ประชาไท- ในการพบปะกันเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ( 29 ส.ค.) ระหว่างแอนเน็ต ลู่ รองประธานาธิบดีไต้หวันกับพิมพา จันทร์ประสงค์ ประธานคณะกรรมาธิการแรงงานจากรัฐสภาไทย ฝ่ายไต้หวันยืนยันว่าจะดำเนิน การกรณีการก่อจลาจลของแรงงานไทยในเกาสงให้ดำเนินการไปตามกฎหมายไต้หวัน ปฏิเสธคำร้องขอการลดหย่อนโทษให้ผู้ก่อการจลาจลชาวไทย ในขณะที่ฝ่ายได้ได้เรียกร้องว่า แรงงานไทยควรจะได้รับการปฏิบัติที่ดีกว่านี้
แอนแน็ต ลูกล่าวเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่าปัญหาแรงงานไทยในเกาสงนั้นจะต้องดำเนินการไปตามกฎหมาย และได้ปฏิเสธคำขอร้องจากฝ่ายกฎหมายของไทยที่จะให้ผ่อนผันโทษให้กับผู้ก่อการจลาจล อย่างไรก็ตาม ทางด้านประธานคณะกรรมการที่ปรึกษาด้านสิทธิมนุษยชนก็จะได้หาทนายอาสาเข้ามาช่วยดูแลให้กับคนงานไทยที่จะถูกดำเนินคดี
ทางด้านพิมพา จันทร์ประสงค์ ประธานคณะกรรมาธิการแรงงานรัฐสภา ได้บอกกับรองประธานาธิบดีว่า คนงานไทยในไต้หวันควรได้รับการคุ้มครองและการดูแลที่ดีกว่านี้ไม่สมควรที่จะถูกแสวงประโยชน์เช่นนี้
" เราหวังว่าคนงานไทยจะได้รับความคุ้มครองในด้านสิทธิมนุษยชน และค่าจ้างที่เป็นธรรม และในกรณีของการจลาจลที่เกิดขึ้นเมื่อเร็วๆนี้ เราหวังว่าหากมีแรงงานไทยคนใดถูกสอบสวนก้ควรจะมีตัวแทนจากประเทศไทยอยู่ร่วม ณ.ที่นั้นด้วย" พิมพากล่าว
คณะผู้แทนไทยได้เน้นว่า ประเทศไทยซึ่งหนึ่งในสมาชิกองค์การสหประชาชาติร่วมกับประเทศอื่นๆในโลกจะจับตามองเพื่อให้มั่นใจว่าไต้หวันได้ปฏิบัติต่อกรณีดังกล่าวตามสนธิสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิแรงงาน ทั้งยังกล่าวด้วยว่า ไต้หวัน ในฐานะประเทศประชาธิปไตยไม่ควรปล่อยให้การจัดการของบริษัทเข้ามาข่มขวัญและลิดรอนสิทธิของคนงานต่างชาติ
คณะผู้แทนไทยกล่าวอีกว่าผู้จัดการบางคนได้ทำร้ายแรงงานไทยด้วยการช็อตไฟฟ้าและเตือนพวกเขาไม่ร้องเรียนไปยังรัฐบาลไทย
ลู่ บอกกับตัวแทนจากประเทศไทยว่า ไต้หวันเป้นประเทศที่ปกครองด้วยกฎหมายและจะสืบสวนคดีการก่อการจลาจลนี้ให้เป็นไปตามกฎหมาย และยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า ทางคณะกรรมการที่ปรึกษาด้านสิทธิมนุษยชนจะตั้งคณะทำงานพิเศษเพื่อตรวจสอบนโยบายปรงงานของไต้หวันเพื่อให้แน่ใจว่าสิทธิแรงงานต่างชาติ รวมทั้งสนธิสัญญาระหว่างประเทศอื่นที่มีประเด็นเกี่ยวข้องกันนี้จะได้รับการเคารพ
ทั้งนี้ คณะทำงานจะได้เข้าไปตามหน่วยงานภาครัฐต่างๆที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ ซึ่งได้แก่ สภากิจการแรงงาน และกระทรวงยุติธรรม รวมทั้งบริษัทเอกชนต่างๆที่ว่าจ้างแรงงานต่างชาติ ลู่กล่าว พร้อมกับเพิ่มเติมว่า ทั้งนี้ เรื่องล่ามที่มีคุณสมบัติเพียงพอก็เป็นอีกหนึ่งอย่างที่จำเป็น
ลู่ยังกล่าวด้วยว่าความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศไม่ควรถูกทำลายลงจากการจลาจลในครั้งนี้เพราะว่ารัฐบาลจะทำอย่างดีที่สุดในการสืบสวนคดี และบอกว่า ตอนนี้ถึงเวลาที่ทั้งสองฝ่ายจะต้องนั่งทำงานด้วยกันเพื่อให้แน่ใจว่าสิทธิมนุษยชนแรงงานไทยได้รับการปฏิบัติ รวมทั้งจะต้องมีการสืบสวนว่ามีเจ้าหน้าที่ระดับสูงเข้าไปมีส่วนร่วมกับนายหน้าในการนำคนงานเข้ามาในไต้หวันด้วยหรือไม่
ที่มา:
http://www.taipeitimes.com/News/taiwan/archives/2005/08/30/2003269693