Skip to main content
sharethis

ศูนย์ข่าวอิศรา สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย


thumb_01.jpg


 


 


นายหาสือมิง จารง


        หลังเกิดเหตุคนร้ายบุกโจมตีสภอ.บันนังสะตาและบ้านพักข้าราชการ อ.บันนังสตา จ.ยะลา  เมื่อช่วงค่ำวันที่ 7 พ.ย.ที่ผ่านมา โดยได้มีการยิงปะทะกันระหว่างกลุ่มคนร้ายและเจ้าหน้าที่นานกว่า  1ชั่วโมง  และพบศพคนร้าย 2 ศพโดยหนึ่งในจำนวนนั้น คือ นายหาสือมิง จารง วัย 33 ปี ซึ่งถูกหมายจับและมีค่าหัว 1 ล้านบาท


        เช้าวานนี้(8 พ.ย) หลังจากญาติได้รับศพนายหาสือมิงจากโรงพยาบาลบันนังสตามายังบ้านพักของบิดา-มารดาก่อนจะประกอบพิธีฝังตามศาสนาในช่วง 11.00 น. ได้มีญาติและกลุ่มเพื่อนบ้านที่รู้จักกับ นายบาโก๊ะ จารง วัย 78 ปี บิดาผู้เสียชีวิตเดินทางมาร่วมพิธีที่บ้านพักในเขตเทศบาลบันนังสตา ซึ่งอยู่ห่างจากสภอ.บันนังสะตาประมาณ 100 เมตรเป็นจำนวนมาก


           นายยาฮูหลา อารง วัย 50 ปี พี่ชายต่างมารดาของนายหาสือมิง กล่าวว่า หลังจากน้องชายลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกเทศมนตรีเทศบาลตำบลบันนังสตาและไม่ได้รับเลือกตั้งเมื่อ 4 ปีที่แล้วก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย ตั้งแต่เขาย้ายไปอยู่กับภรรยาที่บ้านบาตูกอ ต.ห้วยกระทิง อ.กรงปินัง จ.ยะลา  มาทราบข่าวอีกครั้งตอนมีรายชื่ออยู่ในหมายจับในข้อหายิงเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ในปี 2545 และมีค่าหัวสูงถึง 1 ล้านบาท


thumb_ayub21.jpg


        "เขาเคยมีอดีตฝังใจที่ไม่ดีกับเจ้าหน้าที่ตำรวจตอนที่ขับรถหกล้อไปส่งยางที่หาดใหญ่ตอนขากลับถูกตำรวจทางหลวงจับและขอเงิน แต่คนอื่นที่ทำผิดกฎจราจรตำรวจปล่อยไป ทำให้เขารู้สึกว่าเกิดการเลือกปฎิบัติแต่เรื่องนี้มันเกิดขึ้นหลายปีแล้ว ผมเคยเตือนเขาว่าอย่าคิดมาก ช่วงที่เขากลับมาสมัคร สท.ยังเจอกันอยู่ และระยะหลังไม่พบกันอีกเลย"นายยาฮูหรง กล่าว


      ส่วนการถูกเจ้าหน้าที่ระบุว่าน้องชายเป็นหัวหน้าชุดคนร้ายที่เข้าโจมตีสถานที่ราชการในครั้งนี้ โดยมีค่าหัวสูงถึง 1 ล้านบาทนั้น นายยาฮูหรง กล่าวว่า เป็นการกล่าวหาของเจ้าหน้าที่โดยไม่มีข้อเท็จจริง และในฐานะพี่ชายก็รู้สึกเสียใจมากเพราะทำให้ครอบครัวถูกมองในทางไม่ดีไปด้วย


       "ผมยืนยันว่าน้องชายเป็นคนดี ตอนอยู่ที่นี่ไม่เคยมีประวัติด่างพร้อยอะไรเลย ทางบ้านมีฐานะปานกลาง ไม่ได้ลำบากอะไร แปลกใจเหมือนกันว่าทำไมถูกออกหมายจับ เหตุครั้งนี้เพียงผมคิดว่าเขาตัดสินใจเร็วไปหน่อย ผมเคยบอกเขาแล้วว่าอย่าคิดมาก"นายยาฮูหรง ย้ำ


        และบอกว่า น้องชายเป็นคนรักความยุติธรรมไม่ชอบให้ใครมารังแก และมีเพื่อนฝูงมาก การตัดสินใจของเขาทางบ้านไม่เคยทราบมาก่อน


thumb_img_6384.jpg


         "เขาไม่ได้แวะเข้าบ้าน ส่วนพ่อไปละหมาดกลับมาจากมัสยิด เห็นมีศพนอนอยู่กลางถนน 2 ศพ ยังไม่ทราบเลยว่าเป็นใคร พอเจ้าหน้าที่เข้าเคลียร์พื้นที่แล้วแกถึงรู้ว่าเป็นลูกชาย แม่โทรไปบอกผมตอนประมาณเที่ยงคืนว่า น้องชายถูกเจ้าหน้าที่ยิงเสียชีวิต ผมก็รีบขับรถออกมาจากยะลาเลย กลัวเหมือนกันเพราะว่าระหว่างทางมีการตัดต้นไม้ขวางทาง และเผายางรถยนต์อยู่บนถนนเป็นระยะๆ แต่ต้องรีบมาดู เป็นห่วงเขา " นายยาฮูหลงกล่าว


       เมื่อถามว่า ขณะไปรับศพนายหาสือมิงจากโรงพยาบาลนั้นมีสภาพการแต่งกายอย่างไร นายยาฮูหรง กล่าวว่า เห็นเพียงผ้าสีขาวและผ้าสีเขียวคลุมศพไว้อย่างเดียว ส่วนเสื้อผ้าเข้าใจว่าแพทย์หรือพยาบาลคงถอดออกเพื่อชันสูตรศพจึงไม่ทราบว่าน้องชายแต่งกายอย่างไร


        นายเซะ แม วัย 47 ปี ชาวบ้านในเขตเทศบาลตำบลบันนังสตา กล่าวว่า ขณะเกิดเหตุชาวบ้านกำลังละหมาดอยู่ที่มัสยิดตรงข้ามกับสถานีตำรวจ หลังจากเสียงปืนเงียบจึงขับมอเตอร์ไซค์ออกมาเพื่อจะกลับบ้านโดยมีนายนายบะโก๊ะ พ่อของคนตายนั่งซ้อนท้าย พอมาถึงหน้า สภ.อ.บันนังสตา ก็ไม่เห็นเจ้าหน้าที่ทั้งตำรวจและทหาร แต่ได้ยินเสียงปืนดังมาจากฝั่งสภอ.บันนังสตารัวขึ้นอีกชุดหนึ่ง


        "เข้าใจว่าเจ้าหน้าที่อาจกลัวว่าจะมีการบุกชิงศพจึงยิงปืนขึ้นชุดหนึ่ง ผมขับรถอยู่ก็ตกใจรถเลยเสียหลักล้มลงข้างฟุตบาท ตัวผมกับนายบะโก๊ะก็กลิ้งลงข้างทาง ตอนนั้นเงียบมาก เห็นคนใส่ชุดดำนอนตายอยู่กลางถนน 2 ศพแต่ไม่ทราบเป็นใคร จากนั้นจึงค่อยๆคลานออกมากับนายบะโก๊ะและกลับเข้าไปมัสยิดอีกครั้งหนึ่ง กลัวมากๆเพราะไม่รู้จะเกิดอะไรขึ้น ผมเพิ่งออกมาตอนเช้านี้เอง"นายเซะ กล่าว


          เขาเล่าว่า การปะทะระหว่างเจ้าหน้าที่และกลุ่มคนร้ายเกิดขึ้น 2 ครั้ง คือ ช่วงเวลาระหว่างเวลา 19.30 น.และช่วงประมาณ 21.10 น.ซึ่งขณะนั้นมีผู้ที่ไปออกละหมาดอยู่ที่มัสยิดประมาณ 30-40 คนกลัวกันมาก ไม่กล้ากลับบ้าน


           นายวิวัฒน์ ดานิง อดีตนายกเทศมนตรีเทศบาล ต.บันนังสตา กล่าวว่า รู้จักกับนายหาสือมิงมานานแล้ว และผู้ตายเคยสมัครเป็นสมาชิก สท.อยู่ทีมเดียวกันเมื่อ 4 ปีที่แล้ว แต่หลังจากไม่ได้รับเลือกตั้งก็ไม่พบกันอีกเลย


          "เขาเป็นคนนิสัยดี เงียบๆ เป็นที่รักของเพื่อนฝูง ตอนที่มาสมัครสท.เขาย้ายไปอยู่ที่กรงปินัง แต่บ้านเกิดอยู่ที่นี่ ทราบข่าวเขาอีกทีตอนมีหมายจับจากสภอ.ยะรัง จ.ปัตตานี ในข้อหายิงตำรวจ เราไม่ทราบว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร "นายวิวัฒน์ กล่าว


         นายอาหะมะ ดุยง อิหม่ามประจำมัสยิดมีอะห์ กล่าวว่า กลุ้มใจมากที่เกิดปัญหาเช่นนี้ขึ้นในพื้นที่ไม่รู้จะทำอย่างไร ส่วนผู้ตายนั้นเคยเห็นตั้งแต่ยังเด็กจนโตเป็นหนุ่ม เขาเป็นคนอัธยาศัยดี
แต่หลังจากแต่งงานมีครอบครัว และย้ายออกไปอยู่ที่ อ.กรงปินังก็ไม่ได้เจอกันอีก แต่จะสนิทคุ้นเคยกับนายบะโก๊ะบิดาของผู้ตายมากกว่าเพราะอยู่ในวัยเดียวกัน

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net