ประชาไท7 ก.ย. 48 ชาวแม่อายรอลุ้นคำตัดสินศาลปกครองสูงสุดคดีถอนสัญชาติ ขณะที่นักกฎหมาย ม.ธรรมศาสตร์ชี้ ไม่ว่าแพ้หรือชนะชาวแม่อายก็ยังมีหวัง เพียงต้องเดินให้ถูกช่องกฎหมาย
หลังจากกลุ่มนักวิชาการและคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ได้ลงพื้นที่เพื่อหาแนวทางช่วยเหลือชาวบ้านแม่อาย กรณีปัญหาชาวบ้านถูกถอนสัญชาติ เพื่อเตรียมคดีก่อนที่จะมีคำตัดสินชี้ขาดของศาลปกครองสูงสุด จ.เชียงใหม่ ในวันพรุ่งนี้ ได้ชี้แนะแนวทางเพื่อให้ชาวบ้านมีช่องทางกฎหมายต่อสู้ต่อไป
ทั้งนี้ รศ.ดร.พันธุ์ทิพย์ กาญจนะจิตรา สายสุนทร อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ กล่าวถึงความจำเป็นที่จะต้องมีการเตรียมความพร้อมในเรื่องคดีกับชาวบ้านแม่อายดังกล่าวว่า เนื่องจากในวันพรุ่งนี้จะมีได้เพียง 2 ทางออกเท่านั้นแพ้กับชนะ
อย่างไรก็ตาม การเตรียมคดีสำหรับการดำเนินการขั้นต่อไปของชาวบ้านจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องอาศัยขั้น ตอนกระบวนการตามกฎหมาย โดยเฉพาะหากชาวบ้านถูกตัดสินให้แพ้คดีขึ้นมา ทั้งนี้กฎหมายที่เกี่ยว ข้องโดยตรงคือ พ.ร.บ.สัญชาติ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2535 ซึ่งบัญญัติไว้ดังนี้
พ.ร.บ.สัญชาติ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2535
หมวด 1 การได้สัญชาติไทย ในมาตรา 7 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติสัญชาติ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2535
มาตรา 7 ทวิ ผู้เกิดในราชอาณาจักรไทยโดยบิดาและมารดาเป็นคนต่างด้าว ย่อมไม่ได้รับสัญชาติไทย ถ้าในขณะที่เกิดบิดาตามกฎหมายหรือบิดาซึ่งมิได้มีการสมรสกับมารดาหรือมารดาของผู้นั้นเป็น
(1) ผู้ที่ได้รับการผ่อนผันให้พักอาศัยอยู่ในราชอาณาจักรไทยเป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย
(2) ผู้ที่ได้รับอนุญาตให้เข้าอยู่ในราชอาณาจักรไทยเพียงชั่วคราว หรือ
(3) ผู้ที่เข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย ว่าด้วยคนเข้าเมือง
ในกรณีที่เห็นสมควรรัฐมนตรีจะพิจารณาและสั่งเฉพาะรายให้บุคคลตาม วรรคหนึ่งได้สัญชาติไทยก็ได้ ตามหลักเกณฑ์ที่คณะรัฐมนตรีกำหนด
ให้ถือว่าผู้เกิดในราชอาณาจักรไทยซึ่งไม่ได้สัญชาติไทยตามวรรคหนึ่ง เป็นผู้ที่เข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง เว้นแต่จะมีการสั่งเป็นอย่างอื่นตามกฎหมายว่าด้วยการนั้น
เดินหน้าต่อแม้ชนะคดี
ทั้งนี้ รศ.ดร.พันธุ์ทิพย์ กล่าวว่า "สมมติว่าหากชาวบ้านชนะคดีก็อาจจะไม่ชนะทั้งหมด เพราะผู้ที่ยื่นฟ้องต่อศาลปกครองมีโจทย์เพียง 800 กว่าคนเท่านั้น ในขณะที่มีคนถูกถอนสัญชาติทั้งสิ้น 1,243 คน แต่ถ้าศาลเขียนเพิกถอนคำสั่งทั้งหมดก็จะเป็นผลดีต่อชาวบ้านทั้งหมด" รศ.ดร.พันธุ์ทิพย์ กล่าว
สำหรับอีก 400 กว่าคนที่ไม่ได้ลงชื่อเป็นโจทย์ฟ้องคดีกรมการปกครองนั้น รศ.ดร.พันธุ์ทิพย์ มองว่าจะไม่ปล่อยให้ชาวบ้านต้องเผชิญชะตากรรมเอง คงจะต้องมีการล่าลายเซ็นทั้งหมด โดยจะต้องเพิ่มชื่อชาวบ้านเหล่านี้เข้าไปด้วย และจะต้องเตรียมคำฟ้องไว้ในส่วนนี้ด้วยเพื่อให้ชาวบ้านทุกคนได้กลับสู่สถานะเดิม
อย่างก็ตาม ถ้าหาก 800 กว่าคน ชนะคดีในวันพรุ่งนี้ การดำเนินการขั้นต่อไปก็คือจะต้องทำบัตรประชาชนใหม่ ทำทะเบียนราษฎรใหม่ เพราะตอนนี้ถูกพวกเขาได้ถูกถอนรายชื่อไปอยู่ในทะเบียน ทร.13 จึงต้องทำใหม่เป็นแบบ ทร.14 ตามเดิม หลังจากที่พวกเขาถูกถอนชื่อไปเมื่อปี 2542 โดยจะเวลาในการทำทะเบียนใหม่ประมาณ 1-2 เดือน แต่ถ้าไม่มีการเตรียมคดีให้รอบคอบรัดกุมก็อาจจะต้องใช้เวลานับปีเลยทีเดียว
แพ้คดี ก็ยังมีหวัง
สำหรับหากผลตัดสินวันพรุ่งนี้ หากปรากฏว่าชาวบ้านเป็นฝ่ายแพ้คดี ชาวบ้านก็จะยังคงมีชื่อในทร.13 คือเป็นคนต่างด้าวเข้าประเทศโดยผิดกฎหมายทั้งหมด จึงจะต้องดำเนินการฟ้องคดีทะเบียนสัญชาติเป็นแบบเฉพาะกรณีต่อไป ซึ่งก็ต้องเตรียมคดีตรงส่วนนี้ไว้ให้พร้อมด้วย
อย่างไรก็ดี รศ.ดร.พันธุ์ทิพย์ เห็นว่าหากพรุ่งนี้ชาวบ้านแพ้คดี อย่างแรกชาวบ้านก็จะเสียใจและต้องเตรียมต่อสู้คดีกันใหม่ ซึ่งชาวบ้านบางคนเขียนภาษาไทยยังไม่เป็นก็ต้องเตรียมนักกฎหมายเข้าไปช่วย อีกประการหนึ่งสำหรับชาวบ้านบางคนที่เกิดในประเทศไทย พ่อและแม่เกิดที่ประเทศไทย ก็สามารถเพิ่มชื่อลงรายการได้ตามขั้นตอน แต่ยังมีชาวบ้านบางส่วนที่ไม่ได้เกิดในประเทศไทยปะปนอยู่ด้วยเหมือนกัน
กล่าวโดยสรุปก็คือ ต้องสำรวจว่าชาวบ้านมีสัญชาติไทยหรือไม่ ถ้าพบว่ามีสัญชาติไทยก็ต้องเขียนคำฟ้องขอพิสูจน์สัญชาติไทยตามกฎหมายต่อไป แต่ถ้าไม่อยู่ในเกณฑ์ คือไม่มีสัญชาติไทย ก็ต้องร้องขอสัญชาติไทยตามมาตรา 7 ทวิ วรรคสอง ของพ.ร.บ.สัญชาติ กันต่อไป
นั่นหมายความว่า หากชาวบ้านแพ้คดี ก็ต้องฟ้องให้ศาลเชื่อว่าเป็นคนไทยต่อไปอีกยกหนึ่ง
อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มธ. กล่าวต่อไปว่า "เราฟ้องให้ทุกคนไม่ได้ เพราะถ้าพิสูจน์แล้วปรากฏว่าบางคนไม่ได้เกิดในประเทศไทยก็ต้องรับใบต่างด้าวเพื่อไปแปลงสัญชาติในภายหลัง ซึ่งชาวแม่อายก็อยู่ในยุทธศาสตร์อยู่แล้ว เพราะมีบัตรสีชมพูที่แสดงถึงมีความกลมกลืนกับสังคมไทยอยู่แล้ว"
สำหรับชาวบ้านที่ยังไม่มีสัญชาติใดแน่ชัดก็ต้องมีระบบพิสูจน์สำรวจเพื่อช่วยทำให้ชัดเจนขึ้น โดยจะต้องระดมนักกฎหมายลงไปช่วยชาวบ้าน เพราะว่าบางคนพ่อแม่ไม่ได้เกิดในโรงพยาบาลไทย ไม่มีหลักฐานใดๆ ก็ต้องมีการเตรียมให้ชาวบ้านพิสูจน์ข้อเท็จจริงให้ได้
ทั้งนี้ การแปลงสัญชาติ หากว่าชาวบ้านเกิดในประเทศไทยแต่พ่อแม่เกิดนอกประเทศไทย ก็จะใช้มาตรา 7 ทวิ วรรคสอง ยื่นคำร้องขอสัญชาติ ส่วนชาวบ้านแม่อายซึ่งถือบัตรสีชมพูมาก่อน ก็สามารถใช้มาตรา 7 ทวิ วรรคหนึ่ง สามารถฟ้องศาลเพื่อขอสัญชาติได้เลย
"กรณีดังกล่าวต้องใช้เวลามากเป็นพิเศษ เนื่องจากชาวบ้านมีจำนวนมาก และบางคนรู้สึกกลัวที่จะรู้ว่าตนเป็นคนไทยจริงหรือไม่จริง จึงต้องหาคนลงไปสอบปากคำจำนวนมากพอสมควร" รศ.ดร.พันธุ์ทิพย์ กล่าวแสดงความเป็นห่วง
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)