อาจกล่าวได้ว่าข่าวการทารุณกรรมแรงงานต่างด้าวชาวกะเหรี่ยงสัญชาติพม่าบนหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์หลายฉบับเช้าวันที่ 29 เมษายนที่ผ่านมา เป็นข่าวที่กระทบกระเทือนจิตใจของคนที่ได้รับรู้เป็นอย่างมาก และก่อให้เกิดคำถามสำคัญต่อสังคมไทยเช่นกันว่า เพราะเหตุใดนายจ้างไทยจึงใช้ความรุนแรงต่อแรงงานต่างด้าวราวกับคนไร้หัวใจ
การกระทำดังกล่าวเกิดจากความโหดร้ายโดยนิสัยส่วนตัว หรือเป็นความโหดร้ายที่มีปัจจัยอื่นซ่อนอยู่เบื้องหลัง โดยเฉพาะปัจจัยเรื่อง "สัญชาติ" หรือ "เส้นพรมแดน" ที่คอยสกัดกั้นความเมตตาของเราไม่ให้ก้าวข้ามไป
หากเป็นเช่นนั้นจริง เราควรจะทำอย่างไรที่จะกำจัดความรุนแรงดังกล่าวไม่ให้เกิดขึ้นในสังคมไทยอีกต่อไป
สาเหตุสำคัญที่ทำให้โอกาสและระดับความรุนแรงต่อแรงงานต่างด้าวมีมากกว่าแรงงานไทย เนื่องจากแรงงานต่างด้าวส่วนใหญ่เป็นแรงงานผิดกฎหมาย ไม่มีบัตรอนุญาตทำงาน โอกาสที่แรงงานจะลุกขึ้นมาเรียกร้องต่อสู้เพื่อสิทธิของตนเองจึงแทบเป็นศูนย์ ในขณะที่แรงงานไทยสามารถทำได้ง่ายกว่า
หากใครติดตามข่าวนางสาวน้อง (นามสมมติ) ถูกทุบตีจนกะโหลกศีรษะร้าวและซี่โครงหักครั้งนี้จะเห็นได้ว่า เธอถูกทรมานมาเป็นเวลายาวนานหลายเดือน แม้กระทั่งถูกทุบตีจนบาดเจ็บเธอก็ยังไม่กล้าปริปากร้องหรือบอกกับเพื่อนบ้าน เพราะเธอรู้ตัวดีว่าเธอเป็นแค่แรงงานต่างด้าวผิดกฎหมายและนายจ้างเธอก็รู้เช่นกัน
หากหญิงสาวผู้นี้เลือกเกิดได้เป็นประชาชนไทย โอกาสที่เธอถูกทำร้ายจนบาดเจ็บเจียนตายเช่นนี้คงจะลดน้อยลง เพราะเธอสามารถวิ่งออกมาจากบ้านหฤโหดหลังนี้ ตั้งแต่วันแรกที่โดนทำร้ายหรือร้องเรียกให้เพื่อนบ้านเข้าไปช่วยเหลือเธอให้ออกมาจากขุมนรกแห่งนี้ได้เร็วขึ้น
หากเราตัดประเด็นเรื่อง "สัญชาติ" ออกไปและมองแรงงานเหล่านี้ในฐานะเพื่อนมนุษย์
รวมทั้งมองข้ามเส้นพรมแดนประเทศเข้าไปทำความเข้าใจปัจจัยผลักดันที่ทำให้พวกเขาและเธอต้องเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายเข้ามาในเมืองไทยนับล้านคน เอาใจเขามาใส่ใจเราบ้าง บางที ความรุนแรงระหว่างนายจ้างไทยกับแรงงานต่างด้าวจะลดน้อยลง
ในกรณีของแรงงานจากประเทศพม่า ปัจจัยผลักดันการเดินทางเข้ามาทำงานในเมืองไทยมีความซับซ้อนค่อนข้างมาก เนื่องจากประชาชนต้องเผชิญกับการมีชีวิตอยู่ภายใต้ระบอบเผด็จการทหารแบบเข้มข้น ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ สงครามกลางเมืองระหว่างรัฐบาลทหารกับชนกลุ่มน้อย และการบังคับใช้แรงงานทาสมายาวนานนับครึ่งศตวรรษ การเดินทางเข้ามาขายแรงงานในประเทศไทยจึงเป็นเสมือนการแสวงหาโอกาสที่จะมีชีวิตรอดต่อไปในวันข้างหน้า
แม้ว่าการแสวงหาโอกาสครั้งนี้จะเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย แต่พวกเขาก็เลือกที่จะเสี่ยงเพราะอย่างน้อยก็มีโอกาสรอด
สิ่งที่แรงงานต่างด้าวทุกคนฝัน เมื่อตัดสินใจเดินทางมาถึงสถานที่จ้างงานอย่างปลอดภัย ไม่ต้องขาดอากาศหายใจในรถบรรทุกขนแรงงานเถื่อน ได้เจอนายจ้างที่ไม่โกงค่าแรงที่แลกมาด้วยหยาดเหงื่อแรงงานราคาถูกกว่าคนไทย ได้เจอนายจ้างที่มีความเมตตามองพวกเธอเป็นมนุษย์ที่มีหัวใจ และความฝันสุดท้ายคือการได้นำเงินค่าแรงที่สะสมมากลับไปให้พ่อแม่ที่รอคอยโดยไม่ถูกปล้นชิงไประหว่างทาง
แม้ความหวังดังกล่าวจะดูเหมือนอยู่ไม่ไกลนัก แต่ทว่าแรงงานจำนวนมากกลับยังใช้สองมือเอื้อมไม่ถึงและหลายคนหมดลมหายไปก่อนจะได้ไขว่คว้ามัน
บางคนอาจมองว่า ใช่เพียงนายจ้างจะโหดร้ายกับแรงงานต่างด้าว หากแรงงานต่างด้าวก็โหดร้ายต่อนายจ้างไทยดังที่ตีพิมพ์บนหนังสือพิมพ์หน้าหนึ่งอยู่บ่อย ๆ เช่นกัน แต่หากเราลองพิจารณาระดับและระยะเวลาที่เกิดความรุนแรงจะพบว่า ความรุนแรงที่นายจ้างไทยกระทำต่อแรงงานต่างด้าวเป็นความรุนแรงที่เกิดขึ้นทั้งต่อร่างกายและจิตใจเป็นเวลายาวนาน
ขณะที่ความรุนแรงที่แรงงานต่างด้าวกระทำต่อนายจ้างไทย มักเป็นความรุนแรงแบบวันเดียวจบ ซึ่งโดยส่วนใหญ่เป็นผลสืบเนื่องมาจากความโกรธแค้นที่ถูกนายจ้างกระทำทารุณต่อแรงงานเป็นเวลายาวนาน เช่น โกงค่าแรง และทรมานร่างกาย เป็นต้น
ด้วยเหตุนี้ จุดเริ่มต้นของการบรรเทาปัญหาความรุนแรงระหว่างนายจ้างและแรงงานต่างด้าว จึงควรเริ่มต้นด้วยการลบเส้นพรมแดนที่แบ่งกั้นความเมตตาในหัวใจออกไป เอาใจเขามาใส่ใจเรา เมตตาและกระทำดีต่อเขาเฉกเช่นที่เราอยากให้คนอื่นปฏิบัติต่อเรา หากเราปฏิบัติเช่นนี้ โอกาสที่แรงงานต่างด้าวจะเคียดแค้นชิงชังและลุกขึ้นมาฆ่านายจ้างอย่างโหดร้ายก็คงจะลดน้อยลง และแรงงานต่างด้าวก็จะทำงานให้เราด้วยความรักและความเต็มใจมากยิ่งขึ้น
ถึงเวลาแล้วหรือยังที่เราจะเริ่มต้นลบเส้นพรมแดนที่สกัดกั้นความเมตตาของเราออกไปจากหัวใจ....
บทความพิเศษ
ธันวา สิริเมธี
ศูนย์ข่าวสาละวิน