Skip to main content
sharethis



 


ประชาไท - 18 ตุลาคม 2548…ที่ชมรมผู้สื่อข่าวต่างประเทศ "Global Witness" * ได้แถลงข่าวเปิดข้อมูลรายงานการวิจัยเกี่ยวกับสถานการณ์และผลกระทบกรณีการค้าไม้อย่างผิดกฎหมายจำนวนมหาศาลระหว่างจีนและพม่า โดยมีบริษัทเอกชนจีนกว่า 200 แห่งเข้าไปตัดไม้ในผืนป่าตอนเหนือของรัฐคะฉิ่น อย่างผิดกฎหมาย พร้อมทั้งเรียกร้องให้ประเทศจีนหาทางยุติขบวนการทำลายป่าไม้ของพม่าโดยเร็ว


 


รายงานระบุว่า ในปี 2003-2004 ปริมาณการส่งออกไม้อย่างผิดกฎหมายจากป่าทางตอนเหนือของพม่าไปยังประเทศจีนซึ่งมีพรมแดนติดกันนั้นมีปริมาณสูงถึง 800,000 ตัน โดย 98% ของทั้งหมดนั้นเป็นไปอย่างผิดกฎหมาย


 


"โดยเฉลี่ย รถบรรทุกไม้หนึ่งคันบรรทุกไม้ได้ 15 ตัน โดยไม้ผิดกฎหมายในพม่าข้ามมายังจุดตรวจของจีนทุกๆ 7 นาที ตลอด 24 ชั่วโมง ใน 365 วัน และถึงขณะนี้ก็ไม่มีใครทำอะไร"จอน บุคเรล จาก Global Witness กล่าวพร้อมทั้งระบุว่า นักธุรกิจจีนจำนวนหนึ่งได้รับการหนุนหลังจากหน่วยงานรัฐในมณฑลยูนานด้วยซ้ำ


 


นอกจากจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อทรัพยากรป่าไม้ ระบบนิเวศ และวิถีชีวิตของชุมชนที่ต้องพึ่งพาป่าไม้ซึ่งไม่ได้รับการพัฒนาคุณภาพชีวิตในมิติใดๆ จากบรรดาธุรกิจค้าไม้ที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วนี้  Global Witness ยังรายงานว่าพบการขยายตัวของปัญหาเอดส์/เอชไอวีอย่างรวดเร็วบริเวณพรมแดนที่การค้าไม้เถื่อนเหล่านี้เฟื่องฟู พร้อมๆ กับจำนวนโสเภณีทั้งชาวพม่าและชาวจีนที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยส่วนใหญ่ไม่มีความรู้หรือไม่ให้ความสำคัญในการป้องกันโรค


 


จากสถิติพบว่าผู้ติดเชื้อเอดส์/เอชไอวีในรัฐคะฉิ่น และรัฐฉานที่อยู่ติดกันมีจำนวนสูงมาก รวมทั้งในมณฑลยูนานของจีนด้วย ซึ่งในมณฑลยูนานนี้มีผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยเอดส์มากที่สุดในประเทศจีน


 


"โรคเอดส์ขยายตัวเร็วอย่างน่ากลัวถึงปีละ 30-40% ในประเทศจีน มันจึงไม่ใช่เพียงประเด็นทางการแพทย์เท่านั้น แต่เป็นประเด็นทางสังคมที่น่าวิตกยิ่งอันหนึ่ง" ยัน ยาน ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยปัญหาด้านเอดส์อย่างเป็นทางการแห่งแรกของจีนให้สัมภาษณ์ทีมวิจัยของ Witness Global


 


ทั้งนี้ ปัจจุบันจีนเป็นประเทศที่มีการนำเข้าไม้เป็นอันดับสองของโลกรองจากญี่ปุ่น โดยในปี 2003 จีนมีปริมาณการนำเข้าไม้สูงถึง 42 ล้านตัน เป็นผลจากการขยายตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศที่ค่อนข้างร้อนแรง นอกจากไม้ผิดกฎหมายจากพม่าแล้ว ยังมีประเทศอื่นที่ส่งออกไม้อย่างผิดกฎหมายมายังจีนด้วย อาทิ บราซิล 80% แคมเมอรูน 50% อินโดนีเซีย 90% มาเลเซีย 60% รัสเซีย 80% (อ้างข้อมูลจาก GLOBAL TIMBER.ORG ประเทศอังกฤษ)


 


ขณะที่ประเทศจีนก็มีผลประโยชน์ในการส่งออกไม้สูงเช่นกัน โดยเฉพาะเฟอร์นิเจอร์ไม้ โดยมีญี่ปุ่นกับสหรัฐเป็นลูกค้ารายใหญ่ ซึ่งในปี 2003 สหรัฐมีนำเข้าเฟอร์นิเจอร์ไม้จากจีนถึง 3 พันล้านเหรียญสหรัฐ


 


Global Witness เสนอว่า รัฐบาลจีนเพียงหยุดการนำเข้าไม้ข้ามชายแดนจีน-พม่า ก็จะช่วยจัดการปัญหาที่กล่าวมาในพม่าซึ่งยังคงมีปัญหาการสู้รบและชนกลุ่มน้อยได้ทันทีในเบื้องต้น จนกว่าจะมีมาตรการป้องกันที่มีประสิทธิภาพมาเป็นหลักประกันในการค้าขายไม้อย่างถูกกฎหมาย ขณะเดียวกันหน่วยงานราชการจีนก็ควรจะเอาจริงเอาจังกับการปราบปรามบรรดาบริษัทและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกับการค้าไม้เถื่อนด้วย


 


นอกจากนี้ยังเรียกร้องให้รัฐบาลจีนจัดตั้งคณะทำงานที่ประกอบด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศ ขึ้นมากำหนดมาตรการที่เอื้อต่อการต่อสู้กับการลักลอบค้าไม้เถื่อน  เพื่อเป็นหลักประกันในความเสมอภาค ความโปร่งใส ความยั่งยืนในการจัดการป่า


 


……………………………….


* Global Witness เป็นองค์กรพัฒนาเอกชนในประเทศอังกฤษ ที่มุ่งเน้นงานการเชื่อมโยงด้านสิ่งแวดล้อมกับปัญหาการละเมิดสิทธิมนุษยชน  โดยเฉพาะผลกระทบจากการที่แต่ละประเทศแสวงประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ โดยใช้เทคนิคการสำรวจเชิงลึก ประกอบกับข้อมูลหลักฐาน เพื่อเผยแพร่ให้ทั่วโลกมีความตระหนักในเรื่องเหล่านี้มากขึ้น


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net