เครือข่ายชาวบ้าน...พลังงานหมุนเวียน(ตอน1)

ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ

เครือข่ายชาวบ้าน…พลังงานหมุนเวียน กับการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม
บทบาทที่รัฐต้องหันมาให้ความสนใจ ตอนที่ 1

"คนแม่เมาะได้เสียสละอย่างมาก แสงสว่างและไฟทุกดวงที่คุณได้รับ หมายถึงดวงวิญญาณของคนแม่เมาะ พวกเราส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบอย่างเลวร้ายจากถ่านหินที่สกปรก เราได้ต่อสู้มาโดยตลอด และไม่อยากให้พื้นที่อื่นเผชิญชะตากรรมแบบเดียวกับเรา…ตราบใดที่เปลวควันยังพวยพุ่งจากโรงไฟฟ้าถ่านหิน ตราบนั้นปล่องควันจากเตาเผาศพคงยังไม่จางไป…" นั่นคือเสียงของเครือข่ายสิทธิฯ ผู้ป่วยแม่เมาะ กล่าวออกมาดังก้อง เหมือนกับว่า อยากให้คนทั้งประเทศได้ยินได้รับรู้…

เมื่อไม่นานมานี้…กลุ่มเครือข่ายองค์กรชาวบ้านและองค์กรท้องถิ่น จำนวน 4 องค์กร ได้เดินทางไปกรุงเทพฯ เพื่อเข้ารับรางวัล Leaders For a Living planet Award จัดขึ้นโดย WWF จากองค์กรอนุรักษ์และคุ้มครองทรัพยากรโลก

องค์กร WWF เป็นองค์กรที่มีสมาชิกเครือข่ายจากหลายๆ ประเทศรวมตัวกัน โดยมีภารกิจเป้าหมายหลัก คือ เพื่อหยุดยั้งการทำลายธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของโลก พร้อมไปกับการสร้างอนาคตใหม่ให้มนุษย์อยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างกลมกลืน ด้วยการอนุรักษ์ไว้ซึ่งความหลากหลายทางชีวภาพของโลก สร้างหลักประกันให้มีการใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน และร่วมผลักดันให้เกิดการลดมลภาวะและลดการบริโภคอย่างสิ้นเปลือง

รางวัล Leaders For a Living Planet Award จึงเป็นรางวัลที่จัดขึ้นเพื่อแสดงความชื่นชม ให้กำลังใจ ในการดำเนินงานด้านการอนุรักษ์และคุ้มครองทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมของกลุ่มองค์กรและบุคคลที่ได้ดำเนินกิจกรรมอย่างต่อเนื่อง ในเรื่องพลังงานและการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ด้วยความเสียสละ ความตั้งใจจริง ความมุ่งมั่น และความเป็นผู้นำ เพื่อที่จะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในระดับนโยบายด้านพลังงานของประเทศ และหันมาสนับสนุนและใช้พลังงานจากแหล่งพลังงานหมุนเวียนแทนในอนาคตอันใกล้นี้

ปีนี้นับว่าเป็นปีแรก… ที่มีการมอบรางวัลดังกล่าว โดยในประเทศไทยเราได้รับรางวัลจาก WWF จำนวน 4 องค์กร คือ เครือข่ายสิทธิ์ฯ ผู้ป่วยแม่เมาะ จ.ลำปาง, เครือข่ายอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเวียงแหง จ.เชียงใหม่, กลุ่มพลังงานทดแทนกระบี่ จ.กระบี่, และสำนักงานเทศบาลกระบี่ จ.กระบี่

สำหรับ เครือข่ายสิทธิ์ฯ ผู้ป่วยแม่เมาะ จ.ลำปาง สมาชิกในชุมชนที่อาศัยอยู่รอบๆ โรงไฟฟ้าแม่เมาะ จำนวน 16 หมู่บ้าน ได้ร่วมกันก่อตั้งกลุ่มขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อ วันที่ 10 ธันวาคม 2545
โดยมีนายปราศัย พุกพันธ์ ชาวบ้านบ้านปางป๋วย ต.นาสัก เป็นประธาน และมีนางมะลิวรรณ นาควิโรจน์ ชาวบ้านห้วยคิง ต.แม่เมาะ เป็นเลขานุการ มีคณะกรรมการเครือข่ายฯ ทั้งหมด 30 คน ปัจจุบัน เครือข่ายสิทธิฯ ผู้ป่วยแม่เมาะ มีสมาชิกทั้งสิ้นจำนวน 2,800 คน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเดิมมีเพียง 130 คน

…นับเป็นระยะเวลาอันยาวนานกว่าสิบปี ที่ชาวบ้านในพื้นที่ อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง ที่อาศัยอยู่รายรอบพื้นที่เหมืองถ่านหิน และโรงไฟฟ้าถ่านหินแม่เมาะ ซึ่งดำเนินการโดย การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) ชาวบ้านกลุ่มนี้ต่างได้รับผลกระทบจากก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ อันเกิดจากกระบวนการการทำเหมืองถ่านหิน และกระบวนการผลิตไฟฟ้าจากถ่านหินลิกไนต์

เป็นสาเหตุให้สัตว์เลี้ยงล้มตาย พืชผลเสียหาย และที่สำคัญยิ่งคือ ผลกระทบต่อสุขภาพ ผู้คนจำนวนมากต้องล้มป่วยด้วยโรคปอดอักเสบเรื้อรังนิวโมโคนิโอซิส และล้มตายลงหลายร้อยชีวิต

ชาวบ้านแม่เมาะ ผู้ได้รับผลกระทบ จึงได้รวมตัวกันร้องเรียนไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหลายครั้งหลายหน แต่กระบวนการการแก้ไขปัญหากลับเป็นไปอย่างล่าช้า และไม่มีหน่วยงานใดๆ เข้ามาแสดงความรับผิดชอบอย่างจริงใจเสียที

เครือข่ายสิทธิฯผู้ป่วยแม่เมาะ จึงร่วมมือกันรวบรวมและบันทึกข้อมูลผู้ป่วยจากก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ที่ปล่อยออกจากโรงไฟฟ้าฯ อย่างเป็นระบบ และช่วยเหลือในด้านการส่งตัวผู้ป่วยเข้ารับการรักษากับแพทย์เฉพาะทาง นอกจากนั้นพวกเขายังได้ช่วยเหลือกันในด้านการประสานงานกับสภาทนายความ ในเรื่องข้อบังคับของกฎหมายด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งกำหนดให้ผู้ประกอบการต้องปฏิบัติในการรักษาสภาพแวดล้อม

นอกจากนั้น ทางเครือข่ายฯ ยังได้รณรงค์ปลุกจิตสำนึกให้สาธารณชนได้รับรู้และเข้าใจ ถึงปัญหามลพิษจากการใช้ถ่านหินและให้หันมาใช้แหล่งพลังงานหมุนเวียนที่สะอาด

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เครือข่ายฯ ได้ร่วมกันเรียกร้องสิทธิ และต่อต้านโรงไฟฟ้ามาโดยตลอด แต่ก็ไม่เกิดการดำเนินการแก้ไขอย่างจริงจัง จึงได้ยื่นฟ้อง กฟผ. ต่อศาลปกครองใน 2 กรณี คือ กรณีการเจ็บป่วย และกรณีการละเมิดสิทธิมนุษยชน ซึ่งขณะนี้ อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล

ส่วนกรณีพืชผลทางการเกษตรเสียหายจากเถ้าลอยและเขม่านั้น ศาลแพ่งจังหวัดลำปาง ได้ตัดสินให้ กฟผ.จ่ายค่าเสียหายชดเชยให้แก่ชาวบ้าน เมื่อปี 2547 และในช่วงระยะเวลา 6 เดือนที่ผ่านมานี้ สมาชิกเครือข่ายฯ ได้เข้ายื่นหนังสือร้องเรียนถึง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ถึง 3 ครั้ง คือ ในการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร จ.ลำพูน เมื่อวันที่ 29 มิ.ย.2547 ในการออกตรวจราชการของนายกรัฐมนตรี ที่ จ.ลำปาง เมื่อวันที่ 22 ก.ค.2547 และในการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร จ.ตาก เมื่อวันที่ 19 ต.ค.2547 ที่ผ่านมา

จากการยื่นหนังสือครั้งล่าสุด เป็นเหตุให้นายกรัฐมนตรีได้สั่งการด่วนให้ สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่รอบโรงไฟฟ้าและเร่งอพยพชุมชนที่อยู่ในรัศมีเสี่ยงภัยออกจากพื้นที่เป็นการด่วน เพื่อแก้ปัญหาเบื้องต้นตามข้อเรียกร้องของชุมชน และให้มีการจัดหาแพทย์เฉพาะทาง พร้อมงบประมาณในการรักษาพยาบาลชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบด้วย

""คนแม่เมาะได้เสียสละอย่างมาก แสงสว่างและไฟทุกดวงที่คุณได้รับ หมายถึงดวงวิญญาณของคนแม่เมาะ พวกเราส่วนใหญ่ได้รับผลกระทบอย่างเลวร้ายจากถ่านหินที่สกปรก เราได้ต่อสู้มาโดยตลอด และไม่อยากให้พื้นที่อื่นเผชิญชะตากรรมแบบเดียวกับเรา…แม้ว่าขณะนี้ มติครม.โยกย้ายชาวบ้านออกจากพื้นที่ได้ออกมาแล้ว แต่การแก้ปัญหายังไม่จบเพียงแค่นี้ ตราบใดที่เปลวควันยังพวยพุ่งจากโรงไฟฟ้าถ่านหิน ตราบนั้นปล่องควันจากเตาเผาศพคงยังไม่จางไป…พวกเรายังจะสู้ต่อไป เพื่อสุขภาพของลูกหลานของเรา เราจะพยายามทุกทาง เพื่อให้เกิดการลดและเลิกการใช้ถ่านหินและหันมาใช้พลังงานหมุนเวียน" นั่นคือเสียงของเครือข่ายสิทธิฯ ผู้ป่วยแม่เมาะ กล่าวออกมาดังก้อง… เหมือนกับว่า อยากให้คนทั้งประเทศได้ยินได้รับรู้"

นางมะลิวรรณ นาควิโรจน์ เลขานุการกลุ่มเครือข่ายสิทธิ์ฯผู้ป่วยแม่เมาะ อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง บอกว่า การได้รับรางวัลนี้ ทำให้ทุกคนมีกำลังใจ สำหรับการต่อสู้เรียกร้องสิทธิมายาวนาน ซึ่งที่ผ่านมาเราไม่ได้เคยคิดถึงเรื่องรางวัล แต่ก็ทำให้เรารู้ว่า เราไม่ได้ต่อสู้อย่างโดดเดี่ยว แต่ยังมีองค์กรระดับโลกที่มองเห็นและเข้าใจในเรื่องที่เราได้ทำอยู่ในขณะนี้…
องอาจ เดชา
ศูนย์ข่าวภาคเหนือ รายงาน

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท