Skip to main content
sharethis

สมโรจน์ สำราญชลารักษ์

"ไกรพล คูหิรัญศิริ" ทัพหน้าพรรคไทยรักไทยในอดีต ที่ต่อกรกับแม่เลี้ยงติ๊กได้อย่างน่าสนใจ แต่ปัจจุบันเขากลับไร้ซึ่งความหมายเมื่อ "อนุวัธ" เข้าเสียบแทนในพื้นที่เขต 2 จังหวัดแพร่ จากฉันทานุมัติของพรรคไทยรักไทย ด้วยเหตุผลของไทยรักไทย ด้วยเหตุผลของอนุวัธ และ ด้วยแค้นต่อแม่เลี้ยงติ๊ก เป็นเหตุผลที่ไทยรักไทยเขี่ยไกรพล พ้นเส้นทางการเมืองระดับส.ส.แพร่อย่างน่าเสียดาย

เขาจัดเป็นนักการเมืองมาดสุขุมจากเมืองพระลอ อำเภอสอง จังหวัดแพร่ เป็นลูกคนเมืองเชื้อสายจีนในตลาดเทศบาลตำบลสอง ไกรพล สนใจงานด้านการเมืองมาแต่ยังหนุ่มแน่น เริ่มเล่นการเมืองครั้งแรกปี 2524 เป็น ส.จ.มา 5 สมัย อยู่ใน อำเภอสองมาตลอด เส้นทางการเมืองของเขาก้าวเข้ามาจ่อคิว นายก อบจ.แพร่หลายครั้งหลายครา แต่เพราะอยู่ในซีกการเมืองพรรคไทยรักไทย ทำให้ไม่สามารถเข้าไปเชยชมเก้าอี้นายกฯอบจ.ได้ แต่ในความเป็น ส.จ.มายาวนาน จึงเป็นที่จับตาของใครต่อใครหลายคนรวมทั้งพรรคไทยรักไทยว่าเขามีคะแนนเสียงที่คงที่ และพร้อมที่จะขยับฐานคะแนนเพิ่มได้ถ้าได้รับการสนับสนุน ส่วนตัวไกรพลเองก็มีแนวคิดที่จะก้าวไปสู่เวทีการเมืองที่ใหญ่กว่าสนาม อบจ.อยู่เหมือนกัน

ปี 2544 เป็นการเลือกตั้ง ส.ส.เมื่อสมัยที่ผ่านมา ไกรพลไม่ทันได้ตั้งตัวในขณะที่พรรคไทยรักไทยประสานแม่เลี้ยงติ๊กเข้าพรรคไม่ได้ ในที่สุดต้องตัดสินใจเอาไกรพลลงสมัครกระทันหัน ครั้งนั้นเป็นหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญของไกรพลทีเดียวที่ได้มีโอกาสลงสู้ในสนาม ส.ส. และสู้กับคนที่เต็งหนึ่งของจังหวัดแพร่คือแม่เลี้ยงติ๊ก ที่เคยโค่นยักษ์อย่างพ่อเลี้ยงณรงค์มาแล้ว

เขาเล่าถึงความพ่ายแพ้เป็นครั้งแรกในสนาม ส.ส.แพร่ว่า "ความจริงแล้วผมยังไม่พร้อม แต่ทางไทยรักไทยขอร้องให้ลง ไม่มีเวลาหาเสียงได้เต็มที่การเตรียมตัวยังไม่ดีพอ ที่เข้าไปเล่นในสนาม ส.ส.ขณะนั้น นโยบายของพรรคไทยรักไทยต้องการเอา ส.ส.เดิมเป็นหลัก เขต 2 เมื่อไม่ได้แม่เลี้ยงติ๊กเข้าไทยรักไทย ก็ยังมี ส.ส.เมธา เอื้ออภิญญกุล บิดาของ ส.ส.วรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล แต่ท่านไม่ต้องการลงเนื่องจากอายุมากแล้ว ต้องหาคนมาแทนในเขต 2 ก็มีการประสานมาหลายครั้ง ช่วงหลังมีการขอร้องจึงได้รับปากจะลงให้ การเลือกตั้งครั้งนั้นประชาชนให้คะแนนมากถึง 34,000 คะแนน ซึ่งเป็นคะแนนที่ไม่น้อยเลย ซึ่งขณะนั้นเป็นเรื่องของการเตรียมตัวยังไม่ทัน ผมเลยคิดว่า การหาต้องลองอีกสมัย ด้วยการเตรียมตัวที่ดีขึ้นกว่าเดิมภายใต้การสนับสนุนของพรรคไทยรักไทย"

เขาได้ออกหาเสียงไปทั่วเขตเลือกตั้งที่ 2 อย่างเอาจริงเอาจัง สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกลับทุกฝ่ายทั้งภาคราชการ องค์กรท้องถิ่น ชาวบ้าน และสื่อมวลชน หาเสียงข้ามเขตออกจากอำเภอสอง ไปยัง อำเภอหนองม่วงไข่ อำเภอร้องกวาง ไปถึงห้วยโรงหมู่บ้านชาวเขา ก็ดั้นด้นไปจนถึงหวังเพียงเรียกเก็บคะแนนสงสารและคะแนนศรัทธาจากประชาชน ความหวังของไกรพลต้องพังทลายลงเมื่อพรรคไทยรักไทยมีแผนเพิ่มปริมาณ ส.ส.เขตให้มากขึ้นเพื่อเป็นการถ่วงดุลย์ในสภาผ้แทนราษฎรในการเป็นรัฐบาลสมัยหน้า

การที่พรรคมีแนวทางการเพิ่ม ส.ส.ใหม่เข้าสภาดูเหมือนว่าจะเป็นโอกาสของไกรพล แต่เปล่าเลย พรรคดึงนายอนุวัธ วงศ์วรรณ เจ้าของกิจการสินค้าเกษตรส่งออกหลายบริษัททายาทคนสำคัญของพ่อเลี้ยงณรงค์ วงศ์วรรณ อดีต ส.ส.แพร่ หัวหน้าพรรครวมไทย ลงหาเสียงในพื้นที่เลือกตั้งเขต 2 ทิ้งไกรพลให้หลดออกจากวงโคจร เส้นทางการเมืองระดับ ส.ส.ไปอย่างไม่ไยดี

" ผมคิดมากอยู่เหมือนกันเพราะเวลา 4 ปีที่ผ่านมาผมลงพื้นที่หาเสียงมาตลอด แต่ถ้าเป็นเรื่องของพรรคตัดสินใจก็คงไม่เป็นปัญหาแต่ส่วนตัวแล้วคิดมากอยู่เหมือนกัน ในส่วนของ อนุวัธ วงศ์วรรณ ลูกชายพ่อเลี้ยงณรงค์ เข้ามาแทนนั้นจะต้องทำความรู้จักประชาชนให้มากขึ้น เพราะเป็นคนนอกพื้นที่ครั้งแรกผมก็หนักใจที่ไม่มีโอกาสลงสมัครทั้งๆ ที่ได้หาเสียงเตรียมการไว้นานพอสมควร สิ่งที่ทำไปเหมือนสูญเปล่า อย่างไรก็ตามการที่ผมเข้ามาทำหน้าที่เป็นนายกเทศบาลตำบลสอง ไม่ถือว่าเป็นจุดสุดท้าย ซึ่งผมจะเดินหน้าหาเสียงต่อไปเพื่อเข้าไปสู่เวทีการเมืองระดับ ส.ส.ให้ได้ อนาคตเชื่อว่า คุณอนุวัธ วงศ์วรรณ ไม่อยู่เพียง ส.ส.แพร่เท่านั้นอาจต้องขยับสูงขึ้นไปก็เป็นได้ "

การเมืองไม่ใช่เรื่องยากแต่มันลำบากเสียเหลือเกินในการก้าวเดินไปแต่ละขั้น ๆ ต้องมีปัจจัยอะไรหลายอย่าง ไม่เพียงความพร้อมของตนเองแต่ต้องมีปัจจัยหลายประการมาประกอบ จังหวะแรกที่ไม่ได้เป็นนายก อบจ . จังหวะต่อมาล่าสุดไม่ได้เป็นผู้สมัคร ส.ส.พรรคไทยรักไทย ทั้งๆ ที่เตรียมการมาอย่างยาวนาน สิ่งเหล่านี้เป็นบทเรียนและบทสรุปของนักการเมืองที่มีน้ำใจอย่างไกรพลยิ่งนัก ในที่สุดไกรพลเลือกการเดินทางกลับสู่เวทีการเมืองในบ้านเกิดของตนเอง เมื่อมีโอกาสเวทีเลือกตั้งนากยกเทศบาลตำบลสองเปิด เวทีนี้ไกรพลประสบความสำเร็จอย่างงดงาม เพราะเป็นเวทีที่ไกรพลสามารถควบคุมทุกอย่างได้ด้วยมือของตนเอง

"ผมคิดว่าการเล่นการเมืองระดับใดก็ได้ โดยเฉพาะการมาทำหน้าที่ครั้งนี้เป็นเสียงเรียกร้องให้มาลงเพื่อช่วยกันพัฒนาบ้านเมืองไม่ได้คิดเรื่องของการลดระดับหรือการเสียศักดิ์ศรีแต่อย่างใด เป็นการเข้ามาช่วยพี่น้องโดยตรง การมาลงสมัครในครั้งนี้เป็นการเรียกร้องให้กลับมาพัฒนาบ้านเกิด ตรงกันข้ามผมกลับคิดว่าเป็นศักดิ์ศรีที่ได้กลับมาพัฒนาบ้านเกิดของตนเอง การมาลงสมัครในครั้งนี้ก็เหมือนการลงแทนนายกเก่าที่สุขภาพไม่ดีที่ได้คุยกันมาก่อนแล้วเมือง 2 ปีก่อน ผลการเลือกตั้งก็เป็นที่น่าพอใจได้คะแนน 2,804 คะแนน ชนะคุณสมาน เชี่ยวชาญ

เขาว่า อยากเข้ามาดูแลการศึกษา ส่งเสริมประเพณีวัฒนธรรม ของคนในเทศบาล การวางแผนการพัฒนาสาธารณูปโภค จะเร่งทำรางระบายน้ำและสะพานเชื่อม ต.บ้านกลาง กับ ต.บ้านหนุน เป็นสะพานข้ามลำน้ำสอง การบริหารจัดการเทศบาลตำบลสองมีเงินจำนวน 35 ล้าน เงินจำนวนนี้นอกจากเป็นเงินเดือนแล้วที่เหลือจะจัดสรรเพื่อการพัฒนาเทศบาลตำบลสองให้มากที่สุด ด้านการศึกษามาการส่งเสริมสนับสนุนเยาวชนให้ได้รับการศึกษาอย่างเท่าเทียมกัน โดยจะมีการจัดคุรุภัณฑ์ทางการศึกษาโดยเฉพาะอุปกรณ์การเรียนการสอนประเภทไอทีให้พร้อมในโรงเรียนสังกัดเทศบาล ในขณะที่เทศบาลตำบลสองจัดเก็บรายได้เพียง 6 ล้านบาทเท่านั้น

ปัญหาที่พบมากในพื้นที่ เทศบาลตำบลสอง คือปัญหามั่วสุมของวัยรุ่นแต่ก็เชื่อว่าแนวทางการพัฒนาด้านการศึกษาจะทำให้ปัญหาเหล่านี้ลดลง ถึงแม้ว่าสถานการณ์ของชุมชนเมืองจะมีวัยรุ่นออกมาเที่ยวในเวลากลางคืนบ้าง แต่ก็ไม่มีสถานเริงรมย์ ที่จะมอมเมาแต่อย่างใด การอบรมเยาวชนก็เป็นทางหนึ่งที่ให้คนรุ่นใหม่มองภาพสังคมในมุมมองที่ดี และมีแนวทางที่จะสร้างสนามกีฬาขึ้นมา ซึ่งเป็นสนามอเนกประสงค์และเปิดให้ประชาชนเข้าไปเล่นและออกกำลังกายกันได้ตลอดเวลา แต่สนามที่ว่านี้ต้องใช้งบประมาณจำนวนมากไม่น้อยกว่า 1 ล้านบาท

ถึงแม้จะเป็นเขตเทศบาลตำบล แต่เราพบว่าประชาชนส่วนใหญ่ไม่ได้มีวิถีชีวิตอย่างชุมชนเมืองทั่วไป คนในเทศบาลตำบลสอง ยังคงอยู่กับอาชีพเกษตรกรรมและเป็นเกษตรกรรมส่วนใหญ่หันมาปลูกพืชเชิงเดี่ยว เป็นข้าวโพด ถั่วเหลือง และ ข้าว เป็นหลัก ส่วนนี้เทศบาลจะเข้าไปช่วยดูแลให้การสนับสนุนให้ความรู้เกี่ยวกับการเกษตรที่ทันสมัย เพื่อทำให้ผลผลิตของเขาดีขึ้นโดยเฉพาะการลดต้นทุนการผลิต ส่วนตลาดนั้นเป็นกลไกในชุมชนที่มีผู้มารับซื้ออยู่แล้วปัญหาหลักคือการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าเกษตรก็เป็นส่วนสำคัญ การบริหารงานในท้องถิ่นที่อาจต้องต่อเชื่อมกับระบบการเมืองที่ใหญ่ขึ้นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการแก้ปัญหาโดยจะมีการประสานงานกับผู้แทนราษฎรในการทำงานร่วมกันเพื่อแก้ปัญหาทั้งปวง เศรษฐกิจในเทศบาลจึงถูกโยงกับสินค้าเกษตรแต่เป็นรายได้ที่ข้อนข้างต่ำถ้าเทียบกับภาคพาณิชย์ หรือ อุตสาหกรรมซึ่งเทศบาลสองมีน้อยมาก สภาพคล่องนั้นอยู่ในระดับปานกลางไม่ฝืดเคืองแต่ก็ไม่ร่ำรวยอะไรอยู่กันอย่างสบายๆ

การพัฒนาเศรษฐกิจจึงต้องเน้นไปที่สร้างอาชีพเสริม ขณะนี้มีอุตสาหกรรมพื้นบ้านขยายตัวขึ้นทำรายได้ดีพอสมควร โดยเฉพาะการทำปลาร้าอบ การทำกระดาษสา คุกกี้สิงคโปร เป็นต้นซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นแนวทางที่จะเพิ่มศักยภาพได้ระดับหนึ่งเป็นสินค้าที่ส่งออกไปทำรายได้จากต่างถิ่นเข้ามาในชุมชนแนวทางอย่างนี้จะมีการส่งเสริมจากเทศบาลให้มากขึ้น

ดูเหมือนว่า สนามท้องถิ่นจะเป็นสนามที่ไกรพลสามารถพูดได้ทำได้จับต้องได้มากกว่าสนามอื่นๆ เป็นสนามที่ไกรพลมีแนวทางและมุ่งมั่นที่จะก้าวไปสู่ความสำเร็จ แต่เชื่อแน่ว่าสนามนี้เป็นก่อสร้างภาพความสำเร็จที่จะนำไปสู่การยอมรับและค่อยๆ ก้าวเดินไปข้างหน้า

แม้ไกรพลเชื่อว่าช่องว่างที่จะก้าวไปสู่ตำแหน่ง ส.ส.แพร่ มีเหลือเพียงการหลีกทางให้ของผู้ชนะในต้นปี 2548 นี้ แต่ความจริงแล้วเขาอาจต้องพบกับส้มหล่นก็เป็นได้ถ้าหลายคนถูกใบแดง จนเมืองแพร่ขาดตัวเลือกในอีก 4 ปีข้างหน้าและครั้งนี้ เขาคงต้องตัดสินใจและตัดสินใจอย่างระมัดระวัง และเลือกพรรคการเมืองเพื่อก้าวเดินในวงโคจรของการเมืองระดับสูงต่อไป ด้วยบทเรียนที่สั่งสมมา

โครงการความร่วมมือด้านข่าวภูมิภาค
พลเมืองเหนือ-ประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net