Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis

ช่วงนี้ ถ้าดูให้ดี จะเห็นว่ามีคนสาวคนหนุ่มชาวต่างชาติ เดินทางเข้ามาทำกิจกรรมในประเทศไทยของเราอยู่ 2 กลุ่ม

น่าเสียดาย คนในประเทศส่วนใหญ่ อาจจะได้รับรู้ข่าวคราวผ่านหน้าหนังสือพิมพ์และสื่อมวลชน เฉพาะก็แต่การเดินทางเข้ามาร่วมกิจกรรมประกวดนางงามบริษัทมิสยูนิเวิร์สของกลุ่มสาวงามนานาชาติ เพราะมีการโหมกระพือข่าวด้วยกลวิธีโฆษณาต่างๆ นานา

จัดงานเลี้ยงโอ่อ่า หรูหรา ปูพรมแดงเลียนแบบฮอลลีวู้ด มีนักเรียนนายทหารเรือใส่ชุดขาวคอยเดินควงแขนรับเข้างาน มีการให้ไปโพสต์ท่าถ่ายรูปบนเรือในแม่น้ำเจ้าพระยา สวมใส่ชุดบิกีนี คาดผ้าผืนเล็กสองชิ้น โชว์ส่วนเว้าส่วนโค้ง โดยยึดเอาวัดอรุณราชวรารามเป็นฉากหลัง

สงสัยจะไม่แปลก เพราะคณะรัฐมนตรีก็ไปยึดปราสาทหินเขาพนมรุ้งเป็นฉากทางการเมืองเหมือนกัน
สิ่งที่น่าสนใจ นอกจากกลุ่มสาวงามนานาชาติแล้ว ขณะเดียวกัน ก็ยังมีคนสาวคนหนุ่มชาวต่างชาติอีกกลุ่มหนึ่ง ที่เดินทางเข้ามาทำกิจกรรมในแถบภาคใต้ของเรา

คนกลุ่มหลังนี้ ไม่ค่อยปรากฏเป็นข่าว เข้ามาเงียบๆ ทำกิจกรรมอยู่เงียบๆ ฝังตัวในพื้นที่มานาน กระทั่งเมื่อกลุ่มสาวงามนานาชาติเดินทางลงไปทำกิจกรรมในพื้นที่ท่องเที่ยวแถบอันดามัน เห็นข่าวสาวงามใส่บิกีนีกระโดดน้ำทะเล ดำผุดดำว่าย แต่คนไทยทั่วไปก็ยังไม่ค่อยจะมีโอกาสได้รับรู้ "การดำรงอยู่" ของคนสาวคนหนุ่มชาวต่างชาติอีกกลุ่มหนึ่งที่ปักหลักอยู่ในพื้นที่เกิดเหตุสึนามินั้นสักเท่าใด

คนสาวคนหนุ่มชาวต่างชาติ 2 กลุ่มนี้ มีความแตกต่างอยู่ในความเหมือน

โดยส่วนตัว ผมไม่ได้เข้าไปร่วมกิจกรรม ร่วมแนวคิดกับกลุ่มสาวงามนานาชาติแห่งบริษัทมิสยูนิเวร์ส แต่เข้าใจว่าเป็นเรื่องของธุรกิจ ผลประโยชน์ ความงามของเรือนร่าง มากกว่าสิ่งอื่นใด ซึ่งผมไม่มีแรงจูงใจให้เข้าไปสัมผัส เพราะมีวิธีคิดแตกต่างกัน จึงไม่ได้ไปซื้อโต๊ะร่วมรับประทานอาหารกับนางงาม

แต่ที่ผมสนใจเป็นพิเศษ เพราะเกี่ยวข้องกับการทำงาน ทำให้มีโอกาสลงไปสัมผัสโดยตรง คือ กิจกรรมของคนสาวคนหนุ่มชาวต่างชาติที่เข้ามาทำกิจกรรมอยู่ในพื้นที่ประสบภัยสึนามิ

คราวที่คณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ วุฒิสภา เดินทางลงพื้นที่เพื่อไปตรวจสอบและช่วยเหลือชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากภิบัติภัยสึนามิ ช่วยชาวบ้านให้สามารถช่วยตัวเองต่อไป

จำได้ว่า ที่ชุมชนชาวบ้านบนเกาะพีพี และที่ จ.พังงา ชาวบ้านพาผมเดินออกจากชุมชนไปทางชายทะเล แลออกไปเห็นแนวหาดทรายทอดตัวยาว ภาพที่ปรากฏ คือ คนสาวคนหนุ่มกลุ่มหนึ่ง กำลังเดินๆ หยุดๆ ก้มๆ เงยๆ อยู่บนชายหาด ใส่เสื้อผ้าทะมัดทะแมง ตามเนื้อตัวมีเม็ดทรายเกาะอยู่ ทุกคนสวมถุงมือ มือข้างหนึ่งถือถุงพลาสติกใหญ่และภาชนะ มืออีกข้างกำลังเขี่ย คุ้ย หยิบจับเศษวัสดุสิ่งของใส่ลงในถุง

ท่าทางของหนุ่มสาวกลุ่มนี้ ดูแล้วไม่ต่างจากอาการของเยาวชนนักศึกษาลูกหลานของเรา ยามที่ไปออกค่าย ไปช่วยชาวบ้านทำนาทำไร่ เห็นตั้งใจทำงาน แม้จะยังดูไม่จัดเจน ดูเก้ๆ กังๆ เห็นแล้วอดยิ้มไม่ได้ ผมจึงเดินเข้าไปพูดคุยทักทาย ตามประสาอาจารย์มหาวิทยาลัยเก่า ที่สนับสนุนให้เด็กหนุ่มสาวทำกิจกรรมเพื่อสังคม

พูดคุยจนได้ทราบว่า คนสาวคนหนุ่มนานาชาติกลุ่มนี้ ได้เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลมาเพื่อเป็นอาสาสมัคร ทำงานช่วยเหลือฟื้นฟูธรรมชาติและชุมชนจากวิบัติภัยสึนามิ ต่างคนต่างมา จ่ายค่าเครื่องบินมากันเอง มาโดยไม่ได้นัดหมาย ไม่มีสปอนเซอร์ ไม่มีอามิสสินจ้าง จ่ายค่าที่พักกันเอง มาจากหลายชาติ อาทิ เนเธอร์แลนด์ อังกฤษ ยุโรปประเทศต่างๆ สหรัฐอเมริกา รวมถึงชาติเอเชีย เช่น ญี่ปุ่น

เดินคุยพลางลอบสังเกตการทำงานพลาง เห็นว่า คนสาวคนหนุ่มกลุ่มนี้ มีกันอยู่เกือบร้อยคน ต่างคนต่างแยกย้ายกันทำงาน กระจายอยู่บนชายหาด และบริเวณอาคารสิ่งปลูกสร้างที่พังราบ ค่อยๆ คุ้ยเขี่ยหาเศษซากวัสดุ สิ่งของที่เสียหายจากคลื่นสึนามิ

บ้างนั่งปักหลักค่อยๆ คุ้ยเขี่ยพื้นทรายในจุดที่พบสิ่งของเครื่องใช้เกลื่อนอยู่ เช่น พาสปอร์ต หมวก นาฬิกา ผ้าเช็ดหน้า เครื่องประดับ รองเท้า ฯลฯ เพื่อกอบเก็บสิ่งของที่อาจจะมีคุณค่าทางใจสำหรับญาติพี่น้องของผู้สูญเสีย

บ้างก็ใช้ตะแกงร่อนทรายเพื่อแยกเศษเล็กเศษน้อยของสิ่งของที่แตกกระจาย ทั้งเศษแก้ว เศษกระจก เศษพลาสติก เพื่อคัดแยกเอาวัตถุสิ่งของที่เสียหายออกจากธรรมชาติ เพื่อให้ธรรมชาติฟื้นฟูตัวเองได้เร็วขึ้น

ถามว่า ทำไมพวกเขาถึงไม่หาเครื่องจักรมาช่วยทำงานให้เร็วขึ้น เหนื่อยน้อยลง

พวกเขาบอกว่า อยากทำด้วยมือ เพราะสองตาจะได้ช่วยสองมือในการมองหา เลือกสรร สิ่งเล็กๆ ที่อาจจะหล่นหาย แต่เป็นสิ่งของที่มีความสำคัญทางใจของคนที่ยังอยู่ ซึ่งถ้าใช้เครื่องจักรอาจจะถูกกลบหายไปหมด ไม่ว่าจะเป็นล๊อคเก็ตห้อยคอ หนังสือเดินทาง รูปถ่าย ฯลฯ เพื่อส่งให้ญาติพี่น้องของผู้สูญเสีย

ดูและฟังแล้ว ก็เข้าใจว่า คนหนุ่มคนสาวที่ทำงานด้วยใจเหล่านี้ เขาใช้ชีวิตจิตใจร่วมไปในการทำงาน โดยคิดถึงชีวิตจิตใจของผู้เกี่ยวข้องเป็นหลัก คิดฟื้นฟูธรรมชาติของโลก ของจักรวาล ทั้งคิดถึงชีวิตที่ยังอยู่ของญาติพี่น้องผู้สูญเสีย และเป็นห่วงชีวิตของชาวบ้านที่อาจจะเดินเหยียบเศษแก้ว

พวกเขาเดินทางเข้ามาโดยไม่เป็นข่าว ทำกิจกรรมโดยไม่ขอเป็นข่าว มองเห็นชาวบ้านเป็นเพื่อนมนุษย์ที่มนุษย์ด้วยกันต้องช่วยเหลือเมื่อมีภัย ไม่แบ่งเขาแบ่งเรา มองเห็นธรรมชาติที่สวยงามในภาคใต้เป็นทรัพยากรของโลก เมื่อเสียหายก็เดินทางมาเพื่อช่วยฟื้นฟูรักษา

เป็นคนที่มีสำนึกในความเป็นอันหนึ่งเดียวกันของโลก ของจักรวาล โดยไม่ต้องโฆษณาว่าตนเป็นมิสเตอร์ หรือมิสส์จักรวาล

คนหนุ่มคนสาวกลุ่มนี้ กินอยู่ในชุมชน จ่ายค่าที่พักให้ชาวบ้านแทนการจ่ายให้โรงแรมใหญ่ๆ กินตามมีตามจะจัดหามาได้ โดยลงขันรวมกลุ่มกันจัดทำโรงครัว มีคนไทยมาช่วยทำอาหาร ใครจะมากินด้วยก็ได้ ผมก็ร่วมกินข้าวกับพวกเขา กินเสร็จเขาจะมีกล่องให้บริจาคเงินค่าอาหารตามอัธยาศัย ทำให้มีโอกาสสมทบค่าอาหารที่อิ่มด้วยใจไปเหมือนกัน

ไม่แปลกใจ เมื่อเกิดกรณีปัญหานายทุนเลวๆ ฉวยโอกาสใช้คลื่นสึนามิไล่รื้อที่ดินริมหาด เมื่อบ้านเรือนชาวบ้านพังทลาย นายทุนก็บุกเข้ายึดที่ดินที่ชาวบ้านเคยอาศัยอยู่เดิม ใช้อำนาจ อิทธิพลข่มขู่ ส่งมือปืนลูกสมุนไปยิงปืนขู่บ้านชาวบ้าน ล้อมรั้วห้ามไม่ให้ชาวบ้านกลับเข้าไปในที่ดินของตัวเอง เจ้าหน้าที่บ้านเมืองไม่สนใจ ยิ่งนักการเมืองที่เคยชุกชุมเมื่อก่อนเลือกตั้งก็หายหัว คงมีแต่คนหนุ่มคนสาวชาวต่างชาติที่ร่วมช่วยเหลืองานเป็นเพื่อนชาวบ้าน ลงมือลงแรงปลูกเพิง มัดเหล็ก โดยไม่เกรงกลัวภยันตราย

ที่น่าสมเพชเวทนาที่สุด คือ บริษัทธุรกิจที่ไล่ที่ชาวบ้านที่หาดแหลมป้อม บ้านน้ำเค็ม จ.พังงา เป็นบริษัทของนักการเมืองใหญ่พรรครัฐบาล มีตำแหน่งใหญ่โตกร่างอยู่ในสภาผู้แทนราษฎร

บริษัทเอกชนกดดันข่มขู่ จนถึงกับมีชาวบ้านผู้ถูกกระทำ ตกอยู่ในความเครียด ผูกคอตายหนีความเจ็บปวดไปแล้ว!

นักการเมืองผู้อยู่เบื้องหลังอิทธิพลของบริษัทนี้ เป็นคนไทยเชื้อสายจีน แต่กลับมีสำนึกความเป็นเพื่อนมนุษย์ต่ำกว่าคนไทยเชื้อสายจีนทั่วไป มิหนำซ้ำ ยัง "หยาบ" ถึงขนาดลงมือฉวยโอกาส หาผลประโยชน์บนซากความทุกข์ของพี่น้องร่วมชาติ ขัดกันกับหนุ่มสาวชาวต่างชาติที่หยิบยื่นความช่วยเหลือให้โดยไม่หวังผลตอบแทน

น่ายินดี เมื่อทราบว่า ยังมีกลุ่มคนสาวคนหนุ่มชาวต่างชาติเข้ามาทำกิจกรรมในลักษณะนี้อยู่ในพื้นที่พิบัติภัยสึนามิไม่น้อย มีการดำน้ำเพื่อลงไปเก็บเศษวัสดุที่ติดอยู่ใต้น้ำด้วย นอกจากที่พีพีแล้ว ยังมีที่อื่นๆ ที่มีกลุ่มคนสาวคนหนุ่มไปทำประโยชน์ เมื่อเร็วๆ นี้ ที่เกาะพีพี ก็ได้ค้นพบศพของผู้ประสบภัยที่ติดอยู่ใต้น้ำ

น่ายินดี ในช่วงหลังๆ นี้ คนไทยในพื้นที่เอง ได้เริ่มเห็นประโยชน์ และเข้ามามีบทบาททำงานในลักษณะเดียวกับคนสาวหนุ่มฝรั่งเหล่านั้นบ้างแล้ว

น่าเสียดาย ภาครัฐบาลไม่เคยเหลียวแลจะสนับสนุนงบประมาณและความช่วยเหลือแก่คนหนุ่มคนสาวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาทำประโยชน์ให้แผ่นดินไทยด้วยชีวิตและจิตใจ จึงไม่ต้องไปคาดหวังถึงการขยายวงไปสนับสนุนให้หนุ่มสาวคนไทยได้ไปทำกิจกรรมสาธารณประโยชน์ในลักษณะนี้บ้าง

เห็นเอาแต่ทุ่มเททรัพยากรและสนับสนุนเงินงบประมาณให้แก่กลุ่มสาวงามนานาชาติที่มาประกวดเรือนร่าง จำนวนเงินกว่า 260 ล้านบาท ถึงขนาดคนเป็นรัฐมนตรีก็คอย "เกาะกระแส" เกาะขาอ่อนหาเสียงไปกับนางงาม ลงทุนกดปุ่มเตือนภัยสึนามิโชว์นางงาม ทำเอาชาวบ้านแตกตื่นจ้าละหวั่น

ยิ่งกว่านั้น ทางฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐและนักการเมืองในรัฐบาลนั่นเอง ที่ถาโถมโหมกระหน่ำลงพื้นที่เฉพาะตอนก่อนเลือกตั้ง จ่ายเงินให้ชาวบ้านคนละ 2,000 บาท หลังเลือกตั้งก็หายหัว เกิดปัญหารุนแรงในพื้นที่ก็ไม่โผล่

ความต่างในความเหมือนของคนสาวคนหนุ่ม 2 กลุ่ม ที่เข้ามาทำกิจกรรมในประเทศไทยขณะนี้ จึงสำคัญที่ว่า กลุ่มสาวงามนานาชาติบริษัทมิสยูนิเวร์ส อาจจะช่วยให้ชื่อของประเทศไทยผ่านหูผ่านตาชาวโลก ในฐานะ "ฉาก" ของการโชว์เรือนร่างประกวดสาวงาม ซึ่งทั้งหมดนี้ก็เพื่อเงิน เพื่อผลประโยชน์ของผู้เกี่ยวข้อง

แต่การเข้ามาทำกิจกรรมของกลุ่มคนสาวคนหนุ่มชาวต่างชาติ ที่ทำงานฟื้นฟูชุมชนและธรรมชาติ ปกป้อง หวงแหน ห่วงใย เพื่อนมนุษย์ ธรรมชาติ ดั่งว่าเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน กลับได้ช่วยในการมองเห็นและสร้างแรงบันดาลใจ ทำให้ผู้พบเห็นได้ตระหนักในสำนึกถึงความเป็นอันหนึ่งเดียวกันของจักรวาล

เวไนยสัตว์ย่อมมองเห็นจักรวาลได้ ดูแลจักรวาลได้ เป็นเจ้าของจักรวาลได้ โดยไม่ต้องประกวด มิส หรือ มิสเตอร์จักรวาล

จบ

ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net