รัฐบาลปากีสถานเร่งขึ้นทะเบียนโรงเรียนสอนศาสนา หรือมาดราสซา เพื่อเป็นมาตรการหนึ่งในการป้องกันไม่ให้โรงเรียนสอนศาสนาเหล่านี้ กลายเป็นแหล่งบ่มเพาะแนวคิดสุดโต่ง อีกด้านหนึ่ง ก็ออกมาตรการควบคุมนักเรียนต่างชาติที่ไปเรียนอยู่ในมาดราสซาของปากีสถานด้วย

 หลังจากที่ปากีสถานโดนเพ่งเล็งว่า เป็นแหล่งซ่องสุมของกลุ่มที่นิยมความรุนแรง สืบเนื่องจากการก่อเหตุวินาศกรรมในกรุงลอนดอน เมื่อเดือนกรกฎาคม 2548 ผู้ก่อการส่วนใหญ่ ผ่านการเล่าเรียนจากมาดราสซา ในปากีสถาน

คุณพิษณุ จันทร์วิทัน เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงอิสลามาบัดบอกกับบีบีซีว่า เพิ่งได้รับเอกสารแจ้งจากทางการปากีสถานว่า จะไม่ออกวีซ่าให้นักศึกษาต่างชาติที่ต้องการเข้ามาเรียนในปากีสถานอีก แต่ก็ยังไม่ได้พูดถึงนักศึกษาที่เรียนอยู่ในปัจจุบัน ดังนั้น ทางสถานทูตจึงแจ้งให้นักศึกษาปัจจุบันที่มีอยู่สองร้อยกว่าคนทราบว่า ตอนนี้ไม่ควรเดินทางกลับไทย เพราะหากวีซ่าหมดจะไม่ได้กลับเข้ามาอีก

ส่วนกำหนดเวลาที่ว่า จะไม่ออกวีซ่าให้นักศึกษาใหม่จะสิ้นสุดเมื่อไหร่ ทางการปากีสถานไม่ได้ระบุ สำหรับนักศึกษาปัจจุบันที่เรียนอยู่ ตอนนี้ยังไม่มีใครเดือดร้อน

สำหรับมาตรการดังกล่าว สืบเนื่องมาจากรัฐบาลปากีสถานต้องการกำจัดโรงเรียนสอนศาสนา ที่มีความสัมพันธ์กับกลุ่มติดอาวุธหัวรุนแรง

ทว่า กลุ่มโรงเรียนสอนศาสนาหรือมาดราสซาในปากีสถาน ยังปฏิเสธไม่ยอมขึ้นทะเบียนตามคำสั่งของรัฐบาล ขณะที่รัฐบาลบอกว่า จะไม่ยอมอ่อนข้อให้มาดราสซาที่สนับสนุนความรุนแรง หรือสั่งสอนให้เกิดความเกลียดชังทางศาสนา

รัฐบาลกำหนดให้โรงเรียนสอนศาสนากว่า 12,000 แห่ง ขึ้นทะเบียนกับทางการตั้งแต่วันพุธที่ 24 สิงหา คม 2548

ขณะนี้มีความวิตกทั้งในและนอกปากีสถานว่า โรงเรียนสอนศาสนาบางแห่งมีสัมพันธ์ใกล้ชิดกับกลุ่มทะเลบันหรือกลุ่มนักรบมุสลิมอื่นๆ แม้ว่าส่วนใหญ่จะไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับกลุ่มติดอาวุธ

ในชั้นแรก องค์กรที่เกี่ยวข้องกับมาดราสซาหลายแห่งบอกว่า จะร่วมมือกับทางการ แต่ตอนนี้บอกว่า จะคัดค้านโครงการนี้ จนกว่ารัฐบาลตัดถ้อยคำที่พวกตนไม่เห็นด้วยออกไปจากแบบฟอร์มการขึ้นทะเบียน

โฆษกกลุ่มคัดค้านบอกว่า องค์กรโรงเรียนสอนศาสนาอิสลามไม่พร้อมที่จะเปิดเผยแหล่งที่มาของเงินสนับสนุนที่ได้รับ เพราะเกรงว่ารัฐบาลจะเอาข้อมูลไปทำให้เกิดผลเสียกับผู้บริจาคในนามส่วนตัว

กลุ่มมาดราสซายังเรียกร้องให้รัฐบาลระบุให้ชัดว่า คำว่า "แบ่งแยก" หรือ "เกลียดชัง" หมายถึงอะไร

ที่มา : http://www.bbc.co.uk/thai/news/story/2005/08/050826_2330g260805tx.shtml และ http://www.bbc.co.uk/thai/news/story/2005/08/050825_2330g240805tx.shtml