Skip to main content
sharethis








ประชาไท - "UNHCR" เข้ากลันตัน เปิดฉากสอบปากคำ 131 ชาวนราฯ ขอลี้ภัย OIC ได้ทีขอข้อมูลด้วย "เสือเหลือง" หาทางออกส่งศาลตัดสิน ปิดช่องหลายฝ่ายแทรกแซง 2 สถานีโทรทัศน์มาเลย์ แพร่ภาพอิหม่ามนราฯ อ้อนนายกฯบาดาวีขออพยพ แถมปล่อยเทปกรือเซะ - ตากใบต่ออีก 15 นาที ตอกย้ำสถานการณ์ชายแดนใต้รุนแรง ลือกระฉ่อนอพยพอีก 2 พัน 

 


 


UNHCRถึงกลันตัน


 


รายงานข่าวจากรัฐกลันตันแจ้งว่า เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2548 สำนักงานตำรวจแห่งชาติมาเลเซีย ได้มอบหมายให้ตำรวจสันติบาลจากกรุงกัวลาลัมเปอร์ นำเจ้าหน้าที่จากสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) 5 นาย เข้าซักถามชาวจังหวัดนราธิวาส 131 คน ที่เข้าไปขออพยพในมาเลเซีย ซึ่งถูกควบคุมตัวอยู่ที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองตาเนาะแมเราะ รัฐกลันตันแล้ว โดยทางองค์กรที่ประชุมกลุ่มประเทศมุสลิม (OIC) ได้ขอข้อมูลเกี่ยวกับกรณีนี้อีกทางหนึ่งด้วย


 


การสัมภาษณ์ดังกล่าว เป็นขั้นตอนสำคัญในการหาข้อสรุปว่า มุสลิมจากจังหวัดนราธิวาสกลุ่มนี้มีสถานภาพใด สหประชาชาติจะต้องเข้าไปคุ้มครองหรือไม่ หากผลสอบได้ข้อสรุปว่า สวัสดิภาพของชาวไทยมุสลิมกลุ่มนี้ถูกคุกคาม ทั้งหมดจะได้รับบัตรประจำตัวและการคุ้มครองจากสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ จนกว่าจะเดินทางกลับไทยได้ เพราะฉะนั้น ทางมาเลเซียจึงยังไม่สามารถส่งตัวชาวไทยทั้ง 131 คนกลับไทย จนกว่าจะเสร็จสิ้นกระบวนการของสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ


 


นายโวลเกอร์ เติร์ก ผู้แทนสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติประจำมาเลเซีย เปิดเผยว่า จะส่งเรื่องให้สำนักงานใหญ่ในนครเจนีวาพิจารณากรณีนายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย รองนายกรัฐมนตรีไทย ยืนยันว่าชาวนราธิวาสทั้ง 131 คนไม่ใช่ผู้ลี้ภัย จึงไม่ใช่กรณีที่สำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติควรจะเข้ามาเกี่ยวข้อง


 


ขณะเดียวกัน ทางมาเลเซียยังคงไม่ให้ญาติ และผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง รวมทั้งนักการเมืองจากจังหวัดนราธิวาส ที่ต้องการเข้าไปสอบถามข้อเท็จจริงถึงสาเหตุการขออพยพครั้งนี้ เข้าเยี่ยมผู้อพยพทั้ง 131 คน ขณะที่เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นของอำเภอตาเนาะแมเราะ รัฐกลันตัน เปิดเผยว่า ผู้ขออพยพทั้งหมดยืนยันว่า ถูกเจ้าหน้าที่รัฐไทยคุกคาม


 


ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงของมาเลเซีย ยังคงให้ความสนใจว่า ผู้ขออพยพถูกยุยงจากใครหรือไม่ เนื่องจากเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยยืนยันว่า มีแนวร่วมขบวนการก่อความไม่สงบปะปนมากับกลุ่มผู้ขออพยพ 3 คน ทั้ง 3 เป็นผู้ปลุกระดมยุยงให้กลุ่มผู้ขออพยพเกิดความหวาดกลัว จนต้องหลบหนีมายังมาเลเซีย


 


"เสือเหลือง"พบทางออกส่งขึ้นศาล


เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองรัฐกลันตัน เปิดเผยว่า ล่าสุดมีการประชุมร่วมกัน ระหว่างตำรวจ ซึ่งดูแลด้านความมั่นคง สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง และกระทรวงการต่างประเทศของมาเลเซีย มีความเห็นร่วมกันว่า จะส่งผู้ขออพยพทั้ง 131 คน ฟ้องศาลมาเลเซียในข้อหาหลบหนีเข้าเมือง เพื่อให้ศาลวินิจฉัยว่า จะส่งกลับไทย หรือจะลงโทษตามกฎหมายมาเลเซีย คือ จำคุก 4 เดือน เพื่อตัดปัญหาที่หลายฝ่ายเข้ามาแทรกแซงการตัดสินใจของรัฐบาลมาเลเซีย


 


ขณะเดียวกัน สถานีโทรทัศน์ช่อง 1 และช่อง 3 ของมาเลเซีย ที่รับชมได้ใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้นำคำสัมภาษณ์ของอิหม่ามผู้เป็นหัวหน้ากลุ่มผู้อพยพ ซึ่งกล่าวอ้อนวอนต่อดาโต๊ะ อับดุลลาห์ อาหมัด บาดาวี นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ให้รับพวกตนไว้ อย่าส่งกลับไทย เพราะพวกตนถูกกล่าวหาว่า เป็นแนวร่วมกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ หากถูกส่งกลับจะได้รับอันตราย


 


พร้อมกันนี้ สถานีโทรทัศน์ทั้ง 2 ช่องของมาเลเซีย ยังได้นำเสนอภาพเหตุการณ์ที่มัสยิดกรือเซะ และเหตุการณ์สลายการชุมนุมที่หน้าสถานีตำรวจภูธรอำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส ประมาณ 15 นาที เพื่อเชื่อมโยงให้เห็นเหตุการณ์ความรุนแรงในภาคใต้ของไทย ส่งผลให้ชาวมุสลิมในรัฐกลันตัน ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลท้องถิ่นรัฐกลันตันไม่ให้ส่งคนกลุ่มนี้กลับจังหวัดนราธิวาส และให้ความช่วยเหลือผู้ขออพยพทั้ง 131 คน เพื่อมนุษยธรรมด้วย


 


ชาวมุสลิมในรัฐกลันตัน ได้ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์ของมาเลเซียว่า จะให้ที่พักพิงและความช่วยเหลือชาวมุสลิมที่หลบหนีภัยจากไทยเพราะเป็นญาติกัน ขณะที่ผู้นำพรรคปาส ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านมาเลเซีย ในฐานะผู้บริหารรัฐกลันตั นประกาศให้ความช่วยเหลือกลุ่มผู้ขออพยพอย่างเต็มที่ โดยไม่สนใจคำสั่งรัฐบาลกลางมาเลเซีย ที่ห้ามไม่ให้รัฐบาลท้องถิ่นรัฐกลันตันยุ่งเกี่ยวกับปัญหานี้


 


ลือชาวนราฯเข้ามาเลย์อีก 2 พัน


 


วันเดียวกัน นายประชา เตรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ได้สั่งการให้นายอำเภอทุกอำเภอ ตรวจสอบข้อมูลและจำนวนผู้ลักลอบหลบหนีเข้าเมืองมาเลเซียที่แท้จริง ทั้งที่เข้าไปทำงานตามปกติ และหลบหนีเข้าไปเพราะเกรงจะได้รับอันตรายจากสถานการณ์ความไม่สงบ เนื่องจากมีข่าวว่า มีประชาชนจังหวัดนราธิวาส ลักลอบหลบหนีเข้ามาเลเซีย ทางด้านแม่น้ำสุไหงโก-ลก ในเขตท้องที่อำเภอสุคิรินจนถึงอำเภอสุไหงปาดี จังหวัดนราธิวาสแล้ว กว่า 2,000 คน


 


จากการสอบถามผู้หลบหนีเข้ามาเลเซียพบว่า สาเหตุมาจากได้รับแจ้งว่า ภายหลังจากรัฐบาลไทยประกาศใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน จะมีการตรวจค้นและจับกุมชาวมุสลิมท้องถิ่นครั้งใหญ่ ผู้ที่มีญาติหรือเพื่อนฝูงอยู่ในรัฐกลันตัน จึงหลบหนีออกจากพื้นที่เข้าไปยังมาเลเซีย


 


พ.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจที่ 36 จังหวัดนราธิวาส กล่าวว่า ที่ผ่านมาชาวบ้านตลอดแนวชายแดนไทย - มาเลเซีย ข้ามฝั่งไป - มาเป็นปกติ วันละกว่า 1,600 คน โดยมีการอะลุ้มอะล่วยไม่ต้องมีหนังสือเดินทาง รวมทั้งยังมีนักเรียนไทยข้ามไปเรียนหนังสือที่เมืองรันเตาปันยัง ประเทศมาเลเซีย จึงอาจเกิดจากความเข้าใจผิดว่า คนกลุ่มที่ข้ามฝั่งไป - มา เป็นปกติ หลบหนีเข้ามาเลเซีย


 


"ที่มีข่าวว่านักเรียนจากมาเลเซียกลัวเหตุการณ์ความไม่สงบ ไม่กล้าเข้ามาเรียนหนังสือฝั่งไทยนั้น จากการสังเกตพบว่า การจราจรบริเวณด่านพรมแดนยังคงเป็นปกติดี" พ.อ.ทรงวิทย์ กล่าว


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net