Skip to main content
sharethis

"จูบใครคิดว่าไม่สำคัญ…" ประโยคทองของเพลงดังในอดีตบอกเป็นนัยแก่เราว่า เรื่องจูบนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ควรละเลย หากจะว่าไปแล้วเรื่องจูบนั้นถือเป็นเรื่องส่วนระหว่างคนสองคน ใครจะจูบกับใครก็เป็นเรื่องของเขา แต่ถ้าหากดาราจูบกันก็อาจจะเป็นข่าวขึ้นมา แต่มันก็เป็นเพียงข่างบันเทิง และอาจจะเป็นเรื่องธรรมดาหากเป็นการจูบเพื่อการแสดง

แต่แล้วก็เกิดข่าวที่ไม่ธรรมดาขึ้น กลายเป็นหัวข้อพูดคุยถกเถียงระหว่าคนในชาติ และไม่เพียงชาติเดียวแต่เป็นสองชาติ เมื่อสองนักแสดงจูบกันในหนัง แต่จูบครั้งนี้ไม่ใช่จูบธรรมดาอย่างที่บอก เพราะมันเป็นการจูบที่เกี่ยวพันถึงเรื่องชาติ ศาสนา และวัฒนธรรม ยุ่งไหมหละเพียงแค่การจูบไฉนมันถึงสำคัญมากมายขนาดนี้

เรื่องที่ไม่ควรจะเป็นเรื่องนี้เกิดขึ้นกับนักแสดงสาวชื่อดังชาวปากีสถาน เจ้าของฉายา "ราชินีจอเงินแห่งปากีสถาน" นามว่า Will Meera กับฉากจูบระหว่างเธอกับนักแสดงหนุ่มชาวอินเดีย Ashmit Patel ในหนังอินเดียเรื่อง Nazar ซึ่งหากเป็นหนังอินเดียธรรมดาก็คงไม่เกิดเรื่องถ้านางเอกหนังเรื่องนี้ไม่ใช่สาวชาวปากีสถาน และพระเอกไม่ใช่หนุ่มอินเดีย เรื่องยุ่งๆ ก็เลยเกิดขึ้น เพราะอินเดียกับปากีสถานเป็นเกาเหลา (ไม่กินเส้น ) กันอยู่น่ะสิ แต่(นักแสดง)ปากีสถานกับอินเดียดันมาจูบกัน

"เรื่องนี้มันกลายเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมา ก็เพราะคนที่เข้าไปดูหนังแบกถุงเป้แห่งวัฒนธรรมเข้าไปด้วยน่ะสิ แต่ก็น่าตลกนะที่ชาวปากีสถานดูหนังเรื่องอื่นๆ ที่มีฉากจูบกัน ก็ไม่เคยเห็นว่าจะเป็นเรื่องราวใหญ่โตมากมายขนาดนี้ แต่เมื่อมีนักแสดงที่เป็นชาวปากีสถานมีฉากจูบบ้าง ทำไมมันกลายเป็นเรื่องไม่ดีขึ้นมาได้" ผู้กำกับหนังเรื่องนี้กล่าว

จากฉากจูบในหนังเรื่องนี้ Meera ซึ่งเป็นนักแสดงสาวที่กำลังร้อนแรงที่สุด ต้องจ่ายค่าจูบราคาแพงด้วยการถูกต่อต้านและถูกประณามจากนักแสดงชาวปากีสถานและผู้คนชาวปากีสถานว่า "เป็นการขัดต่อศาสนาอิสลาม และทำลายศีลธรรมอันดี" แต่ถึงแม้จะมีกระแสต่อต้านเธอ และฉากจูบในหนังเรื่องนี้ เธอก็ยังเป็นที่ต้องการของอุตสาหกรรมหนังในอินเดียอยู่ดี

"เรื่องนี้เป็นเรื่องของพวกปากว่าตาขยิบ พวกเขารู้ดีว่ามีอะไรบ้างที่เกิดขึ้นในสังคมปัจจุบันนี้ งมันอาจจะมากกว่าฉากจูบในหนังเรื่องนี้ก็ได้ แต่พวกคนเหล่านี้ก็ไม่อยากเห็นเรื่องแบบนี้ ไม่ว่าจะเป็นในหนังหรือในหนังสือ"

"ผู้ชายก็เหมือนผู้หญิงนั่นแหละ บางทีก็แกล้งว่า เกลียดเรื่องแบบนี้เข้าไส้ แต่ความจริงแล้วนี่อาจจะเป็นสิ่งที่ชอบทำก็เป็นได้ อย่างไรก็ตามผมก็ยังคิดว่า เรื่องการจูบกันไม่ใช่เรื่องที่จะต้องเอามากล่าวประณามกันเช่นนี้ เพราะมันเป็นเรื่องของอุตสาหกรรมการผลิตหนัง"

Hasan Zaidi ผู้กำกับรุ่นใหม่ชาวปากีสถานกล่าว ซึ่งหนังของเขาก็เคยถูกแบนฉากจูบมาแล้ว

"คุณเคยดูหนังแบบ Pusho (ภาษาท้องถิ่น ) หรือเปล่า มันแย่กว่านี้เสียอีก" Zaidi กล่าวทิ้งท้าย

สื่อท้องถิ่นในปากีสถานรายงานว่า ทางกระทรวงวัฒนธรรมของปากีสถานได้ออกมาเคลื่อนไหวในเรื่องนี้ตามข้อเรียกร้องที่เกิดในสังคม โดยการปรับนักแสดงสาวผู้นี้ด้วยจำนวนเงินที่มากเอาการ ด้วยข้อหาแสดงหนังที่มีฉากอื้อฉาวเป็นที่เสื่อมเสียแก่ศีลธรรมอันดี

ทางด้าน Meera ซึ่งตอนนี้เธอยังอยู่ที่อินเดีย ออกมาพูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ว่า

"การที่ฉันจูบกับ Ashmit ก็เหมือนกับปากีสถานจูบกับอินเดีย การที่ฉันกอดกับ Ashmit ก็เหมือน กับพลเมืองชาวปากีสถานทุกคนกอดกับพลเมืองชาวอินเดียทุกคนเช่นเดียวกัน ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเรื่องนี้มันกลายเป็นเรื่องใหญ่โตไปได้ ฉันอยู่ที่นี่ในฐานะทูตสันติภาพ และทุกๆ สิ่งทุกๆ อย่างที่ฉันทำก็คือความพยายามที่จะเชื่อมประเทศทั้งสองด้วยสัมพันธไมตรี"

ส่วนทางด้าน Patel นักแสดงหนุ่มที่ตกเป็นข่าวจากฉากจูบในครั้งนี้ ซึ่งเขาบอกว่าเป็นเพียงการจูบที่แก้มธรรมดาๆ เท่านั้นเอง ก็ออกมาพูดว่า

"คนที่ออกมากล่าวโทษ ในชีวิตนี้เขาไม่เคยจูบใครเลยหรืออย่างไร"

Mahesh Bhatt ผู้เขียนบทและผู้กำกับร่วมของหนังเรื่องนี้ กล่าวถึงเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องเด็กๆ และน่าขันเป็นที่สุด

"นี่คือหนังอินเดีย-ปากีสถาน เรื่องแรกที่กล้าที่จะผูกความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศเข้าด้วยกันให้แน่นแฟ้น แต่มันก็เป็นเรื่องน่าเศร้าที่คนอื่นจะเห็นเป็นเรื่องที่เลวร้ายไป"

"ซึ่งมันเป็นเหมือนกับการไปแหย่รังแตนในตอนนี้ หากจะนำหนังเรื่องนี้ไปฉายในปากีสถาน เพราะตอนนี้อะไรเล็กๆ น้อยๆ ก็อาจจะกระทบต่อความรู้สึกของชาวปากีสถานได้ ผมไม่รู้ด้วยซ้ำไปก่อนที่จะเขียนบทเรื่องนี้ขึ้นว่า มันจะก่อให้เกิดเรื่องราวใหญ่โตขนาดนี้ มันเลยกระตุ้นให้ผมอยากที่จะเขียนจดหมายอธิบายถึงประธานาธิบดีของปากีสถาน" Bhatt กล่าวทิ้งท้าย

แต่ความสัมพันธ์ระหว่างชาวปากีสถานและอินเดียก็คลายตัวสู่สภาพที่ดีขึ้น เมื่อนักแสดงบอลลีวู๊ดชาวอินเดียเดินทางมาเยี่ยมเยียน พบปะนักแสดงท้องถิ่นชาวปากีสถาน

"ฉันว่าเรื่องนี้จริงๆ แล้วมันไม่มีอะไรเลย" Hoori Noorani ผู้เชี่ยวชาญทางด้านภาพยนตร์และสิ่ง พิมพ์ชั้นนำกล่าว

"พวกที่ต่อต้านเรื่องดังกล่าว ที่เรียกตัวเองว่า ผู้ปกป้องวัฒนธรรม โดยอ้างเรื่องของศาสนาอิสลามและศีลธรรมอันดี เพราะมันเป็นเรื่องที่ใกล้ตัวสำหรับเขา แต่หนังเรื่องนี้มันก็ออกฉายไปแล้ว มันจึงไม่เป็นการยุติธรรมที่จะไปวิพากษ์วิจารณ์"

อย่างไรก็ตาม ในหนังเรื่องล่าสุดของ Bhatt ก็มีฉากหวือหวาอยู่เป็นจำนวนมาก (หนังเรื่อง "Murder" ) แต่หนังเรื่องนี้ก็เป็นหนังที่กำหนดเกรดสำหรับผู้ใหญ่เท่านั้น

"ข้อวิจารณ์ถึงฉากในหนังในเรื่องนี้ ควรจะไปดูที่ว่าอะไรมันถูกนำเสนอในหนังที่จะจี้จุดคนดูที่ไม่ได้รับการศึกษา ที่ไปดูหนังเรื่องนี้" Saquib Malik ผู้กำกับมิวสิควิดีโอในปากีสถาน กล่าวเห็นด้วยกับ Noorrani

"เรื่องราวที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่ไม่สมควรเท่าไหร่ ก่อนหน้านี้ เธอสร้างหนังที่มีฉากโจ๋งครึ่มมากมายกว่านี้ แต่ก็ไม่เคยเห็นมีใครออกมาคัดค้านเลยสักครั้ง"

"เราต้องให้การยกย่องแก่เธอ สำหรับการเป็นชาวปากีสถานคนแรกที่ได้รับบทนำในหนังของ Bhatt เพราะในวงการบอลลีวู๊ด ใครๆก็อยากจะร่วมงานกับ Bhatt ทั้งนั้น มันเป็นโอกาสอันดี และเธอก็ได้รับมัน ผมสนับสนุนเธอเต็มที่"

นักแสดงสาว Zara Sheikh ปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์ในเรื่องนี้เพราะกลัวถูกแบบจากเพื่อนนักแสดงด้วยกัน และจากทางรัฐบาล แต่เธอเห็นด้วยกับ Malik โดยกล่าวว่า

"เธอได้ทำในสิ่งที่ก้าวหน้า และเราควรจะยกย่องเธอ ที่ได้แสดงในหนังบอลลีวู๊ด และที่สำคัญเธอเป็นนักแสดงนำซะด้วย"

"แต่ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นในสังคมชาวปากีสถานในครั้งนี้ ก็ไม่จำเป็นจะต้องไปหาเหตุผลมากมายมาอธิบาย โดยเฉพาะเรื่องฉากเร่าร้อนที่เกิดขึ้นในหนัง เนื่องจากอุตสาหกรรมหนังในปากีสถาน สร้างหนังที่ไกลห่างจากความจริง ด้วยฉากการวิ่งข้ามภูเขาสีเขียวชอุ่มและการเต้นรอบๆ ต้นไม้ ผู้คนจึงไม่สามารถยอมรับเรื่องราวส่วนตัวของคนที่ปรากฏบนจอขนาดใหญ่ได้" เธอกล่าวปิดท้าย

แปลจาก Movie Queen's Kiss and Tell Episode Rocks Pakistan
โดย Zofeen T. Ebrahim IPS NEWS

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net