Skip to main content
sharethis

 








เมื่อเวลา 10.30 . วันที่ 15 สิงหาคม 2548 ที่ห้องพิจารณาคดี 304 ศาลจังหวัดสงขลา นายประเสริฐ กาญจนะ ผู้พิพากษาศาลังหวัดสงขลา ขึ้นนั่งบัลลังค์พิจารณาคดีไต่สวนชันสูตรพลิกศพผู้เสียชีวิต 19 ศพ จากเหตุการณ์ปะทะกันเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2547 บริเวณหน่วยบริการประชาชนตลาดสะบ้าย้อย และร้านอาหารสวยนะ อำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา

 


พนักงานอัยการจังหวัดสงขลาได้เบิกตัวพยานปากที่ 3 คือนายมนัส หรือบ่าว ไพรพฤกษ์ ลูกจ้างทำอาหารของร้านอาหารสวยนะ มีทนายความฝ่ายผู้เสียชีวิตเข้าร่วมซักค้าน 5 คน โดยไม่มีญาติผู้เสียชีวิตมารับฟังการพิจารณาคดี


 


นายมนัส ให้การต่อศาลว่า ในวันเกิดเหตุตนนอนพักอยู่ที่ห้องพักพนักงานภายในร้านอาหารสวยนะ ทางด้านทิศเหนือ พร้อมกับลูก 4 คน หลังจากตื่นนอนเวลาประมาณ 05.30. เพื่อเตรียมทำอาหารภายในครัวของร้านได้ประมาณ 10 - 15 นาที ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 2 นัดในระยะห่างกันเล็กน้อย จากทางด้านหน่วยบริการประชาชน ซึ่งอยู่ทางด้านทิศตะวันตกของร้าน ถึงแม้จะตกใจ แต่ด้วยความเป็นห่วงนายอำพัน ไพรพฤกษ์ พี่ชาย ซึ่งจะตื่นขึ้นมาทำความสะอาดร้านในเวลาดังกล่าวเป็นประจำทุกวัน จึงรีบวิ่งไปเปิดประตูทางเข้าภายในร้าน พบพี่ชายยืนอยู่หน้าห้องน้ำในร้าน จึงเรียกให้เข้ามาในห้อง และเห็นนางสมจิตต์ พูลสวัสดิ์ นักร้องประจำร้านวิ่งอยู่ในร้าน จึงเรียกให้มาที่ตนด้วย


 


นายมนัส ให้การต่อว่า ระหว่างที่เปิดประตูตนเห็นชายอายุประมาณ 30 - 40 ปี จำนวน 10 - 15  คน กำลังวิ่งสวนไปสวนมาภายในห้องโถงของร้าน เกือบทั้งหมดถือมีดยาวประมาณ 1 ศอก ทั้งหมดสวมชุดดะวะห์ เสื้อแขนยาว ชายเสื้อยาวต่ำกว่าหัวเข่า โพกศรีษะด้วยผ้าตาหมากรุกสีแดงและสีเขียว สวมกางเกงขายาว เกือบทั้งหมดสะพายเป้ แต่ด้วยความตกใจ จึงไม่ได้สังเกตว่า ผู้ชายกลุ่มดังกล่าวถือปืนหรือระเบิดมือแบบขว้างมาด้วยหรือไม่


 


นายมนัส ให้การอีกว่า หลังจากนางสมจิตต์เข้าในห้อง ตนรีบปิดประตูหลบอยู่ในห้องพัก จากนั้นได้ยินเสียงตะโกนดังมาจากนอกร้าน บริเวณถนนชาญนุเคราะห์ทางด้านทิศใต้ว่า นี่ตำรวจขอให้ออกมามอบตัว จากนั้นก็ได้ยินเสียงตะโกนเป็นภาษายาวีดังมาจากในร้านว่า "มาตี มาตี" ซึ่งตนไม่ทราบว่าหมายถึงอะไร ตามด้วยเสียงตะโกนเป็นภาษาไทยว่า "สู้ตายๆ" หลายครั้ง จากนั้นจึงได้ยินเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด ทั้งจากด้านในและนอกร้าน สลับกับเสียงตะโกนให้มอบตัว นอกจากนี้ ยังได้ยินเสียงกระจกแตก แต่ไม่ได้ยินเสียงระเบิด


 


นายมนัส ให้การด้วยว่า กลุ่มคนดังกล่าวที่วิ่งไปมาอยู่ในร้าน หากจะหลบหนีไปทางหลังร้านทางด้านทิศเหนือ ก็สามารถหนีไปได้ เพราะรั้วหลังร้านเป็นสังกะสีไม่มั่นคง แต่รั้วไม่มีรอยถูกโยกหรือทำลาย ตนไม่เห็นว่ากลุ่มคนดังกล่าว ทำร้ายคนที่อยู่ในร้าน หรือทำลายทรัพย์สินของร้าน


 


นายมนัส ให้การต่อไปว่า เสียงปืนดังอยู่หลายระลอก แต่จำไม่ได้ว่ากี่ระลอกและเป็นปืนชนิดใด จนกระทั่งเวลา เวลาประมาณ 08.30. เสียงปืนจึงสงบ จากนั้น มีตำรวจ 2 นาย มาเรียกให้ออกจากห้องพัก และนำตนและคนอื่นๆ ออกทางประตูด้านทิศตะวันออก ไม่ได้เข้าไปในร้าน จึงไม่เห็นสภาพในร้าน ตำรวจนำตนไปที่สหกรณ์การเกษตรสะบ้าย้อย ถนนไทยสมบูรณ์ โดยแจ้งว่าเพื่อความปลอดภัย


 


นายมนัส ให้การอีกว่า ตนและลูกๆ อยู่ที่สหกรณ์ฯ ประมาณ 1  ชั่วโมง จึงเห็นชาวบ้านออกมาดูเหตุการณ์ ตนจึงออกจากสหกรณ์ฯ ไปอยู่ที่บ้านพักครูเทศบาล เป็นบ้านพักของนายบุญเลิศ ภักดีรุจิรัตน์ อยู่ตรงสามแยกตัดกับถนนชาญนุเคราะห์ เยื้องกับร้านอาหารสวยนะ สำหรับร้านอาหารสวยนะมีการกั้นเชือก ห้ามมิให้ประชาชนเข้าไปในร้าน ตนอยู่ที่นั่นจนกระทั่งเวลา 16.30.เศษ โดยไม่ได้ไปไหน เนื่องจากต้องดูแลลูก จึงไม่เห็นเหตุการณ์ขณะที่มีการชันสูตรพลิกศพ และไม่ทราบจุดที่มีการยิงกันภายในร้าน


 


นายมนัส ให้การด้วยว่า จากนั้น ตำรวจจึงให้เข้าไปในร้านได้ ตนจึงนำลูกเข้าห้องพัก ซึ่งระหว่างเข้าไปในร้าน พบว่าภายในร้าน มีการทำความสะอาด และมีการล้างคราบเลือดออกหมดแล้ว โดยพนักงานเทศบาลตำบลสะบ้าย้อย ตนทราบภายหลังว่า มีคนตายภายในร้าน 15 คน และทราบว่าบริเวณบ้านพักครู ใกล้บ้านพักนายบุญเลิศ มีคนตายอีก 2 ศพ แต่ตนไม่ได้เข้าไปดู


 


นายมนัส ให้การอีกว่า ตนถูกเชิญให้ไปให้การต่อพนักงานสอบสวนหลังวันเกิดเหตุ 1 สัปดาห์ ทั้งนี้ ตนไม่เห็นผู้ใดถือระเบิดขว้าง ใช้มีดสปาต้าและอาวุธปืนบุกจูโจมป้อมตำรวจ ตามที่ให้การต่อพนักงานสอบสวนในชั้นสอบสวน


 


นายมนัส ให้การต่อศาลว่า ตนทราบว่ามีตำรวจจากสถานีตำรวจภูธรอำเภอสะบ้าย้อย เข้ามาฟังการพิจารณาคดีด้วย โดยตนเป็นผู้ขอร้องให้ตำรวจเป็นผู้นำตนมาที่ศาลจังหวัดสงขลา เนื่องจากตนไม่มีรถ และไม่สะดวกหากต้องเดินทางมาด้วยรถโดยสาร และไม่มีใครมาข่มขู่ตนห้ามไม่ให้มาเป็นพยานในคดีนี้ และไม่เคยขอให้ตำรวจช่วยคุ้มครองความปลอดภัยให้ด้วย


 


การพิจารณาคดีสิ้นสุดเวลา 17.10. โดยนัดไต่สวนพยานครั้งต่อไป เวลา 09.00 . วันที่ 29 สิงหาคม 2548


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net