เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2548 ที่สภาทนายความ นายสมัคร เชาวภานันท์ โฆษกสภาทนายความ แถลงข่าวว่า สภาทนายความได้ตั้งทนายความมุสลิม เพื่อศึกษาปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยเฉพาะคดีฆาตกรรม 2 นาวิกโยธิน ที่ตันหยงลิมอ อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส ทั้งนี้ เพื่อให้ความช่วยเหลือทางคดีแก่ผู้ที่ถูกกล่าวหาว่าเกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าวจำนวน 32 คน ตามสิทธิอันพึงได้รับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญ และปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน เพื่อให้มีความโปร่งใส ถูกต้อง เป็นธรรมแก่ประชาชนด้วยความเสมอภาค

"สภาทนายความมอบหมายให้คณะทำงาน ซึ่งเป็นทนายความมุสลิม ที่สามารถพูดภาษายาวีได้ เพื่อไปหาข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน เพื่อใช้ในการเตรียมคดีและวิเคราะห์ข้อเท็จจริง ที่ฝ่ายรัฐใช้เป็นมูลฐานในการกล่าวหาผู้ต้องหาแต่ละราย เพื่อไม่ให้เป็นการจับแพะ ซึ่งหลังจากที่คณะทำงานลงพื้นที่และได้พบกับผู้ถูกกล่าวหาแล้ว ญาติของผู้ถูกกล่าวหาก็ได้ติดต่อกลับมาด้วย" นายสมัคร แถลง

นายสมัคร แถลงอีกว่า ในขั้นต้นคณะทำงานได้รวบรวมข้อมูล เพื่อตรวจสอบว่า ผู้ที่ถูกออกหมายจับเป็นผู้กระทำผิด หรือผู้สนับสนุนการก่อเหตุที่ตันหยงลิมอหรือไม่ หรือเพียงร่วมอย่างเดียว โดยหาข้อมูลว่า ในวันเวลาเกิดเหตุ บุคคลต่างๆ ที่ถูกออกหมายจับนั้นอยู่ที่ใด

นายสมัคร แถลงอีกว่า สภาทนายความยังได้ตั้งคณะกรรมการและที่ปรึกษาไปประจำศูนย์นิติธรรมสมานฉันท์ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างสภาทนายความ คณะกรรมการอิสระเพื่อความสมานฉันท์แห่งชาติ (กอส.) และคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ เพื่อแก้ไขปรับปรุงกระบวนการยุติธรรม ส่งเสริมภาคประชาสังคมในการคลี่คลายปัญหา สร้างการเรียนรู้ ความเป็นธรรมและความสมานฉันท์ที่ยั่งยืน

นายสมัคร แถลงต่อว่า ทั้งนี้ สภาทนายความได้แต่งตั้งนายนอง ไชยชนะ เป็นเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ โดยมีรองหัวหน้าเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์อีก 12 คน นอกจากนี้ ยังแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ ที่เป็นกรรมการสภาทนายความใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้อีกจังหวัดละ 13 คน

นายสมัคร แถลงอีกว่า ศูนย์ดังกล่าวเป็นโครงการนำร่องของ กอส. ที่ต้องการเห็นกลไกการดำเนินการยุติธรรม และการช่วยเหลือทางกฎหมายให้กับประชาชนในพื้นที่ให้มากที่สุด ซึ่ง กอส. ให้การสนับสนุนงบประมาณในการขยายจุดบริการมีมากขึ้น สามารถออกไปพบประชาชนได้มากขึ้น ในกรณีที่ประชาชนตกเป็นผู้ต้องหาใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้