Skip to main content
sharethis

ฮ่องกง-11 มี.ค.48 วันนี้ (11 มี.ค.) คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งเอเชีย (AHRC) องค์กรพัฒนาเอกชนด้านการรณรงค์และตรวจสอบสถานการณ์สิทธิมนุษยชนในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งมีที่ตั้งอยู่ที่ฮ่องกง ได้ทำฎีกาถวายต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันครบรอบหนึ่งในการหายตัวไปของนายสมชาย นีละไพจิตร ทนายความนักสิทธิมนุษยชน

ทั้งนี้ AHRC ได้ยื่นฎีกาต่อนายวิชัย วราสิริกุล กงสุลไทยประจำเกาะฮ่องกง และนำส่งฎีกามายังสำนักราชเลขาธิการกรุงเทพฯ

โดยสาระของฎีการะบุว่า ขอเดชะฝ่าละอองธุลีพระบาทด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ข้าพระพุทธเจ้า คณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชนแห่งเอเชีย (AHRC) ขอร้องเรียนมายังฝ่าละอองธุลีพระบาทเพื่อทรงมีพระราชดำรัสต่อรัฐบาลไทย แสดงความห่วงใยในคดีการหายตัวไปของนายสมชาย นีละไพจิตร เพื่อความเป็นธรรมจะได้เกิดขึ้นกับครอบครัวของนายสมชาย และเพื่อพิทักษ์สิทธิและศักดิ์ศรีของพสกนิกรใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท

นายสมชาย ได้ถูกลักพาตัวออกไปจากรถยนต์ในวันที่ 12 มีนาคม 2547 หลังจากนั้น ไม่มีใครพบตัวอีกเลยจนกระทั่งวันนี้ซึ่งเป็นวันครบรอบ 1 ปี ของการหายตัวไป ก่อนหน้านี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้แจ้งกับทางข้าพระพุทธเจ้าว่า ได้สั่งการให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องตามหาตัวนายสมชายและนำผู้กระทำผิดมารับผิดชอบตามกระบวนการทางกฎหมายแล้ว

ข้าพระพุทธเจ้ารู้สึกพึงพอใจต่อคำมั่นสัญญาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นอย่างยิ่ง แต่ต่อมาข้าพระพุทธเจ้ารู้สึกผิดหวังเป็นอย่างยิ่ง ที่ถึงขณะนี้ นายสมชายก็ยังคงหายตัวไป ส่วนผู้ต้องหาก็ได้ปฏิเสธข้อกล่าวหา ข้าพระพุทธเจ้าและภรรยาของนายสมชาย และหน่วยงานอื่นๆ ได้พยายามเรียกร้องให้คดีนี้ไปอยู่ภายใต้การดำเนินการของกรมสอบสวนคดีพิเศษ สังกัดกระทรวงยุติธรรม

แต่ถึงขณะนี้ ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด สำนักงานตำรวจแห่งชาติยังคงเป็นผู้รับผิดชอบคดี แม้ว่า ข้าพระพุทธเจ้าจะเคารพการทำงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติดี แต่ยังตระหนักถึงข้อที่ว่าผู้ต้องหานั้นเป็นเจ้าพนักงานของหน่วยงานดังกล่าวนี้ ข้าพระพุทธเจ้าจึงเห็นว่าเป็นการไม่เหมาะสมที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติรับผิดชอบในคดีนี
ข้าพระพุทธเจ้าได้พยายามผลักดันเรื่องนี้ผ่านช่องทางอื่นๆ แล้ว แต่ไม่ประสบความสำเร็จแต่อย่างใด ดังนั้น หลังจากหนึ่งปี จึงตัดสินใจนำเรื่องกราบเรียนฝ่าละอองธุลีพระบาทด้วยความเคารพอย่างสูงสุด เพื่อที่ว่าอย่างน้อยที่สุด ภรรยาและบุตรทั้งห้าของนายสมชายจะได้ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นกับสามีและบิดาของเขา และได้เห็นว่าผู้กระทำความผิดได้รับโทษทัณฑ์ตามกฎหมาย

ข้าพระพุทธเจ้าขอกราบเรียนว่า คดีของนายสมชายนั้นมีความสำคัญกับครอบครัวของเขา รวมถึงพสกนิกรคนไทยอื่นๆ เนื่องจากเป็นคดีที่ได้รับความสนใจอย่างมากจากสาธารณชน จึงหวังว่าหากคดีนี้ได้รับการคลี่คลาย ความเคารพศรัทธาของพสกนิกรที่มีต่อสถาบันยุติธรรมของไทยยังคงจะดำรงอยู่ไม่เสื่อมคลาย

นอกจากนั้น ข้าพระพุทธเจ้าเชื่อว่า การคลี่คลายคดีของนายสมชายอาจเป็นส่วนเล็กๆ ที่ช่วยบรรเทาความรุนแรงที่เกิดขึ้นในภาคใต้ เพราะนายสมชายเองเป็นนักสิทธิมนุษยชนที่ทำงานเกี่ยวข้องกับประเด็นปัญหาของภาคใต้ ซึ่งข้าพระพุทธเจ้าได้รับรู้ถึงปัญหาของดินแดนแห่งนี้และรู้สึกเห็นใจและเป็นห่วงผู้ที่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในภาคใต้นี้ด้วยเช่นกัน

ดังที่ฝ่าละอองธุลีพระบาททรงทราบดีอยู่แล้วว่า คดีของนายสมชายนั้นได้รับความสนใจเป็นอย่างมากจากนานาประเทศ ดังนั้น การคลี่คลายคดีของนายสมชายจึงมีนัยสำคัญมากต่อชื่อเสียงและความเชื่อถือของนานาอารยะประเทศที่มีต่อราชอาณาจักรไทย

ดังนั้น ข้าพระพุทธเจ้าจึงขอกราบบังคมทูลมายังฝ่าละอองธุลีพระบาททรงมีพระราชดำรัสผ่านสำนักราชเลขาแสดงความกังวลในคดีนี้ต่อรัฐบาลไทย เพื่อที่ครอบครัวของนายสมชายจะได้รับการเยียวยา และพสกนิกรอื่นๆ จะได้รู้สึกภาคภูมิใจกับความยุติธรรมที่เกิดขึ้น

ท้ายที่สุดนี้ ข้าพระพุทธเจ้าขอกราบบังคมทูลว่า การลักพาตัวในลักษณะนี้เป็นอาชญากรรมอันร้ายแรงที่ถูกประณามจากสังคมอารยะทั้งมวล ในปีคริสตศักราช 1998 ได้มีการร่างกติกาสากลว่าด้วยเรื่องการปกป้องบุคคลจากการบังคับให้หายตัวไป ข้าพระพุทธเจ้าหวังด้วยใจบริสุทธิ์ว่า รัฐบาลไทยจะพยายามทุกวิถีทางที่จะรับหลักการในร่างกติกาดังกล่าว และออกกฎหมายห้ามการบังคับให้หายตัวไป เพื่อบังคับใช้ในราชอาณาจักรต่อไปในอนาคตอันใกล้

ขอฝ่าละอองธุลีพระบาททรงโปรดพิจารณาข้อร้องเรียนของข้าพระพุทธเจ้า ในนามคณะกรรมาธิ
การสิทธิมนุษยชนแห่งเอเชีย ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ ลงชื่อ นายบาซิล เฟอนันโด ผู้อำนวยการ AHRC

รายงานข่าวระบุว่า ศูนย์ข้อมูลทางกฎหมายแห่งเอเชีย ซึ่งอยู่ในเครือ AHRCอยู่ระหว่างเตรียมการจัดทำรายงานสถานการณ์สิทธิมนุษยชนของไทย เพื่อส่งให้กับกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ

โดยรายงานดังกล่าวได้รวมเรื่องของนายสมชายและได้แสดงข้อกังวลต่อเรื่องการหายตัวไปที่เกิดขึ้นอย่างกว้างขวางทางภาคใต้ของไทย ทั้งนี้จะมีการตั้งคณะกรรมการพิจารณาสถานการณ์ของประเทศไทย สำหรับการปฏิบัติตามกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง ในช่วงเดือน ก.ค ศกนี้

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net