อุบัติการณ์ทางการเมืองของประเทศพม่าครั้งนั้น ทำให้นาง
"ความรักและสัจจะ จะโน้มน้าวใจมหาชนได้ มากกว่าการบังคับ" เธอบอกกับอำนาจเผด็จการ
กิจกรรมการเมืองครั้งแรกของซูจี เริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 15 ส.ค.2531 หนึ่งสัปดาห์ภายหลังที่กลุ่มเผด็จการทหารพม่า ได้ใช้กำลังปราบปรามเข่นฆ่าผู้ชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยเมื่อวันที่ 8 ส.ค.2531 หรือที่ประชาคมโลกรู้จักกันในนามของ "เหตุการณ์ 8-8-88"
ซูจี เขียนจดหมายเปิดผนึกถึงรัฐบาลเผด็จทหาร เรียกร้องให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการอิสระเพื่อจัดให้มีการเลือกตั้งทั่วไป
26 ส.ค.2531 ซูจีขึ้นกล่าวปราศรัยเป็นครั้งแรกต่อหน้าฝูงชนหลายแสนคน ที่มาชุมนุมกันบริเวณด้านนอกของเจดีย์ชเวดากอง โดยในขณะนั้น มีสามีและบุตรชายทั้งสองของเธอมาเป็นกำลังใจอยู่ที่นั่นด้วย
ซูจี เรียกร้องประชาธิปไตยและการอยู่ร่วมกันอย่างสันติ เท่าเทียมกันระหว่างชาติพันธุ์หลากหลายในพม่า ซึ่งเป็นอุดมการณ์และความฝันเดียวกันกับบิดาของเธอ ทว่ากลุ่มเผด็จการทหารกลับไม่ตอบสนองข้อเรียกร้อง แต่กลับจัดตั้งสภาฟื้นฟูกฎระเบียบแห่งรัฐขึ้น เมื่อวันที่ 18 ก.ย.2531 เพื่อมาควบคุมสถาน
การณ์การเรียกร้องของประชาชน
วันที่ 24 ก.ย. ซูจีร่วมกับบรรดามิตรสหายเก่าของบิดาและกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีอุดมการณ์เดียวกัน ตอบโต้ด้วยการจัดตั้งพรรคสันนิบาตแห่งชาตเพื่อประชาธิปไตย หรือ พรรคเอ็นแอลดี(National League for Democracy - NLD) โดย ซูจี ได้รับเลือดให้ดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรค ประกาศต่อสู้กับอำนาจเผด็จการด้วยการใช้นโยบายสันติวิธีและการดื้อแพ่ง
นับตั้งแต่นั้นมา รัฐบาลทหารพม่าได้ใช้อำนาจเผด็จการภายใต้กฎอัยการศึก โดยได้มีการสั่งกักบริเวณซูจี ให้อยู่แต่ในบ้านพักเป็นเวลา 3 ปี ตั้งแต่วันที่ 20 ก.ค.2532 และได้จับกุมสมาชิกพรรคจำนวนมากไปคุมขังไว้ที่คุกอินเส่ง ซึ่งรู้กันว่า เป็นสถานที่มีการปฏิบัติการที่โหดร้ายทารุณต่อนักโทษ
ซูจีอดอาหารประท้วงและเรียกร้องให้นำเธอไปขังรวมกับสมาชิกพรรคคนอื่นๆ เวลานั้นอเล็กซานเอร์และ คิม บุตรชายอยู่กับมารดาด้วย ไมเคิล สามีของเธอรีบบินด่วนมาจากอังกฤษมาที่ร่างกุ้ง เพื่อเป็นกำลังใจให้ภรรยา
"ดิฉันไม่ยอมรับสิ่งใดจากทหารเลย บางครั้งดิฉันแทบไม่มีเงินพอที่จะซื้ออาหารรับประทาน ทำให้ร่างกายดิฉันอ่อนแอมาก ผมของดิฉันร่วง ดิฉันอ่อนแอจนไม่สามารถลุกจากเตียงได้ ทุกครั้งที่เคลื่อนไหว หัวใจดิฉันเต้นแรง แทบหายใจไม่ออก น้ำหนักของดิฉันลดจาก
ซูจี ถูกรัฐบาลเผด็จการทหาร สั่งกักบริเวณเป็นครั้งที่ 2 ตั้งแต่วันที่ 21ก.ย.2545 รวมเป็นเวลา 18 เดือน
ต่อมา ถูกรัฐบาลเผด็จการทหารพม่า ภายใต้นาม "สภาเพื่อสันติภาพและการพัฒนาแห่งรัฐ" หรือ SPDC สั่งกักบริเวณให้ใช้ชีวิตอยู่แต่ภายในบ้านพักเป็นครั้งที่ 3 ตั้งแต่เดือน มิ.ย.2546 ภายหลังเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างมวลชนจัดตั้งของรัฐบาลพม่ากับกลุ่มผู้สนับสนุนซูจี เมื่อวันที่ 30 พ.ค. ในระหว่างที่นางซูจี เดินทางเพื่อพบปะประชาชนในเมืองเดพายิน ทางตอนเหนือของพม่า
แม้ว่าในห้วงขณะนี้ ในระยะเวลา 17 ที่ผ่านมา เธอยังคงถูกกักบริเวณอยู่ในพื้นที่ที่จำกัด และเพื่อนพี่น้องอีกหลายร้อยคนยังคงถูกคุมขังอยู่ แต่เธอคงเชื่อมั่นที่ตัดสินใจแลกอิสรภาพกับการต่อสู้เพื่อประชา ธิปไตยและสันติภาพของพม่าและพยายามบอกกล่าวแก่ประชาคมโลกว่า "คุกตารางทำร้ายได้แต่ร่างกาย แต่ไม่อาจทำลายขวัญและจิตวิญญาณลงได้" และ "กำแพงคุก ก็ส่งผลสะเทือนต่อผู้ที่อยู่ภายนอกคุกได้เช่นกัน"