รายงานพิเศษ เปิดโปง: รัฐก่อการร้ายเพื่อดอลล่าร์*

ขัดเกลาสำนวนให้เป็นไทย จาก Naomi Klein The Guardian (UK) August 16, 2003
(จาก http://www.geocities.com/thaifriendforum/stateterrorism.html)

งบทางทหารที่สหรัฐฯ เพิ่มให้กับไทย ฟิลิปปินส์และอินโดนีเซียอย่างมหาศาล
หลังเหตุการณ์ 9/11น่าจะเป็นกุญแจสำคัญที่ไขปริศนาว่า

ทำไม รัฐบาลของทั้งสามประเทศนี้ จึงพร้อมใจกันกระทำกับประชาชนของตนเยี่ยงผู้ก่อการร้าย

ในขณะที่สังคมกำลังถูกมอมเมาด้วยข่าวบันเทิงเกี่ยวกับ อาร์โนล ชวาร์ตเซอเนกเก้อร์คนเหล็ก นักกีฬาโกบี ไบรอั้น และชีวิตรักของเจนนิเฟอร์ โลเปส รายงานข่าวที่สำคัญฉบับหนึ่งจากฟิลิปปินส์เกือบจะไม่ได้ขึ้นหัวข้อข่าวต่างประเทศ

เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม 2546 ทหารฟิลิปปินส์จำนวนสามร้อยนายได้วางกับระเบิด C-4 ในศูนย์การค้าในย่านใจกลางเมืองมะนิลา เป็นการจัดฉากการถูกวางระเบิด เพื่อที่ฟิลิปปินส์จะได้ดึงดูดเงินดอลล่าร์จากสหรัฐอเมริกามาทำสงครามต่อต้านผู้ก่อการร้าย ในเวลาใกล้เคียงกัน ก็มีข่าวระเบิดโรงแรงแมริออทในกรุงจาการ์ตา อินโดนีเซีย และข่าวกรองรั่วมาว่าเหตุการณ์ตึกถล่ม 911 ในนิวยอร์คนั้น ได้ถูกวางแผนโดยผู้ก่อการร้ายในกรุงมะนิลา เมื่อนำเหตุการณ์เหล่านี้มาปะติดปะต่อกัน เราแทบจะทำนายได้ว่า ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ คงเป็นสนามรบต่อไปสำหรับการปฏิบัติการต่อต้านผู้ก่อการร้ายของสหรัฐอเมริกาเป็นแน่

ประเทศฟิลิปปินส์และอินโดนีเซีย แม้จะดูไม่เผด็จการเหมือนอิหร่านหรือเกาหลีเหนือ แต่ก็มีผู้นำที่เป็นมิตรกับสหรัฐอเมริกา และพร้อมทุกเมื่อที่จะช่วยสหรัฐในปฏิบัติการกวาดล้างผู้ก่อการร้าย ทั้งนางอโรโย่แห่งฟิลิปปินส์ และนางเมกะวาตีแห่งอินโดนีเซียต่างก็ได้ใช้ความร่วมมือกับประธานาธิบดีบุชเป็นฉากบังหน้าในการกวาดล้าง

กลุ่มแบ่งแยกดินแดนในประเทศของตนเอง อันได้แก่เขตมินดาเนาในฟิลิปปินส์ และเขตอาเซในอินโดนีเซีย

รัฐบาลฟิลิปปินส์ ได้รับผลประโยชน์มหาศาลจากการร่วมเป็นพันธมิตรกับวอชิงตันในครั้งนี้ ภายในเวลาเพียงหนึ่งปีสหรัฐได้เพิ่มงบการช่วยเหลือฟิลิปปินส์จากปีละ 84 ล้านบาทในปี 2544 มาเป็นปีละกว่า 3,300 ล้านบาทในปี 2545 หรือ 40 เท่าในปีเดียว ในขณะเดียวกัน สหรัฐฯ ก็ได้ส่งกองกำลังพิเศษเข้าไปในมินดาเนาเพื่อถล่มกลุ่มอบู ซายัฟ ซึ่งเชื่อว่าเป็นเครือข่ายของอัล ไคด้า

ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ทหารอเมริกันกว่า 3,000 นายได้เดินทางมาถึงฟิลิปปินส์ ซึ่งนางอโรโย่ ได้ชี้แจงให้ประชาชนทราบว่าทหารสหรัฐฯ กลุ่มนี้เข้ามาเพื่อร่วมฝึกรบกับทหารฟิลิปปินส์ ในทางกลับกัน โฆษกของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯกลับออกมาแถลงการณ์ ว่าทหารอเมริกันจะเข้าไปปราบปรามผู้ก่อการร้ายถึงพื้นที่ ไม่ใช่แค่ไปฝึกรบ

การกระทำดังกล่าว ขัดแย้งกับรัฐธรรมนูญของฟิลิปปินส์ซึ่งห้ามการเข้ามาต่อสู้ของทหารต่างชาติในประเทศฟิลิปปินส์ รัฐธรรมนูญนี้ถูกร่างขึ้นมาเพื่อป้องกันการกลับมาของฐานทัพสหรัฐฯ ซึ่งเดิมมีอยู่กลาดเกลื่อนทั่วฟิลิปปินส์จนถึงปี 2535 เมื่อข่าวการกลับมาของทหารสหรัฐฯ ในครั้งนี้รั่วไปถึงประชาชน ก็เกิดกระแสต่อต้านอย่างรุนแรงจนนางอโรโย่ต้องยกเลิกปฏิบัติการดังกล่าว

หกเดือนให้หลัง ในขณะที่ทั่วโลกกำลังติดตามข่าวในอิรัก ก็ได้มีเหตุการณ์ลอบวางระเบิดหลายครั้งในมินดาเนา ใครกันเป็นตัวการในการระเบิดเหล่านี้? ในขณะที่รัฐบาลฟิลิปปินส์ประกาศว่าตัวการคือกลุ่มอิสลามแบ่งแยกดินแดนโมโร (Moro Islamic Liberation Front) ทหารฝ่ายกบฏแย้งว่ารัฐบาลฟิลิปปินส์เป็นผู้ก่อการระเบิดเสียเอง เป็นการสร้างภาพให้ประเทศฟิลิปปินส์ดูเป็นเป้าของการก่อการร้าย เพื่อที่จะทำให้สหรัฐฯ เข้ามายุ่งเกี่ยวและให้เงินสนับสนุนง่ายขึ้น

ทหารฝ่ายกบฏ กล่าวหารัฐบาลว่า:

-ทหารระดับสูงของฟิลิปปินส์ได้ร่วมมือกับนางอโรโย่ในการวางระเบิดสนามบินในเมืองดาเวา ทางภาคใต้ ทำให้มีผู้เสียชีวิตสามสิบคน ผู้นำฝ่ายกบฏอ้างว่ามีพยานหลายร้อยคนที่จะให้ปากคำได้
-กองทัพฟิลิปปินส์ได้กระทำการก่อการร้ายในมินดาเนาด้วยการขายอาวุธให้กับกองกำลังกบฏที่ทหาร
ของรัฐถูกส่งให้ไปสู้ด้วย
-เจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจได้ช่วยให้ผู้ก่อการร้ายที่กำลังถูกกุมขัง หลบหนีออกจากคุก หลักฐานล่าสุดคือการหลบหนีของ Fathur Rohman al-Ghozi เมื่อวันที่ 14 กรกฎา จากคุกที่มียามคุ้มกันอย่างแน่นหนาในเมืองมนิลา นาย al-Ghozi มีชื่อเสียงทางด้านการผลิตระเบิดให้กับกลุ่ม Jemaah Islamiah (JI) ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นผู้ก่อเหตุระเบิดในบาหลี และเหตุระเบิดโรงแรมแมริออท

-ในขณะนี้ รัฐบาลฟิลิปปินส์กำลังเตรียมวางระเบิดก่อการร้าย เพื่อจะได้ประกาศกฏอัยการศึก

นางอโรโย่ ปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว และกล่าวหาว่ากลุ่มกบฏเป็นหมากให้กับคู่แข่งทางการเมืองของเธอ ท้งนี้กลุ่มกบฏได้ชี้แจงว่าพวกเขาไม่ได้ต้องการที่จะแย่งอำนาจ หากเพียงแต่ต้องการเปิดโปงแผนการลับระดับชาติเท่านั้น เมื่อนางอโรโย่สัญญาที่จะตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อหาดังกล่าว กลุ่มกบฏก็สลายตัวไปโดยไม่ได้ก่อความรุนแรงแต่ประการใด

ข้อกล่าวหารัฐบาลดังกล่าว เป็นที่ยอมรับกันทั่วไปในบรรดาสื่อมวลชนหรือแม้กระทั่งในวงการทหาร อดีตกัปตันเรือนาวิกโยธินคนหนึ่งได้แสดงความเห็นว่าข้อกล่าวหานี้ "มีเหตุผล และชอบธรรม" หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นก็ได้รายงานว่าการที่กองทัพขายอาวุธให้กับกลุ่มกบฏนั้นเป็น "ความลับที่ถูกเปิดเผย" และ "รู้กันทั่วไป" นายพลนาซิสโก อบาย่า ได้ยอมรับว่า "การคอรัปชั่นมีอยู่ในทุกระดับ ส่วนทางด้านตำรวจก็ได้ยอมรับแล้วว่าการแหกคุกของนาย al-Ghozi นั้นคงเป็นไปไม่ได้ถ้าไม่มีคนข้างในช่วย ที่สำคัญที่สุดก็คือการลาออกของนายวิคเตอร์ คอร์พัสซึ่งเป็นหัวหน้าฝ่ายข่าวกรองทหารของฟิลิปปินส์

นอกจากนี้ ทหารฝ่ายกบฏมิใช่กลุ่มแรกที่กล่าวหารัฐบาลฟิลิปปินส์เรื่องการวางระเบิดประชาชนของตนเอง ก่อนหน้าเหตุการณ์กบฏหลายวัน กลุ่มสหพันธ์ของทนายความ เอ็นจีโอ และกลุ่มทางศาสนา ได้ริเริ่ม "ปฏิบัติการค้นหาความจริง" เพื่อสอบสวนข่าวลือที่ว่ารัฐบาลมีส่วนร่วมในการวางระเบิดในเมืองดาเวา นอกจากนี้ทางสหพันธ์ยังได้พยายามสอบสวนบทบาทของหน่วยราชการลับของสหรัฐอเมริกาในความรุนแรงที่เกิดขึ้นเหล่านี้ด้วย

ข้อสงสัยเหล่านั้น สืบเนื่องมาจากเหตุการณ์ประหลาดในวันที่ 16 พฤษภาคม 2545 ในเมืองดาเวา ที่จู่ๆ ก็มีชายชาวอเมริกันชื่อ Michael Meiring จุดระเบิดในห้องพักของตัวเอง ทำให้ตนเองบาดเจ็บสาหัส จากนั้น ในขณะที่เขากำลังพักฟื้นอยู่ในโรงพยาบาล นาย Meiring ก็ถูกชายลึกลับสองนายพาตัวบินกลับไปสหรัฐฯ ซึ่งผู้เห็นเหตุการณ์แจ้งว่าชายสองคนนั้นเป็นเจ้าหน้าที่ FBI แม้ว่าทางการฟิลิปปินส์จะเรียกร้องให้บินนาย Meiring กลับมาพิพากษาแต่ก็ไม่ได้ผล หนังสือพิมพ์ BusinessWorld รายงานว่านาย Meiring นั้นเป็นเจ้าหน้าที่ของหน่วยงาน CIA ที่มาปฏิบัติการลับในฟิลิปปินส์เพื่อที่กองพลของสหรัฐฯ จะเข้ามาตั้งฐานทัพในฟิลิปปินส์อีกครั้งได้อย่างชอบธรรม

แม้กระนั้นก็ตาม ประเด็นร้อนเกี่ยวกับนาย Meiring นี้ไม่เคยถูกรายงานในสื่อของสหรัฐฯ เลย ส่วนเรื่องของข้อกล่าวหาของกลุ่มกบฏก็ปรากฏในสื่อสหรัฐฯ เพียงแค่วันเดียวเท่านั้น บางทีอาจเป็นเพราะว่ามันดูเป็นเรื่องที่ไกลตัวจนเกินไป

เรื่องของรัฐบาลต่างประเทศรัฐบาลหนึ่งที่จุดไฟก่อการร้ายขึ้นมาเสียเอง เพื่อที่จะดึงดูดงบช่วยเหลือทางการทหาร เพื่อการดำรงอำนาจ และละเมิดสิทธิมนุษยชน คนอเมริกันจะสนใจเรื่องอย่างนี้ไปทำไมล่ะ

ประชาไทรายงาน

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท