Skip to main content
sharethis

ประชาไท - 7 มี.ค.48 "ผมค่อนข้างเห็นด้วยกับอพท.ว่าควรทำโซนนิ่ง เพราะพื้นที่เดิมเหมือนเป็นสลัม และฟังกระแสเสียงเจ้าของพื้นที่จริงๆ แล้วเขาก็อยากขึ้นไปอยู่ในที่จัดสรรให้ใหม่ เพราะเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัย แต่มีผู้ประกอบการที่เช่าพื้นที่อยู่จำนวนมากที่ไม่อยากย้าย ซึ่งทางจังหวัดก็ต้องรับฟังทั้งหมด" นายอานนท์ พรหมนารท ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่เปิดเผยหลังจากกลุ่มผู้ประกอบการและชาวบ้านบนเกาะพีพี จ.กระบี่ ได้ยื่นหนังสือคัดค้านแผนจัดการที่ดินของบนเกาะพีพีของอพท.ที่ทำเนียบรัฐบาล วุฒิสภา และคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติตลอดช่วงวันนี้

ทั้งนี้ ตามแผนการจัดการที่ดินขององค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (องค์การมหาชน) หรือ อพท. นั้น จะมีการเวนคืนที่ดินกว่า 270 ไร่บริเวณที่ราบชายหาดเพื่อปรับปรุงเป็นสวนสาธารณะ และย้ายสิ่งปลูกสร้างของเจ้าของที่เดิมไปอยู่บนเขาในเขตอุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธาราและหมู่เกาะพีพี ซึ่งมีโครงการรีสอร์ทระดับห้าดาวอยู่ด้วย โดยอ้างว่าพื้นที่ราบดังกล่าวเป็นพื้นที่เสี่ยงภัย ไม่เหมาะกับการอยู่อาศัย

ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่กล่าวต่อว่า ตามแผนของอพท.นั้นจะมีการจ่ายเงินชดเชยแก่เจ้าของที่ดินที่มีเอกสารสิทธิ์ และให้ไปเช่าอยู่ด้านบนในอุทยานฯ ส่วนชาวบ้านที่ไม่มีเอกสารสิทธิ์ซึ่งมีอยู่จำนวนหนึ่งนั้นจะสร้างที่อยู่ให้เป็นกลุ่มทั้งในที่อุทยานฯ และในที่สาธารณะในระดับ 10 เมตรเหนือระดับคลื่น เพื่อความปลอดภัย

ด้านนายณัฐวุฒิ แก่นทอง ตัวแทนองค์กรความร่วมมือผู้ประกอบการ แรงงาน และชุมชนเกาะพีพี กล่าวว่าเจ้าของที่ดินส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับแผนการพัฒนาของอพท. โดยเจ้าที่ดินในเกาะพีพีนั้นมี 34 รายและร่วมลงชื่อคัดค้านครั้งนี้ถึง 33 ราย ยกเว้นเจ้าของที่รายใหญ่เพียงรายเดียว ทั้งนี้ เจ้าของที่ดินบนเกาะพีพีนั้น ถือครองที่ดินน้อยที่สุด 5 ตารางวา จนถึงมากที่สุด 45 ไร่

นายณัฐวุฒิกล่าวด้วยว่า นอกจากนี้หนังสือเชิญประชุมในวันที่ 10 มีนาคมนี้ ซึ่งทางจังหวัดส่งมายังเจ้าของที่ดินก็มีลักษณะมัดมือชก โดยระบุให้ชาวบ้านเตรียมตั้งราคาไว้ว่าจะขายไร่ละเท่าไร ทั้งที่ในการประชุมก่อนหน้านี้ชาวบ้านได้ปฏิเสธแผนของอพท. ไปแล้ว และตกลงรับแผนของกรมโยธาธิการที่จะไม่เปลี่ยนแปลงรูปที่ดิน ให้ชาวบ้านได้อยู่เหมือนเดิม เพียงแต่ถอยร่นจากระดับชายหาดออกมา ซึ่งตัวเลขยังไม่เป็นที่แน่ชัด พร้อมทั้งจะมีการจัดระบบสาธารณูปโภคให้ดี

อย่างไรก็ดี ชาวบ้านที่เดินทางมายื่นหนังสือให้ข้อมูลด้วยว่า ขณะนี้เริ่มมีนักท่องเที่ยวเข้าไปในเกาะพีพีแล้ว แต่รีสอร์ทที่เหลือรอดราว 200 - 400 แห่งไม่สามารถเปิดดำเนินการได้ เนื่องจากทางจังหวัดยังมีคำสั่งให้ปิดอยู่ ทำให้ผู้ประกอบการและพนักงานได้รับความเดือดร้อน

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net