Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis

กระแสเอเธนส์เกมส์
การันตีอนาคต เจ๊บุษ
สว.เชียงใหม่

กระแสฮีโร่โอลิมปิกปีนี้ ไฮไลท์ของสถานการณ์ที่อยู่ที่กีฬายกน้ำหนักที่ไม่เพียงแต่จะสร้าง 4 วีรสตรีให้เป็นประวัติศาสตร์ผลงานทะลุเป้าของสมาคมยกน้ำหนักสมัครเล่นแล้ว ความแรงของเหตุการณ์นี้ยังพิสูจน์ให้เห็นด้วยการพลิกชีวิตอดีตฮีโร่ที่ถูกลืมอย่างสง่า วังคีรีให้ฟื้นกลับมาเกาะเกี่ยวกระแสรับทรัพย์ ได้อีกด้วย

และกระแสเดียวกันนี้ อาจพลิกผันให้ผู้หญิงคนที่ชื่อ "บุษบา ยอดบางเตย" เข้าสู่เส้นทางสายสมาชิกวุฒิได้อย่างง่ายดายขึ้น ไม่ต้องเหน็ดเหนื่อยและผิดหวังกับสนามอบจ.ที่ผ่านมามากนัก

เพราะชื่อของเธอเกาะเกี่ยวเหนียวแน่นไปกับผลงานการยกลูกเหล็กครั้งนี้ โดยมิใช่เฉพาะสนามเชียงใหม่เท่านั้น แต่ปรากฏต่อสายตาในระดับมวลมนุษยชาติมาที่เอเธนส์เกมส์เลยทีเดียว

*********************************************

ภาพของบุษบา ยอดบางเตย อาจถูกตั้งคำถามต่อคนไทยทั้งประเทศ ว่าเธอไปโอบกอด หอมแก้ม ถ่ายภาพและลุ้นสาวจอมพลังทีมยกน้ำหนักจากประเทศไทยเคียงคู่กับโค้ชชาวจีน "จาง เจีย หมิน"ได้อย่างไร แต่เมื่อคำตอบที่ว่าเธอคือผู้จัดการทีมยกน้ำหนักที่ไปทำหน้าที่รับใช้ชาติเหมือนกันคงทำให้สังคมหายสงสัยแม้อีกสถานะหนึ่งเธอจะคือคู่ชีวิตของพลตรีอินทรัตน์ ยอดบางเตย นายกสมาคมยกน้ำหนักฯ คนปัจจุบันก็ตาม

บุษบา นอกจากจะถ่ายทอดคำพูดภาษาจีนของโค้ชจาง เจีย หมินออกมาเป็นภาษาไทยได้ชนิดไฟแลบแล้ว เธอผู้นี้คือผู้ทำจิตวิทยากับบรรดานักกีฬาทั้งระหว่างซ้อมและนาทีลงแข่งอย่างต่อเนื่อง

"กับน้องอรนี่ต้องประเภทใครท้าไม่ได้ เขาจะไม่ยอม ส่วนปวีณาเห็นอย่างนี้จะอ่อนไหว ต้องคอยดูแลจิตใจเพราะเขากดดันมาก เสธ.เห็นเขาเป็นลูกรักเลยจะโทรมาตลอดว่าไก่เป็นอย่างไรบ้าง ต้องให้สบายใจนะ ส่วนอารีย์นี่พอเขายกไม่ผ่านทีหนึ่ง ก็มาไซโคกับเขาว่า เอ๊ะ เมื่อกี้อารีย์ลืมไหว้แม่ไปหรือเปล่า เอาใหม่นะ ส่วนวันดีนี่เราหวังว่าเขาจะเป็นมวยซุ่ม แต่ได้เหรียญทองแดงอันนี้อยู่ที่วาสนาของเด็ก และเขาก็บาดเจ็บด้วย"บุษบาให้สัมภาษณ์รายการโทรทัศน์รายการหนึ่งบ่งบอกถึงความใกล้ชิดและคลุกวงในของเธอในสมาคมนี้

แต่มิใช่ว่าเธอจะคลุกกับวงการยกน้ำหนักเพียงแค่วันนี้ บุษบาบอกกับ "พลเมืองเหนือ"มาตามสายระหว่างร่วมงานเลี้ยงประวัติศาสตร์ที่วุฒิสภาจัดให้กับทัพนักกีฬาเอเธนส์เกมส์ว่า เธอทำงานด้านกีฬายกน้ำหนักมากว่า 10 ปี และปัจจุบันกำลังปลุกปั้นสมาคมเคียงดาววัลเลย์ อันเป็นสมาคมยกน้ำหนักที่เชียงใหม่ ซึ่งคัดนักกีฬาเยาวชนในนามของจังหวัดเชียงใหม่มาอย่างต่อเนื่อง

และแม้แต่กับ สง่า วังคีรี ก็เป็นเธอนี่แหละที่นำสง่า ในวันที่รามือจากวงการยกลูกเหล็ก เข้ามาสู่รั้วเทศบาลนครเชียงใหม่

บุษบา ซึ่งในวันนั้นเธอนั่งอยู่บนเก้าอี้สูงสุดของสภาเจดีย์กิ่ว ด้วยตำแหน่งนายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่จากกลุ่มนวรัฐพัฒนา ได้นำสง่ากับวุฒิการศึกษา ป.6 เข้ามาช่วยหยิบจับทำหน้าที่เป็นหน้าห้องฯ ด้วยตำแหน่งลูกจ้างชั่วคราว และเรียนจนได้อนุปริญญา จากสถาบันราชภัฏเชียงใหม่ ในสาขาคหกรรมศาสตร์ไปด้วย

ชีวิตของสง่าช่วงนี้ได้ทำให้สังคมรู้ได้ว่า คำว่า "ค่าของคนอยู่ที่คนของใคร" นั้นมิใช่คำกล่าวที่เกินเลย เพราะเมื่อ 2 ปีต่อมาเส้นทางการเมืองของบุษบาพลิกผัน "กลุ่มเชียงใหม่คุณธรรม"ซึ่งยุคนั้นนำทีมโดยปกรณ์ บูรณุปกรณ์ ส.ส.ไทยรักไทยคนปัจจุบัน ได้ก้าวเข้ามาบริหารงานแทน และต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบันนี้โดยบุญเลิศ บูรณุปกรณ์ผู้พี่ นอกจากตำแหน่งงาน ,อัตราเงินเดือน จะไม่มีการเปลี่ยนแปลงตลอด 7 ปีของการทำงานแล้ว การเซ็นต์สัญญาปีต่อปีของระบบลูกจ้างชั่วคราวยังกดดันเธอในแง่ความมั่นคงของคนอายุ 37 ปี มิหนำซ้ำเสียงร่ำลือในวงการลูกจ้าง - ข้าราชการ ซึ่งเป็นธรรมดาของคนหมู่มากอยู่รวมกัน คำครหาที่บอกว่าสง่ากินเงินเดือนเทศบาลฯ แต่ใช้เวลาวุ่นเรื่องยกน้ำหนักยังได้ยินเข้าหูมาด้วยซ้ำ

"พี่เป็นคนพาเขาเข้ามาที่เทศบาลเอง และช่วยเขามาตลอด เพราะวุฒิเขาตอนนั้นสมัครงานที่ไหนก็ลำบาก ก็หวังว่าเขามาเป็นลูกจ้าง พอเรียนได้วุฒิก็จะได้บรรจุเป็นพนักงานประจำ แต่พี่ก็ไม่ได้เป็นผู้บริหารต่อ อีกฝ่ายก็ไม่ได้บรรจุสง่าให้ ทางสมาคมฯ โดยพลตรี อินทรัตน์ ก็พยายามทำเรื่องให้เขาทุกปี ยื่นเรื่องไปที่เทศบาลฯ เขาบอกว่าไม่มีอำนาจให้ยื่นเรื่องต่อไปที่กระทรวงมหาดไทย ก็ทำให้เขาแต่ก็ไม่ได้รับคำตอบกลับมา ไม่ใช่ว่าสมาคมฯ จะไม่ช่วยเหลือเขา ช่วงที่เขาไปออกรายการถึงลูกถึงคนก็ยังโทรศัพท์มาหารือพี่ ยังแนะนำเขาว่าไปออกก็ดี ซึ่งพอไปออกรายการสง่าบอกว่าสง่ามัวแต่ร้องไห้เลยลืมที่จะพูดไปหมด ก็เลยมีที่เขาพูดสับสนอยู่บ้างอย่างสง่าเขาเป็นนักกีฬารุ่นที่ 1 ส่วนเด็กๆ เอเธนส์เกมส์นี้เขารุ่นที่ 4 แล้ว ไม่ทันกันแต่ก็มีมาดูมาตอนซ้อมอยู่บ้าง และเด็กพวกนี้เขารักกัน แต่ก็เครียดไปเหมือนกัน แต่จริงๆแล้วสง่าก็น่าสงสารเขาอยู่ในยุคที่กีฬาประเภทนี้ไม่บูมและยังต้องรับผิดชอบครอบครัว "

บุษบามองว่าหลายคนจึงอาจตั้งคำถามว่าสมาคมฯ ไม่ช่วยเหลืออะไรสง่าหรือ ซึ่งเธอขอบอกว่าสมาคมฯ ได้ช่วยเหลือในสิ่งที่ช่วยได้มาโดยตลอด นักกีฬายกน้ำหนักทุกรุ่นยืนยันได้ เพียงแต่ยุคของสง่า เป็นยุคแรกเริ่มที่สมาคมยกน้ำหนักฯ ไม่มีชื่อเสียงหรือผลงานโดดเด่น จะมีก็ยุคของเกษราภรณ์ สุดตา ที่เริ่มได้เข้ารับราชการประกอบกับเกษราภรณ์เรียนจบปริญญาตรีจึงได้บรรจุเป็นทหารเรือเป็นคนแรก

บุษบาบอกด้วยว่าทุกวันนี้เธอก็ยังให้สง่าได้มาช่วยเหลือในการทำทีมยกน้ำหนักภายใต้สโมสรเคียงดาวโดยฝึกซ้อมนักกีฬาเยาวชนที่จะเป็นตัวแทนสมาคมยกน้ำหนักของจังหวัดเชียงใหม่ โดยมีเบี้ยเลี้ยงให้แล้วแต่ที่จะเบิก และมองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับสง่าในวันนี้เพราะกระแสของโอลิมปิคที่สมาคมฯได้มีผลงานเป็นที่ยอมรับซึ่งต่างจากยุคแรกที่สง่าได้บุกเบิกไว้ เพราะสมาคมฯยังไม่มีผลงานให้ได้รับความสนใจเหมือนวันนี้

"ตอนนี้เสธฯ ก็ได้ทำหนังสือถึงพล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา ประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย เรื่องการบรรจุให้สง่าเป็นทหาร โดยประสานไปยังกองทัพบกเพื่อให้สง่ารับราชการในจังหวัดเชียงใหม่เพื่อจะได้ดูแลนักกีฬายกน้ำหนักต่อไปด้วย เพราะเราจะต้องให้งานที่เหมาะสมกับเขา เขามีความถนัดด้านนี้"

และผลงานของสมาคมยกน้ำหนักด้วยฝีมือของพลตรีอินทรัตน์ ยอดบางเตย นายกสมาคมยกน้ำหนักสมัครเล่นแห่งปรเทศไทยในฐานะ ส.ว.เชียงใหม่สร้างความตื่นเต้นต่อสภาสูงไม่แพ้กันถึงกับเป็นครั้งแรกของการจัดเลี้ยงให้ทัพนักกีฬาเป็นประวัติศาสตร์ การประกาศเชิดชูเกียรติพลตรีอินทรัตน์ ยอดบางเตยด้วยซ้ำ

และเสธยอดไม่เคยลืมที่จะเชิดชูบุษบาด้วยเสมอ …

เสียงลือกระหึ่มมานานแล้วว่า หลังพลตรีอินทรัตน์พ้นสมัยของสว.คราวนี้ไป บุษบานี่แหละคือตัวตายตัวแทน

แม้เธอจะผิดหวังกับสนามอบจ. แต่ไม่เคยบอกว่าจะยุติบทบาท และดูเหมือนสนามส.ว.จะคือเส้นทางที่ทอดมาหาเธอได้โดยไม่มีขวากหนามเหมือนสนามอื่น

เธอหัวเราะมาตามสายเมื่อพูดถึงเรื่องนี้

"ที่ทำก็ทุกอย่างก็ทำด้วยความจริงใจ ไม่ได้หวังอะไร บอกตามตรงว่าพี่ไม่มีลูก มีความพร้อมที่จะทำงาน การที่สมัครเล่นการเมืองเพราะเห็นว่าสามารถทำประโยชน์ต่อสังคมได้ มีความรู้ความสามารถจะช่วยเหลือบ้านเมือง แล้วกับการที่ทำงานยกน้ำหนักมาถึง 10 ปี ก็คงจะเห็นแล้วว่าทุ่มเทและทำจริง"

แล้วถึงวันนั้น คนเชียงใหม่คงได้พิสูจน์กันได้ว่า กระแสเอเธนส์เกมส์นั้น…แรงพอจะฉุดเธอเข้ามาในตำแหน่ง ส.ว.เชียงใหม่ได้หรือไม่ !?

--------------------------------------------------------------------

สง่า วังคีรี
ลาที….เทศบาล

สง่า วังคีรี…เธอมิได้กล่าวคำนี้เอง และท่าทีแบ่งรับแบ่งสู้เมื่อพูดถึงเรื่องงานเพราะไม่อยากจะกระทบใคร แต่สิ่งที่เธอกำลังถูกหยิบยื่นมาให้ผ่านพลังของสื่อและกระแสของเอเธนส์เกมส์ ก็พอจะคาดเดาได้ว่า เธออาจจะได้โบกมือลาสภาเจดีย์ขาว ที่ที่เธอใช้ชีวิตอยู่ถึง 7 ปี เป็น 7 ปีแห่งความกล้ำกลืน อดทนรอคอยด้วยความคาดหวัง

ที่จริง ตำแหน่ง "ลูกจ้างชั่วคราว" กับเงินเดือน "4,100 บาท" มิใช่เพียงเธอลำพังที่เผชิญกับสิ่งนี้ ทั่วทั้งประเทศมีคนนับแสนที่กิน อยู่ และใช้ชีวิตด้วยเงินและสถานะนี้อยู่

หากเธอต่างตรงที่เคยรับใช้ชาติ และเวลาได้หมุนมาให้บรรจบกับกระแสคลั่งฮีโร่โอลิมปิคในวันนี้ ผ่านช่องทางอันทรงพลังอย่าง "สื่อมวลชน"

"พลเมืองเหนือ" ได้เคยนำเสนอเรื่องราวของเธอ ในแง่มุมที่ชอกช้ำ และไม่ได้รับความเป็นธรรมจากสังคมมาตั้งแต่เอเธนส์เกมส์ยังไม่เปิดฉาก ด้วยคอลัมน์ "ค้นคนเหนือ" และอีกครั้ง กับเรื่องจากปกฉบับ "เคยสู้เหมือนกันโว้ย !"วันนี้ เรื่องราวของสง่า ได้ถูกตีแผ่ไปทั่วประเทศจากสารพัดสื่อ

ชื่อของสง่า วังคีรี ได้เกิดขึ้นมาระดับประเทศอีกครั้ง …แม้ไม่ใช่ในฐานะวีรสตรีผู้สร้างความภาคภูมิใจแก่ประเทศชาติในยุคนี้ แต่เป็นภาพของอดีตนักกีฬาทีมชาติที่ตกอับ มีชีวิตที่พลิกผันจากหน้ามือเป็นหลังมือ เป็นลูกกตัญญู เป็นฮีโร่ที่ถูกลืม เวลานี้คนทั้งประเทศได้แบ่งใจจากน้องๆ หน้าใสเจ้าของเหรียญโอลิมปิกครั้งประวัติศาสตร์ของไทย มาร่วมหลั่งน้ำตาไปกับ ชีวิตรันทดของสง่า วังคีรี นักยกน้ำหนักหญิงรุ่นบุกเบิกไปด้วย

วันนี้นอกจากสง่าจะได้เงิน 3 แสนบาทเป็นทุนการศึกษาจากกระทรวงสาธารณสุขผ่านนางสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ จังหวัดเชียงใหม่ได้เรียกตัวสง่าเข้าพบเพื่อให้ข้อมูลและเตรียมที่จะช่วยเหลืออีกระดับหนึ่งแล้ว รวมทั้ง
พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา ประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยได้ประสานเรื่องไปยังพลเอกชัยสิทธิ์ ชินวัตร ผู้บัญชาการทหารบก เรื่องการบรรจุให้สง่าเป็นทหารที่เชียงใหม่ด้วย

แต่หากย้อนไปก่อนหน้าที่กีฬายกน้ำหนักจะบูมเช่นนี้ ที่นั่งของข้าราชการดูเหมือนไม่ว่างสำหรับเธอมาตลอดทั้ง 7 ปี

เวลานี้คนทั้งประเทศได้แบ่งใจจากน้องๆ หน้าใสเจ้าของเหรียญโอลิมปิกครั้งประวัติศาสตร์ของไทย มาร่วมหลั่งน้ำตาไปกับ ชีวิตรันทดของสง่า วังคีรี นักยกน้ำหนักหญิงรุ่นบุกเบิกไปด้วย

สิ่งที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วกับสง่า เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่าเกิดจากปัจจัยความสำเร็จสูงสุดของวงการกีฬายกน้ำหนักและด้วยพลังของสื่อ แต่สิ่งที่เห็นอาจจะเป็นเพียงบางส่วนของความเป็นจริงเท่านั้น

จะเป็นไปได้หรือไม่ หากเราจะยอมรับความเป็นจริงและมองให้รอบด้านว่า เวลาเพียง 2 ชั่วโมงในรายการทอล์คโชว์เชิงข่าว "ถึงลูกถึงคน" กับโอกาสทองที่เธอได้ระบายความอัดอั้นตลอด 7 ปีเต็มของการรอคอยอย่างน้อยใจในโชคชะตาของตัวเอง ย่อมถ่ายทอดได้เพียงบางมุมเป็นแน่ และแน่นอนต้องเป็นมุมบวกสำหรับเธอ

แต่อีกมุมย่อมมีบางคำถามที่แทรกขึ้นมาว่าจะเป็นไปได้เชียวหรือ ที่เธอทำมาขนาดนี้แล้ว จะไม่มีใครคอยช่วยเหลือ หรือที่เราได้ฟังมานั้น ไม่ใช่เรื่องราวทั้งหมดที่มีอยู่ และอนาคตของอดีตนักกีฬาทีมชาติที่โชคชะตาล้อเล่นแรงๆ กับเธอนั้น จะเป็นเช่นไร

--------------------------------------------------------------------

บุษบา ยอดบางเตย ซึ่งเธอเป็นเสมือนแม่คนที่ 2 ของนักยกลูกเหล็กสาวหลายต่อหลายรุ่นของประเทศ และทั่วโลกได้เห็นเธอโอบกอดให้กำลังใจ 4 วีรสตรีเอเธนส์เกมส์ของไทยทุกครั้งในฐานะผู้จัดการทีมนั้น เธอผู้นี้แหละที่สำหรับสง่าแล้ว เธออาจพูดไม่ได้เต็มปากนักว่า "ลาที….เทศบาลฯ" เพราะหลายอย่างยังไม่มีความชัดเจน แต่แนวโน้มชีวิตของเธอเป็นไปได้สูงมากที่จะได้สัมผัสกับคำว่า "ข้าราชาการ"สมดังใฝ่ฝัน และอาจไม่ใช่ในที่ที่เธอเคยอยู่ เพราะก่อนหน้านี้ ตั้งแต่ยังไม่มีใครสนใจเธอ การนำเสนอข้อมูลของสื่อท้องถิ่นรวมทั้ง "พลเมืองเหนือ"ได้รับรู้จากทั้งผู้บริหารและข้าราชการระดับสูงในสภาเจดีย์ขาวเพียงว่า "กำลังดูๆ ให้อยู่แต่อัตราเต็มแล้ว" แต่ล่าสุด เพราะความแรงของกระแสขณะนี้จังหวัดเชียงใหม่ได้เรียกตัวสง่าเข้าพบเพื่อให้ข้อมูลและเตรียมที่จะช่วยเหลืออีกระดับหนึ่งแล้ว

สง่า พบกับ "พลเมืองเหนือ"อีกครั้งและเล่าว่า ทีมงานรายการถึงลูกถึงคนติดต่อมาขณะที่อยู่กรุงเทพพอดี โดยบอกว่าอยากให้ไปออกรายการเพราะเขาทราบข้อมูลจากหนังสือพิมพ์ พลเมืองเหนือ ก็เลยตอบตกลงไป…คงเป็นฟ้าลิขิตให้ได้มาออกรายการนี้ โดยไม่คาดคิดมาก่อน

สง่าบอกว่าที่เธอร้องไห้มากมายในรายการนั้น เป็นเพราะสุดกลั้นกับความเก็บกดที่มีมานาน ว่าเราทำเพื่อชาติมามากแต่ทำไมไม่ได้รับการเหลียวแล แต่ที่จริงอยากบอกว่าทางสมาคมยกน้ำหนักฯ ก็พยายามช่วยเหลืออยู่ตลอด ทำหนังสือให้ผู้ใหญ่ระดับชาติช่วยเหลือ และผลักดันให้เราได้รับราชการเรื่อยมา แต่ก็ไม่เป็นผล ก็เลยทำให้รู้สึกน้อยใจอย่างมาก

แต่หลังจากออกรายการแล้ว เสียงตอบรับจากประชาชนเป็นไปด้วยดี จนทำให้เธอรู้สึกตื้นตันใจ ที่คนไทยยังไม่ลืม โดยเฉพาะตอนจบรายการ มีคนดูหลายคนก็เข้ามาขอลายเซ็นต์ และบอกว่าเธอพูดได้ดี ทำให้ประทับใจมาก นอกจากนั้นประชาชนทางบ้านก็ให้กำลังใจมาอย่างท่วมท้นเช่นกัน ทั้งทางโทรศัพท์มาและส่งSMS มาในรายการ

"ที่สำคัญคือท่านรัฐมนตรีสุดารัตน์ ที่มอบทุนการศึกษาให้ เพราะท่านรู้ว่าสง่าเรียนมาน้อย ท่านเห็นสง่าในรายการและบอกว่า ดูแล้วสงสารจนร้องไห้ตาม หลังจากนั้นจึงติดต่อมาให้ทุนการศึกษา"

ในนาทีนี้สง่าบอกว่า "หากต้องขอบคุณใครในตอนนี้ คงต้องขอบคุณทางสมาคมยกน้ำหนักฯที่คอยสนับสนุนมาตลอด และสื่อมวลชนที่เปิดเผยเรื่องราวของตน ให้ประชาชนได้ทราบ รวมทั้งหนังสือพิมพ์พลเมืองเหนือ ที่ช่วยเหลือเปิดประเด็นให้ สำหรับเพื่อนร่วมงานก็คอยให้กำลังใจ และแสดงความยินดีด้วย มีนักข่าวมาติดต่อหลายแห่ง มีคนมาขอลายเซ็นต์ ทำให้นึกถึงตอนที่รุ่งเรือง ตื้นตันใจที่ยังมีคนนึกถึงเราอยู่ ตอนนี้ก็ได้อัดรายการที่ได้ไปออก แจกให้คนอื่นๆ เพื่อเป็นกำลังใจให้ต่อสู้กันต่อไป" สง่ากล่าวในที่สุด

ในวันที่เธอพอจะมีสิทธิ์หวังอะไรได้บ้างนั้น สง่ายังยืนยันอยากได้งานที่มั่นคง ซึ่งงานที่เธออยากทำคือสังกัดกรมทหาร โดยยอมที่จะทำทุกอย่าง แม้จะให้เป็นผู้ช่วยกุ๊กในกรม ก็สามารถทำได้ โดยเงินเดือนไม่ต้องมากก็ได้ ,รถกระบะสักคันเพื่อ พานักกีฬาไปแข่ง โดยเธอบอกว่ารถของตัวเองที่มีอยู่ อายุหลายปีแล้ว และต้องซ่อมบ่อย แต่ก็ยังรักรถคันนี้อยู่เพราะได้มาจากน้ำพักน้ำแรงของเรา เคยให้เขาตีราคาได้ 2หมื่นบาท แต่ก็ไม่อยากขายเพราะเสียดาย สำหรับสิ่งสุดท้ายที่อยากขอคืออยากได้สวัสดิการให้เต็มที่เพราะเวลานี้พ่อแม่ ก็แก่มากแล้ว อยากทำตัวเองให้เป็นเสาหลักของครอบครัวได้

สิ่งที่สง่าจะได้รับหลังจากนี้ไป อาจเป็นจำนวนไม่มากเท่ารุ่นน้องที่ได้แชมป์โอลิมปิกกลับมาคราวนี้ แต่คาดว่าเธอคงได้รับความช่วยเหลือจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างเต็มที่ หรืออย่างน้อย ก็ได้งานหลักที่มั่นคง อย่างที่เธอถวิลหามา ร่วม 7 ปี

ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เราคงต้องยอมรับความจริงที่ว่าเมื่อชื่อเสียงเกิดขึ้นมาที่เมื่อใด ต้องยอมรับวันที่ตกต่ำให้ได้ สง่าเองก็เคยได้สัมผัสกับความรู้สึกทั้งสองด้านมาอย่างลึกซึ้ง การมีชีวิตใหม่ของเธอในวันนี้ คงทำให้เธอได้มองเห็นสัจธรรมของชีวิตได้มากขึ้นว่าวงการนี้มีทั้งขึ้นและลง และเมื่อลงแล้วก็อาจขึ้นได้ หากใครรู้จักประคับประคองตัวเองให้อยู่ในแนวทางที่ดี รู้จักการวางตัวอย่างเหมาะสม แม้ชื่อเสียงจะหมดไป แต่อย่างน้อยก็ยังภาคภูมิใจในศักดิ์ศรีของตัวเองได้อยู่.

รายงานโดย : ศูนย์ข่าวประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net