ผู้บริหารเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีแถลงตอบโต้เอ็นจีโอ ระบุเปิดให้เข้าชม 21 วันคนหลั่งไหลร่วม 3.7 แสนคน ชี้แจงทำโครงการอย่างถูกต้อง จำเป็นต้องฟ้องอดีตผอ.สวนสัตว์กล่าวหารับเงินเดือนแพง ประกาศปิดเข้าชมฟรีเพื่อเปิดตัว 1 มกราคมนี้
นายปลอดประสพ สุรัสวดี ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะผู้บริหารสวนสัตว์กลางคืนเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี เปิดแถลงข่าวว่า ตั้งแต่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเปิดให้ประชาชนเข้าชมฟรีได้ 21 วันพบว่ามีประชาชนหลั่งไหลเข้าชมกว่า 370,000 คน เฉลี่ยวันละ 170,000 คน จาก 23 จังหวัด โดยมาจากเชียงใหม่และลำพูนมากที่สุด ซึ่งจากการให้กรอกแบบสอบถามพบว่าประชาชนร้อยละ 92 พอใจในโครงการ ร้อยละ 99.5 ชื่นชอบความสวยงามของสถานที่และร้อยละ 88.6 เห็นว่าเป็นประโยชน์ต่อธรรมชาติวิทยาและสัตว์ป่า ส่วนสินค้าในร้านกิ๊ฟช้อป ก็จำหน่ายได้คืนละกว่า 20,000 บาท ซึ่งนับจากวันที่ 15 ธันวาคมนี้เป็นต้นไปจะงดให้บริการเข้าชมเพื่อเตรียมการเปิดตัวในวันที่ 1 มกราคม 2549 ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีจะมาเป็นประธานเปิด จะมีกิจกรรมวิ่งมาราธอน จากสี่แยกกลางเวียงไปไนท์ซาฟารี การขี่จักรยาน การแข่งขันวงโยธวาทิต เชียงใหม่และลำพูน การประกวดตอบคำถามสัตว์ป่า และเริ่มเก็บค่าเข้าชมในอัตราเด็ก 150 บาท คนไทย 250 บาท และต่างชาติ500 บาท
นายปลอดประสพยังชี้แจงว่าพื้นที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีได้รับอนุญาตให้ก่อสร้างจากกรมป่าไม้ มีการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมก่อน และไม่ได้เป็นสาเหตุของน้ำท่วม มีอ่างเก็บน้ำและบ่อบาดาลของตัวเอง กรณีสัตว์ล้มตายยอมรับว่ามีบางส่วน เช่นไฮยีนา ซึ่งตายระหว่างการขนส่ง ซึ่งอยู่ในเงื่อนไขของเอกชนที่จะดูแล ส่วนที่องค์กรเอกชนวิพากษ์วิจารณ์กล่าวหาขอปฏิเสธและจำเป็นจะต้องฟ้องนายพิสิฐ ณ พัทลุง อดีตผู้อำนวยการองค์การสวนสัตว์แห่งประเทศไทยที่กล่าวหาว่าตนรับเงินเดือนจากโครงการนี้ 200,000 บาท ทั้งๆ ที่ได้รับเพียง 63,000 บาทจากตำแหน่งผู้ช่วยรัฐมนตรีเท่านั้น
"โครงการนี้วิพากษ์วิจารณ์ได้ เพราะใช้เงินหลวง แต่กรณีกล่าวหาให้ผมเสียหายก็ไม่มีทางเลือกที่จะต้องฟ้อง ทั้งที่รู้จักกันมาแต่เล็ก จนกว่าจะมาขอโทษผมอย่างแรงก่อน ดังนั้นคนที่จะโจมตีขอให้ตรึกตรองให้ดี เอ็นจีโอเหล่านี้ก็ไม่ใช่คนในพื้นที่ ขณะที่คน 3 ตำบลเห็นว่าเป็นโครงการที่มีประโยชน์"
นายปลอดประสพยังกล่าวว่า แต่ละปีนับจากนี้จะใช้งบประมาณดูแลสัตว์ปีละ 170 ล้านบาท แต่ยืนยันว่าหลังปีที่ 7 จะเลี้ยงตัวเองได้ และตอนนี้งบประมาณ 20 ล้านบาทที่ตั้งไว้ประชาสัมพันธ์เห็นว่าไม่จำเป็นเพราะคนมามากกันอยู่แล้ว
จากนั้นผู้สื่อข่าวได้สอบถามถึงโครงการต่อเนื่องคือเชียงใหม่เวิล์ด และการจัดสร้างเคเบิลคาร์เชื่อมต่อในพื้นที่ ซึ่งนายปลอดประสพกล่าวว่ากำลังอยู่ระหว่างการร่างทีโออาร์ และต้นปี 2549 จึงจะสรรหาบริษัทมาทำการศึกษา ส่วนพื้นที่จัดทำปางช้างยอมรับว่าจะมีสวนเสือ สวนนก และบึงจรเข้ ส่วนโรงแรมมิได้เป็นการสร้างใหญ่โต เป็นเพียงบ้านบนต้นไม้ ซึ่งแบบยังไม่แล้วเสร็จ ส่วนธีมพาร์คจะดำเนินการเป็นโครงการสุดท้ายเนื่องจากเป็นการลงทุนสูง
ทั้งนี้ระหว่างการแถลงข่าวได้มีตัวแทนภาคีคนฮักเชียงใหม่ได้ยื่นหนังสือตามพ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารเพื่อขอให้ชี้แจงรายละเอียดการดำเนินงานโครงการทั้งหมดแก่ประชาชนด้วย