หลังจากที่เกิดปัญหาน้ำท่วมเมืองเชียงใหม่ครั้งใหญ่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มีไอเดียขึ้นมาหลายโครงการ โดยเฉพาะการสั่งรื้อฝายหินทิ้ง เพื่อสร้างฝายยางแทน รวมไปถึงการผุดโครงการสร้างกำแพงกั้นน้ำสองฝั่งแม่น้ำปิงเพื่อป้องกันน้ำท่วม ซึ่งทำให้เกิดกระแสคัดค้านกันขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง
ล่าสุด ผศ.ดร.วสันต์ จอมภักดี อาจารย์ประจำคณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และประธานคณะกรรมการประสานงานอนุรักษ์แม่ปิงและสิ่งแวดล้อม(คอปส.) ซึ่งเป็นผู้ที่ทำการศึกษาในเรื่องแม่น้ำปิงมานานกว่า 10 ปี ได้ออกยืนยันว่า การสร้างกำแพงกั้นฝั่งแม่น้ำปิง ไม่สามารถแก้ปัญหาน้ำท่วมได้ เนื่องจากเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ
"มีบทเรียนตัวอย่างจากหลายๆ ประเทศที่เคยสร้างกำแพงกั้นขึ้นมาจนเกิดปัญหาผลกระทบ จนต้องรื้อทิ้ง เพราะว่า โครงการสร้างเขื่อนกั้นริมตลิ่งให้สูงขึ้นนั้น จะทำให้แม่น้ำก็จะกลายเป็นคลองแคบๆ ลำน้ำแคบๆ มีกำแพงสูงๆ สองข้าง ซึ่งต่อไปจะไม่เป็นแม่น้ำ แต่จะเรียกว่า รางน้ำ และจะกลายเป็นสิ่งอัปลักษณ์ในแม่น้ำคู่เมืองเชียงใหม่ไปตลอด" ผศ.ดร.วสันต์ กล่าว
ผศ.ดร.วสันต์ ได้เสนอทางออกเอาไว้ว่า ยังมีอีกหลายวิธีที่สามารถแก้ไขปัญหาได้ เช่น การสร้างแหล่งกักเก็บน้ำเป็นระยะๆ หรือการฟื้นฟูพื้นที่ชุ่มน้ำกักเก็บน้ำ หรือการที่จะสร้างกำแพงกั้นน้ำต้องสำรวจว่าพื้นที่แม่น้ำดั้งเดิมจริงๆ อยู่ที่ไหน เพราะบางครั้งการเกิดอุทกภัยไม่ได้เกิดจากน้ำล้นน้ำตลิ่ง แต่เกิดจากน้ำระบายลงไม่ทัน อย่างเช่นน้ำท่วมเชิงดอยสุเทพทั้งที่อยู่บนที่สูง ขณะเดียวกันน้ำในแม่น้ำปิงยังแห้งอยู่ แต่น้ำท่วมที่สูงซึ่งเกิดจากน้ำระบายลงไม่ได้ กำแพงที่จะสร้างมันจะนำมาซึ่งจะทำให้กั้นแม่น้ำลงสู่แม่น้ำปิงหรือไม่ในอนาคต
"นี่เป็นคำถามที่รัฐบาลจะตอบให้ได้ เพราะมันไม่ได้จบแค่การสร้างกำแพง ดังนั้น การจะสร้างอะไร ต้องมองให้เห็นภาพที่ชัดเจนก่อนที่จะสร้าง แล้วใครเป็นผู้ได้ผลประโยชน์ไม่ใช่ว่าจะลงทุนไปก่อนเท่านี้ แต่ผลที่ออกมายังทำอะไรไม่ได้ มีน้ำท่วมขังเหมือนเดิม ต้องมีการสร้างขึ้นใหม่อีก ในที่สุด ก็ต้องจ่ายแพงแต่ชาวบ้านเดือดร้อนเหมือนเดิม ตนไม่ได้ขวาง คือบางครั้งจำต้องใช้สิ่งก่อสร้าง แต่ไม่อยากให้มีสิ่งก่อสร้างเกิดขึ้นโดยที่ไม่มีความชัดเจน ขาดความรอบคอบและก่อให้เกิดผลเสียหายผลกระทบ มันก็จะมีสิ่งอัปลักษณ์อยู่ริมแม่น้ำ" ผศ.ดร.วสันต์ กล่าว
ทั้งนี้ ผศ.ดร.วสันต์ ยังได้ยกตัวอย่างการดูแลรักษาแม่น้ำในต่างประเทศที่ได้มีโอกาสไปศึกษาดูงาน เช่น แม่น้ำนูกิ(Nuki river) แม่น้ำฮาโตะ (Hattoh river) ประเทศญี่ปุ่น ว่า ก่อนนั้นได้มีการสร้างพนังคอนกรีตป้องกันตลิ่งไว้ทั้งสองฝั่ง ลำน้ำถูกขุดแต่งให้ตรง และขุดลอกเอาทราย กรวดหินออกไปจากท้องน้ำทั้งหมด ต่อมาจึงรู้ว่าได้รับผลกระทบเป็นอย่างมาก จึงได้หวนกลับมาปรับปรุงฟื้นฟูสภาพลำน้ำ โดยได้มีการรื้อพนังคอนกรีตออก และมีการปลูกพืชริมน้ำได้และลำน้ำได้ถูกปรับแต่งให้กลับไปมีความคดเคี้ยวตามธรรมชาติเหมือนเดิม
ซึ่งหลังการปรับปรุงผ่านไป 2 ปี มีพืชพรรณไม้ริมน้ำประจำถิ่นเกิดขึ้น มีการนำก้อนหินมาใส่ไว้ในลำน้ำตามเดิม เพื่อชะลอและควบคุมอัตราการไหลของน้ำ ทำให้เกิดแอ่งลึกและแอ่งตื้นตามสภาพธรรมชาติ ซึ่งนับเป็นการปรับปรุงฟื้นฟูคุณภาพน้ำ โดยวิธีธรรมชาติที่เหมาะสมและประหยัดอย่างยิ่ง ทั้งเป็นการฟื้นฟูความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศน์และความหลากหลายทางชีวภาพให้แก่แม่น้ำ
รวมทั้ง แม่น้ำสเจอร์น (Skjern river) ประเทศเดนมาร์ก ซึ่งในปี พ.ศ.2503 ได้มีการขุดเปลี่ยนสภาพลำน้ำให้เป็นแนวตรง มีการทำพนังและดาดด้วยคอนกรีตทั้งสองข้าง เพื่อให้สามารถระบายน้ำได้อย่างรวดเร็ว แต่จากการศึกษาวิจัยติดตามผลกระทบอย่างต่อเนื่อง พบว่า โครงการดังกล่าว ได้ก่อให้เกิดความเสียหายต่อระบบนิเวศน์เดิมของแม่น้ำอย่างรุนแรง สัตว์น้ำ สัตว์บก นกและแมลงหลายชนิด ได้สูญหายไปจากแม่น้ำและพื้นที่ลุ่มน้ำ บริเวณพื้นที่เกษตรกรรมทั้งสองฝั่งแม่น้ำ กลายเป็นพื้นที่แห้งแล้งมากขึ้น และมีระดับน้ำใต้ดินลดต่ำลงกว่าเดิมอย่างมาก
ทว่าปัจจุบัน รัฐบาลเดนมาร์ก ได้ล้มโครงการขุดเปลี่ยน สร้างพนังกั้นริมตลิ่ง และได้ลงทุนรื้อแนวลำน้ำที่ตรงและดาดคอนกรีตออกทั้งหมด และมีการขุดปรับแต่งแม่น้ำให้มีความคดเคี้ยวเหมือนเดิม รวมทั้งได้มีการขุดหนอง บึง เพื่อทำเป็นพื้นที่ชุมน้ำ มีการกำหนดให้มีบริเวณพื้นที่น้ำท่วมถึงได้ตามฤดูกาล และมีการฟื้นฟูถิ่นอาศัยให้แก่ปลาและสัตว์น้ำต่างๆ ตลอดจนพืชพรรณไม้ริมน้ำนานาชนิด เพื่อฟื้นฟูความอุดมสมบูรณ์ระบบนิเวศธรรมชาติของแม่น้ำให้กลับคืนมาเหมือนเดิม
นอกจากนั้น รัฐบาลเดนมาร์ก ยังได้ออกกฎหมายให้กับพื้นที่เป็นเขตไหล่แม่น้ำไว้ข้างละไม่ต่ำกว่า 2 เมตร มีการห้ามไม่ให้ทำการบุกรุกในพื้นที่ดังกล่าวตลอดลำน้ำ จัดให้มีหน่วยงานท้องถิ่นที่ทำการดูแลรักษาลำน้ำและชายตลิ่งอย่างต่อเนื่อง พร้อมกำหนดวิธีการบำรุงรักษาอย่างเหมาะสมไว้ให้ปฏิบัติอีกด้วย
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)