ประชาไท-13 มิ.ย.48 "การรับน้องอาจแก้ปัญหาการฆ่าตัวตายได้ด้วยซ้ำ ในกรณีที่มีการฆ่าตัวตายตามที่เป็นข่าว อาจเป็นกรณีหนึ่งในล้าน แต่หากไม่มีการรับน้อง ภาวะโดดเดี่ยวจากความ เครียดอาจเกิดได้มากกว่า เช่น เรื่องการเรียนหรือเรื่องอื่นๆ ที่ไม่รู้ว่าจะปรึกษาใคร หากไม่มีการรับน้อง อาจทำให้การฆ่าตัวตายมากขึ้นกว่านี้ เป็นสอง สามหรือสี่ในล้านก็ได้" นายกิตติรัตน์ ปราการรัตน์ นายกสโมสรนักศึกษามหาวิทยาลัยศิลปากร กล่าว
นายกิตติรัตน์ กล่าวว่า การแก้ปัญหาไม่ให้มีการรับน้องไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ถูกต้อง ทางมหาวิทยาลัยน่าจะอนุญาตให้มีการรับน้องต่อไป
นายกสโมสรนักศึกษามหาวิทยาลัยศิลปากร กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม แต่ละคณะคงดำเนินการตามปกติ เพราะเดิมทีการรับน้องของแต่ละคณะก็ทำโดยความสมัครใจของนักศึกษาใหม่อยู่แล้ว ในส่วนของการรับน้องรวมจะมีการออกหนังสือขออนุญาตจากทางมหาวิทยาลัย แต่หากเป็นการรับน้องของคณะ ทางคณะจะเป็นฝ่ายออกหนังสือขออนุญาตเอง
ในส่วนของความรุนแรงที่เป็นประเด็นในการยกเลิกการรับน้องนั้น ปกติมีอาจารย์คอยดูแลควบคุมอยู่ แต่ในอดีตยอมรับว่ามีลักษณะที่รุนแรงกว่านี้ ขณะที่ปัจจุบันเป็นการปรับเป็นลักษณะการออกกำลังกาย ซึ่งแต่ละคนอาจมีข้อจำกัด จึงเตรียมรองรับด้วยการดูแลเป็นพิเศษและอาจแยกออกมา
นายมูฮัมมัด อาลี นักศึกษาชั้นปี 1 วิทยาลัยอิสลามศึกษา มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี เปิดเผยว่า ช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมานับตั้งแต่วันที่ 2 มิถุนายน 2548 ซึ่งเป็นวันแรกของการเปิดเทอม มีกิจกรรมการรับน้องไปแล้ว เป็นการรับน้องหอพัก โดยรุ่นพี่ปี 2 จะเป็นแกนในการรับน้องใหม่ สำหรับตนพักอยู่ที่หอพัก 1 ของมหาวิทยาลัย นักศึกษาที่พักส่วนใหญ่จะเป็นนักศึกษาที่นับถือศาสนาอิสลาม เพราะฉะนั้นรูปแบบการรับน้องจึงมักสอดคล้องกับขนบธรรม เนียมประเพณีของมุสลิม แม้ว่าจะมีนักศึกษามาจากจังหวัดต่างๆ ก็ตาม
"ส่วนข่าวที่ว่ามีนักศึกษาใหม่บางมหาวิทยาลัยที่ฆ่าตัวตายเพราะทนการรับน้องไม่ไหวนั้น ฟังแล้วรู้สึกกลัวเหมือนกัน แสดงว่าต้องมีการรับน้องใหม่ที่หนักกว่าที่เคยเจอมาแน่ แต่ก็สบายใจตรงที่รุ่นพี่ที่นี่จะบอกก่อนว่าจะทำกิจกรรมรับน้องอย่างไร ก็ต้องขอแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย" นายมูฮัมมัดกล่าว
ภาพันธ์ รักษ์ศรีทอง