ประชาไท—15 ก.ย. 2548 "สื่อจะต้องมีเสรีภาพ ในความเห็นของผม เราจะต้องปกป้องเสรีภาพของคน แม้เราจะไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่เขาพูด เราควรจะต้องปกป้องให้เขาได้มีโอกาสพูด เพราะฉะนั้นผมไม่เห็นด้วยกับการถอดผังรายการนี้นะครับ" นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง วุฒิสมาชิก กรุงเทพมหานคร กล่าวกับประชาไทถึงกรณีคณะกรรมการบริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) ประกาศถอดรายการ "เมืองไทยรายสัปดาห์" ออกจากผังรายการโดยให้เหตุผลว่า นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ดำเนินรายการกล่าวพาดพิงถึงสถาบันพระมหากษัตริย์ซึ่งไม่อยู่ในฐานะที่จะชี้แจงได้

โดยนายเจิมศักดิ์ กล่าวว่า หากเหตุผลที่กรรมการบริษัท อสมท. จำกัด (มหาชน) ยกขึ้นมาเพื่อถอดถอนรายการดังกล่าวเป็นจริง ก็ควรดำเนินคดีกับนายสนธิในเรื่องนั้นๆ แต่ไม่ควรใช้เป็นเหตุในถอดรายการดังกล่าวออกจากผังรายการ

"คนที่ปิดสื่อกำลังขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 39 และ 41 คือถ้าใครทำผิดกฎหมายก็ดำเนินคดีไปตามกฎหมายนั้นๆ เช่นคดีหมิ่นประมาท หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ หรือเป็นกบฏในราชอาณาจักรหรือแบ่งแยกดินแดน แต่ก็ไม่ควรเอามาเป็นเหตุในการถอดผังรายการนี้ออกไป เพราะมันเป็นคนละเรื่องกัน"

นายเจิมศักดิ์ให้เหตุผลพร้อมกับบอกด้วยว่า สำหรับกระแสที่มีการพูดกันว่าเมืองไทยกำลังจะเข้าสู่ยุคมืดของสื่อนั้น ในฐานะที่ตนเองเป็นคนทำสื่อมาก่อนเห็นว่า เมืองไทยเข้าสู่ยุคมืดมานานแล้ว แต่ว่าคนไม่ค่อยจะรู้สึก

ทั้งนี้ความสัมพันธ์ระหว่างนายเจิมศักดิ์ กับนายสนธินั้นเคยเป็นคู่วิวาทะกันมาก่อน เนื่องจากนายเจิมศักดิ์เคยทำสื่อทั้งวิทยุและโทรทัศน์ แต่ถูกถอดรายการออกในช่วงต้นของรัฐบาลทักษิณ 1ไม่ว่าจะเป็น "ขอคิดด้วยคน" "ลานบ้านลานเมือง" "ตามหาแก่นธรรม" ฯลฯ โดยนายเจิมศักดิ์ออกมาเรียกร้องว่าถูกแทรกแซงจากการเมืองและกล่าวว่า มีสื่อบางแห่งหันไปพึ่งพิงการเมืองเพื่อให้รอดพ้นจากการล้มละลายซึ่งก็ถูกนายสนธิตอบโต้กลับว่า การเรียกร้องของนายเจิมศักดิ์นั้นเปรียบได้กับกรณีของลูกเสือกับลูกหมา โดยนายสนธิกล่าวในครั้งนั้นว่า ลูกเสือเมื่อเจ็บนั้นไม่ร้อง แต่ลูกหมาเจ็บแล้วร้องและร้องดังด้วย