ดันดอยหลวง-เวียงเชียงดาวเป็นมรดกโลก

ศูนย์ข่าวภาคเหนือ-6 ธ.ค.47 กรมศิลปากรลงพื้นที่สำรวจเมืองโบราณเชียงดาว เผยสามารถเสนอดอยหลวงเชียงดาวและเมืองโบราณเวียงเชียงดาวเป็นมรดกโลกได้ เน้นองค์กรท้องถิ่นเข้ามีส่วนร่วม

หลังจากที่กลุ่มภาคีเพื่อดอยหลวงเชียงดาว ได้เชิญนักวิชาการจากกรมศิลปากร มาพูดถึงเรื่อง ดอยหลวงเชียงดาว มรดกเรา...มรดกโลก ในงานมหกรรมดอยหลวงเชียงดาว เมื่อวันที่ 4 ธ.ค.ที่ผ่านมา ที่ริมฝั่งน้ำแม่ปิง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ล่าสุดกรมศิลปากรได้ลงพื้นที่สำรวจเมืองโบราณเวียงเชียงดาว ตรวจสอบหลักฐานทางประวัติศาสตร์เพื่อดูความเหมาะสมและเสนอเป็นมรดกโลก

นายรณฤทธิ์ ธนโกเศศ ภูมิสถาปนิก กลุ่มอนุรักษ์โบราณสถาน กรมศิลปากร เปิดเผยว่า ได้ลงพื้นที่สำรวจเมืองโบราณเวียงเชียงดาว ที่บริเวณวัดใจ(ดงเทวี) ต.เชียงดาว และเขตเวียงสันป่าใน ต.เมืองงาย อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ พบว่า มีหลักฐานแหล่งโบราณคดี ของเมืองโบราณของเวียงเชียงดาว อยู่หลายอย่างหลายชิ้น ไม่ว่าจะเป็นกำแพงเมืองเก่า คันคูเมืองเก่า และเศษซากโบราณวัตถุที่อยู่กระจัดกระจายไปทั่วเมืองเชียงดาว ซึ่งเราเห็นว่า น่าจะมีการศึกษาค้นคว้า และค้นหาหลักฐานทางประวัติศาสตร์เพื่อเผยแพร่ให้คนทั่วไปได้รับรู้

"จากการสำรวจพบว่า สภาพแหล่งโบราณคดีของเวียงเชียงดาวนั้น มีลักษณะเป็นคันคูดินชั้นเดียวล้อมรอบให้เห็นอยู่ค่อนข้างสมบูรณ์ และมีวัดร้าง โบราณสถาน มีเศษอิฐและเศษภาชนะดินเผาอยู่มากมายหลายแห่ง สังเกตได้ว่า ก้อนอิฐมีขนาดใหญ่เทียบเท่ากับอิฐที่เวียงกุมกาม ซึ่งดูแล้ว อาจเป็นเมืองเก่าแก่ในยุคสุโขทัย เป็นระบบกลุ่มเมืองในที่ลุ่ม ดูจากคูเมืองแล้ว จะรู้ว่ามีสังคมเมืองที่มีการแบ่งงานกัน และใช้ในการทำเกษตรกรรมมาก่อน" นายรณฤทธิ์ กล่าว

นายรณฤทธิ์ ยังกล่าวอีกว่า ดูจากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ แหล่งโบราณคดีในเขตเวียงเชียงดาวแล้ว หากมีการสำรวจและร่วมกันอนุรักษ์กันอย่างจริงจัง สามารถเสนอให้เป็นมรดกโลกได้ ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่พื้นที่ดอยหลวงเชียงดาวเท่านั้น

"ที่สำคัญ คือ อบต.และ เทศบาลในพื้นที่อำเภอเชียงดาว รวมถึงเครือข่ายทั้งหมด ร่วมกันทำการสำรวจและประสานงานร่วมกับกรมศิลปากร เพื่อเป็นแหล่งการศึกษาเรียนรู้ ก่อนจะเสนอเป็นมรดกโลกต่อไป" นายรณฤทธิ์ กล่าว
จากการสำรวจของนักโบราณคดี กรมศิลปากร พบว่า เวียงเชียงดาวเป็นที่ตั้งของแหล่งกลุ่มเมืองโบราณแถบลุ่มแม่น้ำกก และได้มีการฟักตัวและสะสมอารยธรรมมาในสมัยพุทธศตวรรษที่ 14 จนกระทั่งมารุ่งเรืองในพุทธศตวรรษที่ 16-18 ซึ่งจากหลักฐานสันนิษฐานได้ว่า มีการรวมตัวของชุมชนในระดับองค์กรในระดับหนึ่ง ก่อนจะมีพัฒนากลายเป็นสังคมระดับเมือง และจะเห็นว่าได้พัฒนาสูงขึ้นในระดับนครรัฐ

องอาจ เดชา
ศูนย์ข่าวภาคเหนือรายงาน

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท