ประชาไท - 10 ส.ค. 48 นายวินัย เสนเนียม ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ จังหวัดสงขลา ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการติดตามผลการปฏิบัติตามมติของสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ให้สัมภาษณ์หลังเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับแนวทางการแก้ปัญหาวิกฤตน้ำภาคตะวันออก เข้าชี้แจงต่อที่ประชุม กมธ. ว่า ในวันพุธที่ 17 ส.ค. นี้ ทาง กมธ. จะลงพื้นที่ภาคตะวันออกเพื่อตรวจสอบข้อเท็จ จริงเกี่ยวกับวิกฤตน้ำภาคตะวันออก
นายวินัย กล่าวว่า ที่ประชุม กมธ.ติดตามผลฯ ส.ส. มีความกังวลเรื่องแนวทางการแก้ไขปัญหาวิกฤตน้ำภาคตะวันออก โดยเฉพาะที่บริษัทอีสวอเตอร์ต้องจ่ายน้ำให้ภาคอุตสาหกรรมวันละ 500,000 ลบ.ม. และสภาการอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เป็นห่วงว่าปริมาณน้ำที่มีอยู่จะสามารถใช้ได้ถึงแค่เดือนกันยายน หากมาตรการแก้ไขปัญหาระยะสั้น (สูบน้ำจากแม่น้ำระยอง, ผันน้ำจากคลองน้ำหู, ขุดเจาะบ่อบาดาล, สูบน้ำเพิ่มจากอ่างเก็บน้ำบางพระ, และปฏิบัติการฝนหลวง) ไม่มีผลทางปฏิบัติ
ทาง กมธ. ได้หารือกันเบื้องต้นในที่ประชุม และมีข้อสรุปว่า รัฐบาลควรแก้ไขปัญหาวิกฤตน้ำในระยะสั้นด้วยการวางท่อผันน้ำโดยด่วน แต่ทั้งนี้ต้องไม่ส่งผลกระทบกับคนในพื้นที่ โดยให้คำนึงถึงการมีส่วนร่วมของประชาชน ตามรัฐธรรมนูญ มาตราที่ 40 ในการที่ให้ประชาชนมีส่วนร่วมบริหารดูแลทรัพยากร ธรรมชาติ
ประเด็นที่สอง รัฐบาลควรเร่งจัดทำแผนการใช้น้ำทั่วประเทศให้เป็นระบบ เพื่อป้องกันสงครามการแย่งชิงน้ำที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต พร้อมทั้งควรสร้างระบบเตือนภัยในการใช้น้ำ
ประเด็นที่สาม ทาง กมธ. ติดตามผลฯ ส.ส. จะเชิญผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ร่วมจัดทำร่างพระราชบัญญัติน้ำ เพื่อเสนอเป็นกฎหมาย ต่อไป นายวินัย กล่าว
ทั้งนี้ผู้เข้าร่วมชี้แจง แนวทางการแก้ไขปัญหาวิกฤตน้ำภาคตะวันออก ต่อ กมธ. ติดตามผลฯ ส.ส. ในวันนี้ประกอบไปด้วย ตัวแทนจากคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติ หรือสภาพัฒน์, ตัวแทนจากกรมชลประทาน, ตัวแทนจากกรมทรัพยากรน้ำ, ตัวแทนจากการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย, ตัวแทนจากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย, ตัวแทนจากบริษัทจัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรืออีสวอเตอร์ และตัวแทนชาวบ้านจังหวัดระยอง
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)