ได้

 

"มีการยกเลิกการปิดกั้นหลังจากที่เว็บไซต์ยูทิวบ์มีเทคโนโลยีคัดกรองคลิปที่เราไม่ประสงค์" สิทธิชัยกล่าวกับเอเอฟพี

 

"อันที่จริง เราบอกยูทิวบ์หลายเดือนก่อนหน้านี้ถึงความต้องการของทางกระทรวง แต่พวกเขาเพิ่งสามารถที่จะทำเช่นนั้นได้" เขากล่าว

 

ประเทศไทยประกาศในเดือนพฤษภาคมว่าได้มีการหารือเพื่อทำข้อตกลงกับยูทิวบ์ แต่มีการใช้เวลาหลายเดือนกว่าที่จะจัดการเรื่องเนื้อหาได้

 

หนังสือพิมพ์เดอะเนชั่น รายงานเมื่อวันศุกร์ว่าเจ้าของยูทิวบ์คือเว็บไซต์ยักษ์ "กูเกิ้ล" ตัดสินใจที่จะไม่ลบคลิปวิดีโอเพื่อเคารพต่อเสรีภาพในการสื่อสาร และยังรายงานว่าทางบริษัทเห็นด้วยที่จะมีการคัดกรองคลิปด้วยการป้องกันไม่ให้ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP) ในประเทศไทยเข้าถึงลิ้งค์ดังกล่าว แต่ทางกูเกิ้ลซึ่งมีสำนักงานอยู่ที่สหรัฐอเมริกา ไม่สามารถที่จะปฏิบัติตามความเห็นของไอซีได้ทันที

 

ทั้งนี้ พระมหากษัตริย์ของไทยได้รับความชื่นชมอย่างสูงในประเทศ และประเทศไทยเป็นประเทศที่มีสถาบันพระมหากษัตริย์มาช้านาน เป็นประเทศที่มีกฎหมายปกป้องพระมหากษัตริย์รวมถึงพระบรมวงศานุวงศ์จากการถูกหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ

 

ความแตกแยกกับยูทิวบ์อีกประการหนึ่งคือ รัฐบาลไทยซึ่งได้รับการสนับสนุนจากทหารที่ขึ้นสู่อำนาจตั้งแต่เกิดรัฐประหารในเดือนกันยายนปีที่ผ่านมา ได้โจมตีบริษัท (ยูทิวบ์) ด้วยการฟ้องร้องข้อหา "หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ" ซึ่งเป็นข้อหาที่ใช้กับการกระทำความผิดอันเป็นการสร้างความเสื่อมเสียให้แก่พระราชวงศ์

 

และในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ศาลไทยตัดสินจำคุกชายชาวสวิสเป็นเวลา 10 ปี หลังจากที่เขาได้ทำลายภาพพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ก่อนที่ภายหลังชายผู้นี้จะได้รับพระราชทานอภัยโทษและถูกเนรเทศออกจากประเทศไทย

 

นักสิทธิมนุษยชนด้านเสรีภาพสื่อ สุภิญญา กลางณรงค์ กล่าวว่าการยกเลิกการปิดกั้นเว็บไซต์ยูทิวบ์เป็นเพียงชัยชนะเบื้องต้นของเสรีภาพ "เรื่องนี้ดูเหมือนจะเป็นข่าวดี แต่หาได้เป็นเช่นนั้น แม้จะมีการยกเลิกปิดกั้นยูทิวบ์แต่การยกเลิกนั้นก็มาพร้อมกันเงื่อนไข เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นยังคงถูกจำกัด" สุภิญญากล่าวกับเอเอฟพี

 

ประเทศไทยยังคงปิดกั้นเว็บไซต์หลายร้อยแห่ง ส่วนใหญ่เป็นเว็บไซต์ที่นำเสนอภาพลามก ส่วนหนึ่งเป็นเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาวิพากษ์วิจารณ์สถาบันพระมหากษัตริย์

 

แม้ว่าอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร ที่ถูกขับไล่ออกนอกประเทศไปนั้น เคยถูกประณามจากการใช้กลยุทธ์ที่แข็งกร้าวในการจัดการกับสื่อ แต่นักวิจารณ์กล่าวว่าการเคารพสิทธิการแสดงออก โดยเฉพาะในอินเทอร์เน็ต เลวร้ายลงมากหลังการรัฐประหารโดยทหารเมื่อปีที่ผ่านมา

 

ฮิวแมน ไรท์ วอทซ์ (Human Rights Watch) ซึ่งเป็นหน่วยงานเฝ้าระวังด้านสิทธิมนุษยชนที่มีสำนักงานอยู่ที่นิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา กล่าวเมื่อเดือนพฤษภาที่ผ่านมาว่า ประเทศไทยยังคงมีปัญหาเรื่องของการถกเถียงทางการเมืองอย่างเสรี โดยมีการปิดกั้นเว็บไซต์ทางการเมือง และทำให้การวิพากษ์วิจารณ์ในสังคมออนไลน์เงียบลง

 

ภายใต้พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 ที่ยกร่างในเดือนกรกฎาคมโดยสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ซึ่งมาจากการแต่งตั้งของทหารนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจมีอำนาจยึดเครื่องคอมพิวเตอร์จากบ้านและที่ทำงาน เพื่อควบคุมภาพลามกทางอินเทอร์เน็ต

 

ที่มาของข่าว : แปลและเรียบเรียงจาก

Thailand lifts five-month YouTube ban, by Anusak Konglang, AFP, Fri Aug 31,

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท