กลุ่มองค์กรผู้บริโภค เครือข่ายองค์กรพัฒนาเอกชนต้านคอรัปชั่น ได้นัดประชุมและมีมติเรียกร้องให้รัฐบาล เรียกเงินชดเชยเบื้องต้น จำนวน 3,300 ล้านบาท จากบริษัทคืนให้รัฐ พร้อมตั้งบุคคลภายนอกเป็นคณะกรรมการตรวจสอบปัญหาการค้ากำไรจากการสำรองน้ำมัน และขยายผลเรื่องสต๊อกน้ำมันที่กักตุน

ตามที่รัฐบาลได้ประกาศขึ้นราคาน้ำมันรวดเดียว จำนวน 3 บาท เมื่อวันที่ 23 มีนาคมที่ผ่านมา ได้ถูกตรวจสอบจากสมาชิกวุฒิสภา พร้อมทั้งเรียกร้องให้บริษัทน้ำมันที่มีการสำรองน้ำมันไว้ตามกฎหมายและมีกำไรจากเงินชดเชยที่ให้ไปก่อนหน้านั้นทันทีลิตรละ 3 บาท คืนให้กับรัฐ

จากการให้สัมภาษณ์ของนายวิเศษ จูภิบาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้ยอมรับว่า มียอดสำรองน้ำมัน ณ วันที่ 22 มีนาคม จำนวน 820 ล้านลิตร และสำรองการค้าอีก 146 ล้านลิตร รวมเป็นจำนวนทั้งหมด 966 ล้านลิตร ซึ่งต้องดำเนินการคืนเงินชดเชยที่รัฐได้ให้ไปก่อนหน้านั้นลิตรละ 3 บาท ซึ่งเท่ากับเป็นเงิน 2,898 ล้านบาท

หรือจากการให้สัมภาษณ์ของนายกรัฐมนตรี ที่ยอมรับว่า มีผู้ได้ประโยชน์แล้วการสำรองน้ำมันประมาณ 1,100 ล้านลิตร คิดเป็นเงินประมาณ 3,300 ล้านบาท

จึงเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ มีคำสั่งเรียกเงินจำนวนดังกล่าวคืนให้กับรัฐทันที

หลังจากนั้นขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี ตั้งคณะกรรมการอิสระที่ประกอบด้วยบุคคลภายนอกที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องและส่วนได้ส่วนเสียจากการดำเนินการในครั้งนี้ ตรวจสอบยอดปริมาณสำรองน้ำมันที่แท้จริง ณ วันที่ 22 มีนาคมที่ผ่านมา

เนื่องจากข้อเท็จจริงในปัจจุบัน พบว่า มีผู้ค้าน้ำมันประมาณ 141 บริษัท โดยมีบริษัทขนาดใหญ่ประมาณ 30 บริษัท และขนาดเล็กประมาณ 111 ราย ซึ่งมีกำลังความสามารถในการสำรองน้ำมันประมาณ 2,000 ล้านลิตร

ยังมีปั๊มน้ำมัน 18,497 ราย จ๊อบเบอร์ จำนวน 40-50 ราย รถบรรทุก จำนวนมากกว่า 2,000 คัน หรือแม้กระทั่งเรือบรรทุกต่างๆ ซึ่งโดยประมาณการแล้ว ปริมาณยอดสำรองน้ำมันต้องมากกว่าที่นายวิเศษ จูภิบาล ยอมรับกับสื่อมวลชน

กลุ่มองค์กรข้างต้น มีมติเรียกร้องให้คณะกรรมการชุดนี้ ทำหน้าที่ขยายผลการตรวจสอบการกักตุนน้ำมันตามที่นายเมตตา บรรเทิงสุข ได้ให้ข้อมูลกับสื่อมวลชนด้วย

30 มีนาคม 2548

เครือข่าย 30 องค์กรพัฒนาเอกชนต้านคอรัปชั่น
สหพันธ์องค์กรผู้บริโภค
มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค