นาตยา แวววีรคุปต์ และ ธนพล เลิศธนาผล
ศูนย์ข่าวอิศรา สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย
...................
เมื่อดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า ความมืดซึ่งปกคลุมทั่วพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ในเวลานี้ หมายถึงความวิตกกังวล คืนนี้จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ใครจะเป็นคนที่ต้องสังเวยชีวิตให้กับความไม่สงบ ตัวฉันเอง หรือว่าเธอ จะมีชีวิตที่ปลอดภัยข้ามคืนนี้ไปได้หรือไม่
เป็นคำถามของคนหลายคนที่ใช้ชีวิตใน 3 จังหวัด !!!
แต่สำหรับหมอหนุ่มวัย 30 ปี มีคำถามในใจมากกว่านั้น
"คืนนี้บ้านพักเจ้าหน้าที่จะโดนทำอะไรหรือเปล่า ?"
"พยาบาลขี่รถมอเตอร์ไซค์กลับบ้าน คงไม่เป็นอะไรนะ ?"
"พ่อ แม่ น้อง และพี่.... ลูก สามี ภรรยา ของเจ้าหน้าที่ทุกคน จะอยู่รอดปลอดภัย จนถึงวันที่เหตุการณ์เลวร้ายสงบลงหรือไม่ ? "
"กำลังใจจะอยู่กับพวกเราได้นานถึงวันนั้นมั๊ย ? "
ความหวาดวิตกเป็นสิ่งที่ไม่อาจกำหนดได้ แต่กำลังใจของผู้ปฏิบัติงานทุกคน เป็นที่สิ่งนายแพทย์เดชา แซ่หลี ผู้อำนวยงานโรงพยาบาลกะพ้อ จังหวัดปัตตานี กำลังพยายามกำหนดมันด้วยตำแหน่งหน้าที่ผู้บริหาร
ภายในรั้วโรงพยาบาลกะพ้อ ที่เพิ่งสร้างขึ้นใหม่แทนรั้วลวดหนาม หลายชีวิตในโรงพยาบาล กำลังดำเนินภารกิจของตัวเองอย่างปกติ รั้วคอนกรีตที่มีอยู่ในขณะนี้ อาจจะไม่สามารถเป็นหลักประกันได้ว่า โรงพยาบาลจะรอดพ้นจากเป้าหมายของการก่อเหตุไม่สงบเหมือนกับช่วงหลายเดือนก่อนหน้าที่มีการข่มขู่หลายครั้งเกิดขึ้นกับคนในโรงพยาบาล แต่แนวกำแพงที่เพิ่งสร้างเสร็จ ก็ยังทำให้คนที่ต้องใช้ชีวิตทำงานที่นั่นหลายคนรู้สึกอุ่นใจขึ้นได้บ้าง
สำหรับยามเย็น ย่างเข้าหัวค่ำ ความเงียบกำลังคืบคลานเข้าแทนที่ถนนทุกสาย ของพื้นที่ 3 จังหวัด แต่ภายในรั้วโรงพยาบาล ความสนุกสนานกำลังจะเริ่มขึ้นที่ลานกีฬาด้านหลังของโรงพยาบาลกะพ้อ ราวกับว่าเป็นการปลอบใจเจ้าหน้าที่ทุกคน ที่ต้องทำงานอยู่ในพื้นที่ที่เสี่ยงภัยในภาวะเช่นนี้
นอกจากภารกิจในการทำหน้าที่รักษาพยาบาล ตามทักษะวิชาชีพแล้ว แพทย์หนุ่มจากครอบครัวชาวไทยเชื้อสายจีนในอำเภอหาดใหญ่ ต้องเรียนรู้ทั้งการนำพาบุคคลากรไปสู่เป้าหมายเดียวกัน ภายใต้ภาวะการณ์พิเศษซึ่งแตกต่างจากที่อื่นๆ รวมทั้งยังต้องปรับความต่าง ระหว่างตัวเอง กับชุมชนชาวไทยมุสลิม ให้ผสานกันได้อย่างกลมกลืน
เสียงสนทนา ภาษามาลายู ส่งรอดออกจากห้องตรวจโรคให้คนที่เดินผ่านมาได้ยินชัดถ้อยชัดคำ เจ้าของเสียงทุ้ม คือ นายแพทย์
ทันทีที่จบการศึกษาจากคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ เดชาก็เดินเข้าสู่วงจรของแพทย์ฝึกหัดที่โรงพยาบาลปัตตานีเป็นเวลา 1 ปีพร้อมๆ กับความคิดที่จะเรียนต่อเป็นแพทย์เฉพาะทาง แต่ด้วยความขาดแคลนแพทย์ในจังหวัดปัตตานีทำให้ต้องไปเป็นแพทย์ประจำที่โรงพยาบาลทุ่งยางแดง จังหวัดปัตตานีอีก 1 ปี โดยที่ไม่รู้ตัวความสนุกกับหน้าที่แพทย์ประจำก็ทำให้นายแพทย์เดชาได้เรียนรู้วิถีชีวิตและวัฒนธรรมของชาวมุสลิมได้เป็นอย่างดี
1 ปีให้หลัง แพทย์หนุ่มคนนี้ก็ได้เริ่มต้นบทบาทการเป็นผู้บริหาร ด้วยตำแหน่งผู้อำนวยการโรงพยาบาลกะพ้อ
"ตอนนั้นคิดว่าจะอยู่ที่นี่ ปี หรือ 2 ปี แล้วจะไปเรียนต่อ แต่ถ้าเราไปเรียนต่อโดยที่ยังไม่ได้พัฒนาโรงพยาบาล แล้วคนอื่นมาเป็นผู้อำนวยการต่อจากผมต้องมาเริ่มใหม ก็ไม่ยุติธรรมกับเจ้าหน้าที่ที่ไม่รู้เรื่องอะไร"
ความคิดที่จะไปเรียนต่อจึงต้องหยุดชะงัก เพราะหลังจากได้ทำงานในช่วงแรกแล้ว เจ้าหน้าที่ทุกคนก็เป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาโรงพยาบาลจนได้รับการยอมรับจากทั้งชาวบ้าน รวมทั้งผลงานทางวิชาการในระดับจังหวัดและระดับประเทศ 2 ปีแรกของการพัฒนาโรงพยาบาลจึงเป็นไปอย่างรวดเร็ว ทำให้เจ้าหน้าที่ทุกคนมีขวัญและกำลังใจในการทำงาน
แต่แล้ววันหนึ่งสัญญาณของความไม่สงบก็ถูกส่งเสียงขึ้น
เจ้าหน้าที่รับแจ้งเหตุคนไข้ฉุกเฉิน รับสายโทรศัพท์ตามปกติ แต่เสียงจากปลายทางที่ส่งมากลายเป็นคำขู่วางระเบิด !!
แพทย์และเจ้าหน้าที่ถูกขู่เอาชีวิต
ตู้ไปรษณีย์ หน้าโรงพยาบาล ถูกเขียนข้อความที่ทำให้ไม่มีใครสบายใจได้
ในช่วงเวลาเดียวกันนั้นยังมีความสูญเสียเกิดขึ้นกับเจ้าหน้าที่ และญาติพี่น้อง เพราะเหตุการณ์ความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ทุกๆ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นใกล้ตัว ได้บั่นทอนกำลังใจของทีมแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ ในโรงพยาบาลกะพ้ออย่างรุนแรง และนี่ก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้หมอเดชาต้องสร้างความอุ่นใจให้กับเจ้าหน้าที่ทุกคน
"ถ้าถามว่ากลัวหรือเปล่า แล้วบอกว่าไม่กลัวก็คงจะโกหก แต่เมื่อเรามาทำตรงนี้แล้ว เราก็ต้องหาจุดที่ดีที่สุดที่จะอยู่ร่วมกับภาวะการณ์แบบนี้ให้ได้" หมอหนุ่มยอมรับถึงความในใจที่แฝงอยู่ในบุคลิกภาพอันเด็ดเดี่ยว พร้อมกันนั้นความในใจที่เป็นเหตุสนับสนุนการตัดสินใจในวันนี้ของตัวเอง ก็ถูกนำออกมาบอกเล่า
"ถ้าในสถานการณ์อย่างนี้โรงพยาบาลหยุดคิดที่จะทำงาน หรือคิดพัฒนางานด้านสุขภาพ คนในพื้นที่ก็จะรู้สึกว่าหน่วยงานของรัฐพึ่งไม่ได้ เราถึงต้องพยายามพัฒนาโรงพยาบาลให้มากที่สุด ถึงแม้โรงพยาบาลจะเป็นองค์กรเล็กๆ แต่ว่าก็ยังสามารถให้การดูแลในเรื่องสุขภาพได้ อย่างน้อยชาวบ้านก็จะรู้สึกว่าถึงแม้ที่ไหนจะไม่ปลอดภัย เขาอาจจะไม่ไว้ใจใครก็แล้วแต่ แต่ถ้าพวกเขาเจ็บป่วยมาโรงพยาบาลแล้ว จะได้รับการดูแลอย่างปลอดภัยที่สุด "
หมอเดชา อายุยังน้อย ด้วยวัยเพียง 30 ปี แพทย์หนุ่มคนนี้ยังมีโอกาสแสวงหาความก้าวหน้าให้กับชีวิตของตัวเองอีกมาก หากจะตัดสินใจเลือกเส้นทางชีวิตที่แตกต่างจากความตั้งใจในวันนี้ แต่อนาคตอันเรืองรองนั้นกลับถูกเลือกให้มีที่เก็บงำอยู่ในใจ และรอวันเวลาที่เหตุผลสำคัญของการทำงาน ณ วันนี้ ได้พบกับความสำเร็จมากที่สุด
***********
ฝนเม็ดบางๆ เริ่มโปรยปราย ทำให้ลานกีฬาหลังรั้วคอนกรีตสีขาวเริ่มเงียบเสียง
ไม่นานนัก ... ทุกอย่างก็เงียบสงัด
เสียงฟ้าคะนอง เริ่มแทนที่เสียงพรำไพเราะของสายฝน
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)