ประชาไท -23 ม.ค.48 เวทีสาธารณะ "รวมพลคนไม่เอาถ่านหิน"วันที่ 2 มีการจัดแถลงข่าวข้อเรียกร้องจากภาคประชาชนต่อการดำเนินโครงการของรัฐ โดยกลุ่มผู้ได้รับผลกระทบจากโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินและพันธมิตร เพื่อให้รัฐบาลหยุดการใช้ถ่านหินในประเทศ ทั้งการพัฒนาเหมืองถ่านหินและการนำเข้าถ่านหิน และให้ยกเลิกโครงการถ่านหินที่ยังไม่มีการดำเนินการทั้งหมด ไม่ว่าโครงการเหมืองเวียงแหง จ.เชียงใหม่ โครงการเหมืองและโรงไฟฟ้าสะบ้าย้อย จ.สงขลา หรือการขยายโรงไฟฟ้าแม่เมาะ จ.ลำปาง รวมถึงอุตสาหกรรมที่ใช้ถ่านหิน

ในส่วนโครงการถ่านหินที่มีการดำเนินการแล้ว ภาคประชาชนเรียกร้องให้มีการดูแลและจัดการตามข้อเรียกร้องของคนในพื้นที่ และต้องรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอของชุมชนเป็นหลัก ยุติการคุกคามสิทธิของบุคคลและชุมชนที่ต้องการปกป้องท้องถิ่น

ส่วนกรณีเฉพาะหน้านั้น กลุ่มชาวบ้านแม่เมาะ จ.ลำปาง ต้องการย้ายชาวบ้านออกนอกพื้นที่โดยเร็วที่สุด และดูแลสุขภาพชาวบ้านทั้งหมด กลุ่มมาบตาพุด จ.ระยอง ต้องการให้ทบทวนเพื่อยุติโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินบีแอลซีพี และดูและชาวบ้านอย่างจริงจัง กลุ่มแก่งคอย จ.สระบุรี ต้องการให้มีการดูและควบคุมโรงงานอุตสาหกรรมที่มีการใช้ถ่านหินให้มีการจัดการสิ่งแวดล้อม

นอกจากนี้ภาคประชาชนยังเรียกร้องให้รัฐส่งเสริมให้มีการใช้พลังงานหมุนเวียนมากขึ้น และขจัดอุปสรรคในการพัฒนาพลังงานหมุนเวียนโดยให้ประชาชนมีส่วนร่วมในโครงการตั้งแต่เริ่มต้น หลังจากในเวทีสาธารณะนี้มีการกล่าวถึงประเด็นดังกล่าวอย่างกว้างขวาง

นายประสาท มีแต้ม อาจารย์จากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ กล่าวถึงปัญหาของพลังงานทางเลือกว่า พลังงานทางเลือกในประเทศไทยเกิดไม่ได้ เพราะไม่มีกฎหมายว่าด้วยการส่งกระแสไฟฟ้าเข้าระบบ เหมือนในต่างประเทศ เช่น เยอรมัน ซึ่งจะมีการจัดการทั้งระบบ โดยช่วงต้นจะมีการซื้อไฟฟ้าราคาแพง เพื่อให้ธุรกิจพลังงานทางเลือกดำรงอยู่ได้ หลังจากนั้นจะซื้อถูกลง ที่ใดลมแรงจะซื้อถูกกว่าที่ที่ไม่ค่อยมีลม เพื่อให้ทุกคนอยู่ได้ เรียกว่าเป็นกฎหมายเอื้ออาทรที่แท้จริง

"แผนพลังงานทางเลือกของกระทรวงพลังงานก็ดูดี แต่ทำไม่ได้ ทำใช้เองไม่มีทางทำได้ในเชิงเศรษฐกิจ ต้องทำแล้วรวมขาย แต่ของกระทรวงพลังงานทำไว้สร้างภาพเท่านั้น"นายประสาทกล่าว

มุทิตา เชื้อชั่ง
ประชาไทรายงาน