ระนอง- 26 ม.ค.48 เช้าวานนี้(26 ม.ค.) นายประเกียรติ ขุนพล ที่ปรึกษาชมรมประมงพื้นบ้าน กิ่งอำเภอสุขสำราญ นายก้อหนี หาญจิตร กำนันตำบลกำพวน พร้อมด้วยชาวประมงพื้นบ้าน ที่ได้รับความเสียหายจากคลื่นยักษ์สึนามิ ทั้งในส่วนของเรือประมง และผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ จากตำบลกำพวนและตำบลนาคา กิ่งอำเภอสุขสำราญ จังหวัดระนอง ประมาณ 100 คน ได้เดินทางไปยังศาลากลางจังหวัดระนอง เพื่อเรียกร้องให้กรมประมงเร่งจ่ายค่าชดเชย ให้แก่ผู้ประสบภัยโดยเร็ว เพราะเวลาผ่านไปแล้ว 30 วันแล้ว ยังไม่มีความคืบหน้า และความชัดเจนในการให้ความช่วยเหลือ

นายประเกียรติ กล่าวว่า ขณะนี้มีปัญหาว่าผู้ประสบภัย ที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนเรือและไม่ได้ขึ้นทะเบียนผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำไว้กับกรมประมง ยังไม่ได้รับการชดเชยใด ๆ เลย ซึ่งล้วนเป็นผู้ที่ได้รับความเสียหายทั้งสิ้น มีหลักฐาน พยานยืนยันชัดเจนทุกราย บางคนขึ้นทะเบียนแล้ว แต่ชื่อตกหล่นหายไป หรือเจ้าหน้าที่พิมพ์ชื่อ ที่อยู่ผิดพลาดบ้าง หรือถึงแม้ว่าคนที่ขึ้นทะเบียนเรือถูกต้องก็มีความล้าช้าในการช่วยเหลือเช่นเดียวกัน

ปัญหาหลักในขณะนี้ คือ ชาวประมงต้องการทราบรายละเอียด ว่าต้องดำเนินการอย่างไรบ้าง เพราะรอมานานนับเดือนแล้ว หากได้รับค่าชดเชยเร็ว ชาวประมงจะได้นำเงินไปลงทุนประกอบอาชีพหารายได้เร็วด้วย

นายนริศ ปิยพฤทธ์ กล่าวว่า ขณะนี้ข้อมูลต่าง ๆ ยังไม่นิ่ง เพราะมีผู้ที่ไม่ประสบภัยอยากที่จะประสบภัยด้วย ทำให้ต้องมีการตรวจสอบรายละเอียดมากขึ้น ต้องเป็นไปตามขั้นตอน ไม่ได้ล่าช้าแต่อย่างใด ขอยืนยันว่า ผู้ประสบภัยทุกคน แม้ว่าจะไม่ได้ขึ้นทะเบียนเรือ หรือไม่ได้ขึ้นทะเบียนผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจะได้รับการช่วยเหลืออย่างแน่นอน แต่จะได้มากน้อยแค่ไหน เท่ากับผู้ที่ขึ้นทะเบียนถูกต้องหรือไม่นั้นยังตอบไม่ได้

นายสุทร เอนกเมธีพฤกษา กล่าวว่า จังหวัดระนอง มีเรือประมงได้รับความเสียหาย จำนวน 776 ลำ ได้จ่ายค่าชดเชยไปแล้ว 26 ราย เป็นเงิน 921,000 บาท ส่วนผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำมีจำนวน 1,229 ราย จ่ายค่าชดเชยไปแล้ว 300 ราย เป็นเงิน 5,904,000 บาท

ตามระเบียบบังคับต้องจ่ายให้ผู้ประสบภัยที่ได้ขึ้นทะเบียนเรือ และเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำก่อน ซึ่งต้องให้เสร็จภายในภายในวันที่ 30 มกราคมนี้ แต่สำหรับผู้ที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียน ขอยืนยันว่าได้รับการช่วยเหลืออย่างแน่นอนเช่นเดียวกัน ซึ่งประมงจังหวัดระนอง จะชี้แจงทำความเข้าใจกับชาวประมง ที่บริเวณมัสยิดตำบลกำพวน ในวันที่ 28 มกราคม เวลา 14.00 น.อีกครั้งหนึ่ง

ประชาไทรายงาน