Skip to main content
sharethis

กองทรายที่เพิ่งถูกกลบบนหน้าดินมีความกว้างยาวเท่าขนาดคนนอน ทางมะพร้าวมัดรวบปักลงบนหัวและท้ายกองทรายกองนี้ รอยกีบเท้าวัวที่หลงเข้ามาเล็มกินหญ้ายังปรากฏให้เห็น บริเวณใต้ธรณีในหมู่บ้านตันหยงลิมอตรงนี้ คือที่ฝังศพของชาวบ้านผู้บริสุทธิ์ 2 คนซึ่งถูกกลุ่มคนลึกลับ ใช้อาวุธสงครามกราดยิงขณะนั่งอยู่ในร้านน้ำชา กลางหมู่บ้านตันหยงลิมอ


ตามมาด้วยชีวิตของทหารนาวิกโยธินอีก 2 นาย


พวกเขาเหล่านี้คือเหยื่อสถานการณ์ความรุนแรงที่ชายแดนใต้


เหตุร้ายผ่านพ้นไปแล้ว วันศุกร์คืบคลานเข้ามาอีกครั้งหนึ่ง


เสียงของ "โต๊ะบิล้าล" ผู้ทำหน้าที่อะซานเจือเสียงสะอื้นเกินข่มใจ ขณะกล่าวนำในช่วงแรกของการอ่านคุตบะฮ์ (เทศนา) ทำให้บรรยากาศการทำละหมาด "ญุมอัต" หรือละหมาดวันศุกร์ที่มัสยิดของหมู่บ้านตันหยงลิมอ ตกอยู่ในภวังค์แห่งความเงียบงัน ชายชาวมุสลิมกว่า 200 คนนั่งนิ่งราวสดับฟังเสียงเศร้าเสียใจที่ดังก้องอยู่ในตัวของเขาแต่ละคน


ภายหลัง "วิกฤตการณ์ตันหยงลิมอ" ทิ้งบรรยากาศที่ผู้คนพลุกพล่านให้กลายเป็นเงียบเหงาในพริบตา


ทว่า วันนี้เป็นวันที่ทุกชีวิตในหมู่บ้านเริ่มขยับขับเคลื่อนตามปกติ บ้านเรือนผู้คนเริ่มเปิดประตู เผยให้เห็นความมีชีวิตของหมู่บ้าน แม้ว่าหลายคนจะไม่ได้ไปกรีดยาง เปิดร้าน หรือไปโรงเรียน


สำหรับมุสลิมแล้ว วันศุกร์ถือเป็นวันที่ดีที่สุดในรอบสัปดาห์ตามคำบัญญัติในศาสนา เป็นวันที่ผู้ชายทุกคนในหมู่บ้านจะมารวมตัวในช่วงบ่ายคล้อยเพื่อ "ละหมาดญุมอัต" ซึ่งจะเป็นศาสนกิจที่สมบูรณ์ได้ก็ต่อเมื่อมีการอ่านและฟังคุตบะฮ์หรือเทศนาโดยผู้นำศาสนาของชุมชนที่เรียกว่า โต๊ะคอเต็บ


ให้หลัง "วิกฤตตันหยงลิมอ" เพียงสองวัน การละหมาดวันศุกร์ในสัปดาห์นี้จึงมีความหมายอย่างยิ่ง


"ขอให้พวกเราทุกคนร่วมมือร่วมใจกัน สามัคคีกันอย่าแตกแยก เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในบ้านเรา ขอให้ทุกคนร่วมกันรับผิดชอบ"

โต๊ะคอเต็บ กล่าวนำเป็นภาษามลายูก่อนที่จะเริ่มกล่าวคำเทศนาอันเป็นกิจวัตรในทุกสัปดาห์ของเขา ไม่ว่าฟ้าฝนหนทางจะดีหรือร้ายอย่างไรก็ตาม

เขายังบอกกับทุกคนว่า หลังจากละหมาดวันศุกร์ขอให้ทุกคนร่วมกันละหมาดฮายัต เพื่อขอพรต่ออัลลอฮ์ให้คืนความสงบสุขกลับสู่หมู่บ้าน และยังขอแรงผู้ที่ว่างเว้นจากการงานในช่วงบ่ายให้ช่วยกันเก็บ "เต็นท์" ของมัสยิดที่ยังคงเปิดกางอยู่กลางสะพานตรงทางเข้าหมู่บ้าน


ในคำคุตบะฮ์ที่กระชับกว่าทุกครั้ง "คอเต็บ" ลุกขึ้นกล่าวด้วยท่าทีที่อ่อนระโหย ภาษามลายูที่เขาใช้สอดแทรกด้วยเสียงสั่นเครือเป็นบางจังหวะ ความเคลื่อนไหวในมัสยิดแห่งนี้แทบจะหยุดนิ่งลง


"สิ่งเลวร้ายที่เกิดขึ้นทั้งหมด ไม่ว่าจะเกิดในแห่งหนใดในโลกนี้ ล้วนเป็นพระประสงค์ของอัลลอฮ์เพียงผู้เดียว" เขากล่าวด้วยเสียงอันสั่นเครือ พร้อมทั้งยกถึงวจนะของอัลลอฮ์จากคัมภีร์อัลกรุอาน ในโองการที่ 22 บทอัล - หะดีด ความว่า


"ไม่มีความยากลำบาก หรือภัยพิบัติครั้งใด ที่เกิดขึ้นบนหน้าแผ่นดินและประสบกับพวกเจ้าทั้งหลาย นอกจากเป็นสิ่งที่ถูกบันทึกเตรียมไว้แล้ว ก่อนที่เรา (อัลลอฮ์) จะทำให้มันปรากฏขึ้นมา และมันเป็นเรื่องง่ายมากสำหรับอัลลอฮ์ที่จะทำให้มันเกิดขึ้นมา"


นอกจากนี้ยังมีโองการที่ 156 ในบทอัล - บากอเราะฮ์ ที่ความว่า "เมื่อผู้ใดผู้หนึ่งประสบกับความยากลำบาก พวกเขาก็จะกล่าวว่าแท้จริง เรานั้นเป็นของอัลลอฮ์ และจะกลับไปสู่อัลลอฮ์เท่านั้น"


หลังจากละหมาดวันศุกร์เสร็จสิ้น การละหมาดฮาญัตจึงดำเนินต่อเนื่อง และสิ้นสุดลงด้วยคำขอพรให้คืนความสงบสุขคืนสู่หมู่บ้าน


"พอรู้ว่าทหาร 2 คนเสียชีวิตแล้ว เข่าอ่อนเลย หมดอาลัยตายอยาก ทำไมต้องทำกันอย่างนี้ด้วย นึกถึงว่าเป็นเราโดนทำอย่างนั้นบ้างน่าอนาถ" เป็นเพียงคำพูดสะท้อนความคิดบางประโยคของชาวบ้านตันหยงลิมอ


ชาวบ้านทุกคนหวาดกลัว กลัวแม้กระทั่งจะเข้าไปแตะต้องสิ่งของในที่เกิดเหตุ แม้แต่เลือดของทหารนาวิกโยธินที่กองอยู่ในห้อง ยังไม่กล้าจะเข้าไปล้าง เพราะกลัวรัฐจะมองว่าทำลายหลักฐาน เต็นท์ที่มีคนไปเอามาจากมัสยิดเพื่อกางขวางถนนบริเวณสะพาน จะเก็บก็กลัวถูกมองว่าเป็นตัวการ


ในวันนี้ สิ่งที่พวกเขา ชาวบ้านตันหยงลิมอต้องการอย่างยิ่งคือความเข้าใจ และสวดอ้อนวอนต่อพระผู้เป็นเจ้า ให้ชีวิตของพวกเขา ชุมชนของพวกเขา กลับคืนสู่ความสงบสุขโดยเร็ว

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net