Skip to main content
sharethis



 


กลุ่มคัดค้านฯท่อก๊าซกว่า 200 คน เคลื่อนขบวนไปยังสภ.อ.จะนะ เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลทักษิณและตร.ไทย หยุดโกงแผ่นดินให้ต่างชาติ และหยุดใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือจัดการกับกลุ่มคัดค้านโดยการออกหมายจับที่ไม่ถูกต้องไม่ชอบธรรม


 


วันที่ 7 ธันวาคม 2548 เวลา 10:00 น. กลุ่มคัดค้านโครงการท่อส่งก๊าซ โรงแยกก๊าซธรรมชาติไทย-มาเลเซีย และอุตสาหกรรมต่อเนื่อง เคลื่อนขบวนจากลานหอยเสียบ ต.สะกอม อ.จะนะ จ.สงขลา ด้วยรถยนต์กว่าสิบคันผ่านบ้านสะกอม ผ่านถนนเอเชียจนถึงสามแยกหอนาฬิกาอำเภอจะนะ จากนั้นลงจากรถยนต์จัดขบวนถือธงแดงและถือป้ายผ้าที่มีข้อความต่างๆ เช่น ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา นายอำเภอจะนะ สนง.ที่ดินจังหวัดสงขลา สาขาจะนะ ตำรวจร่วมกับทีทีเอ็ม โกงที่ดินสาธารณประโยชน์และที่ดินวะกัฟ, โครงการท่อก๊าซไทย-มาเลย์ ฮุบดินวะกัฟและที่ดินสาธารณประโยชน์, หยุดทำลายวิถีชีวิตชุมชนและสิ่งแวดล้อม หยุดโครงการท่อก๊าซไทย-มาเลเซีย โดยเดินเท้าไปยังสภ.อ.จะนะ และมีการพูดผ่านเครื่องขยายเสียงชี้แจงเหตุผลที่พวกตนต้องเดินทางมาครั้งนี้


 


ทั้งนี้การชี้แจงดังกล่าวมีเนื้อหาว่า เนื่องจากกลุ่มคัดค้านท่อก๊าซฯถูกรัฐกลั่นแกล้งโดยการออกหมายจับอย่างไม่เป็นธรรม จำนวน 3 คน ได้แก่ นายสุไลมาน หมัดยุโส๊ะ นายก๊บ หลำโส๊ะ และนายกิตติภพ สุทธิสว่าง ในข้อหา "ร่วมกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปบุกรุกอสังหาริมทรัพย์ของผู้อื่น เพื่อการครอบครองอสังหาริมทรัพย์นั้นทั้งหมด หรือบางส่วน หรือเข้าไปกระทำการใดๆ อันเป็นการรบกวนการครอบครองอสังหาริมทรัพย์ของเขาโดยปกติสุขในเวลากลางวันและกลางคืนต่อเนื่องกัน" เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2547 แต่ทั้งสามคนไม่เคยได้รับหมายแจ้ง หรือหมายเรียกมาให้การกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.อ.จะนะก่อนหน้านี้แต่อย่างใด


 


"เหตุที่พวกตนรู้ว่ามีการออกหมายจับ เนื่องจากนายก๊บ หลำโส๊ะ ไปทำหนังสือเดินทางที่ศาลากลางจังหวัดสงขลา เพื่อไปประกอบพิธีฮัจย์ ที่นครเมกกะ จึงรู้ว่าตนเองถูกออกหมายจับไว้ที่สภ.อ.จะนะ และในวันที่ 23 พ.ย ที่ผ่านมาเดินทางมาตรวจสอบที่สภ.อ.จะนะ จึงทราบว่าผู้ที่แจ้งความดำเนินคดีนั้นชื่อนายคิมยัง ชาวเกาหลีซึ่งเป็นตัวแทน ของบริษัทซัมซุง อินเจียเนียริ่ง ที่รับดำเนินการก่อสร้างโรงแยกก๊าซไทย-มาเลเซีย"


 


นายเจ๊ะหมัด สังข์แก้ว สมาชิกอบต.สะกอม กล่าวว่า "วันนี้ทางกลุ่มคัดรวมตัวกันเพื่อนำบุคลทั้งสามมาประกันตัวสู้คดี เพื่อพิสูจน์ความถูกต้อง เหตุที่ต้องมากันจำนวนมากในวันนี้เพราะเชื่อมั่นว่าทั้งสามคนไม่ได้กระทำความผิดใดๆตามที่ตำรวจสภ.อ.จะนะตั้งข้อกล่าวหาไว้ และที่สำคัญที่ผ่านมาบุคคลทั้งสามได้ลุกขึ้นมาปกป้องแผ่นดินของชาติ จากการที่รัฐ เจ้าหน้าที่และนายทุนต่างชาติร่วมกันโกงที่ดินสาธารณประโยชน์โคกชายทะเล ซึ่งเป็นสมบัติชาติจนกระทั่งถูกดำเนินคดี พวกตนจึงมาเพื่อยืนยันว่าการปกป้องสมบัติของชาติเป็นหน้าที่ของคนทั้งชุมชน หากการกระทำดังกล่าวถือว่าเป็นความผิดก็ต้องจับพวกเราทั้งหมดที่ ร่วมกันปกป้องที่ดินดังกล่าว


 


"ทางกลุ่มคัดค้านรู้สึกหดหู่และเจ็บปวดกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจากไม่ได้รับความเป็นธรรม มีการเลือกปฏิบัติอย่างชัดเจน พวกตนลุกขึ้นมาปกป้องที่ดินสาธารณประโยชน์โคกชายทะเล ทั้งที่มีการโกงและออกเอกสารสิทธ์มิชอบจำนวน 10 แปลง ในเนื้อที่ซึ่งเป็นดินสาธารณประโยชน์กว่า 100 ไร่ หนึ่งในนั้นเป็นแปลงที่บริษัททีทีเอ็มเช่าจากนางประทีป ศิริสกุล เพื่อนำมาวางท่อส่งก๊าซและขนย้ายอุปกรณ์ เครื่องจักรขึ้นจากทะเลไปติดตั้งที่โรงแยกก๊าซตั้งแต่ตุลาคม 2547 ซึ่งเวลานั้นชาวบ้านได้ลุกขึ้นมาปกป้องทรัพยากรและที่ดินสาธารณประโยชน์ คดีนี้จึงมีความหมายว่ากลุ่มคัดค้านฯถูกแจ้งข้อหาบุกรุกที่ดินของบ้านตนเอง เพราะมีเอกสารยืนยันชัดเจนว่าที่ดินดังกล่าวเป็นที่ดินสาธารณประโยชน์


 


"ที่สำคัญเมื่อกลุ่มคัดค้านแจ้งความดำเนินคดีกับบริษัททีทีเอ็มว่าร่วมกันเข้าไปบุกรุก เปลี่ยนสภาพ และยึดถือ ครอบครอง ก่อสร้างในที่ดินที่เป็นสาธารณะสมบัติของแผ่นดินที่ประชาชนใช้ร่วมกัน โดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ทางสภ.อ.จะนะ ตั้งแต่ปี 2547 จนถึงปัจจุบันกลับไม่มีการดำเนินคดีใดๆ หรือออกหมายจับกับบริษัททีทีเอ็มเช่นเดียวกับที่กระทำกับกลุ่มคัดค้านฯ ซึ่งพฤติกรรมเช่นนี้ถือเป็นการเลือกปฏิบัติอย่างชัดเจน และเรียกร้องว่าอย่ากดดันพี่น้องมุสลิมไปมากกว่านี้"


 


ทางด้านนายสักการียา หมะหวังเอียด สมาชิกอบต.สะกอม กล่าวว่า "ตนในฐานะสมาชิกอบต.สะกอมและเป็นคนที่เกิดในพื้นที่ ขอยืนยันว่าที่ดินดังกล่าวเป็นที่ดินสาธารณประโยชน์โคกชายทะเล ดังที่ซึ่งทางสภาอบต.เองก็มีมติชัดเจนเป็นเอกฉันท์แล้วเช่นกัน ตั้งแต่อดีตชุมชนได้สงวนไว้เพื่อเลี้ยงสัตว์ และใช้ประโยชน์ในการประกอบอาชีพทางการเกษตร แต่ตอนนี้ทางบริษัททีทีเอ็มกลับฮุบ ครอบครองเป็นเจ้าของคนเดียว


 


"ที่ผ่านมาตำรวจสภ.อ.จะนะไม่เคยส่งหมายแจ้ง หรือหมายเรียกให้กับบุคคลทั้งสามมาให้การกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.อ.จะนะ จะเห็นว่ายังไม่สอบสวนข้อเท็จจริงแต่กลับดำเนินการทันที ซึ่งถือว่าเป็นการปฏิบัติที่มิชอบ ประสบการณ์ครั้งนี้ขอให้ สภ.อ.จะนะคิดใหม่ ทำใหม่ หลังจากนี้อย่าให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก และยืนยันว่ากลุ่มคัดค้านฯจะต่อสู้ต่อไป อย่าคิดว่าจะใช้การข่มขู่ กดขี่ ข่มเหงมาหยุดเราได้ โดยเฉพาะหากเราถูกกระทำด้วยความไม่เป็นธรรมมากเท่าไรเราก็จะยิ่งสู้มากขึ้นเท่านั้น"


 


จนกระทั่งเวลา 11.30 น. กลุ่มคัดค้านฯพร้อมด้วยนางสาว ส.รัตนมณี พลกล้า ทนายความ จากสภาทนายความได้นำนายสุไลมาน หมัดยุโส๊ะ นายก๊บ หลำโส๊ะ นายกิตติภพ สุทธิส่วาง ดำเนินการประกันตัวสู้คดีกับพ.ต.ท.อธิป แสงวันลอย รองผบ.ก.(ส) สภ.อ.จะนะ ซึ่งทั้งสามปฏิเสธข้อกล่าวหาและขอให้การในชั้นศาล โดยในชั้นพนักงานสอบสวนไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ใดๆ


 


จากนั้นทาง สภ.อ.จะนะจึงพาบุคคลทั้งสามไปยังสำนักงานอัยการจังหวัดสงขลา ซึ่งกลุ่มคัดค้านฯท่อก๊าซทั้งหมดได้เคลื่อนขบวนติดตามไปด้วย แต่เมื่อไปถึงสำนักงานอัยการจังหวัดกลับกำหนดวงเงินประกันไว้คนละหนึ่งแสนบาท กลุ่มคัดค้านจึงร่วมกันประกันตัวบุคคลทั้งสามโดยมีตำแหน่งมีผู้ใหญ่และสมาชิกอบต.สะกอมจำนวน 5 คนค้ำประกัน คือนายนายอะหมัด โต๊ะหยม นายสักการียา หมะหวังเอียด นายคอเบท หมัดเมาะ นายเจ๊ะหมัด สังข์แก้ว อบต.สะกอม อำเภอจะนะ และนายทะนง หว่าหลำ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 1 ตำบลสะกอม อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา


 


หลังจากที่ดำเนินการมอบตัวและประกันบุคลทั้งสามแล้ว ทางกลุ่มคัดค้านฯได้ติดตามความคืบหน้ากรณีที่ทางกลุ่มคัดค้านฯฟ้องร้องดำเนินคดีกับบริษัททีทีเอ็มในข้อหาบุกรุกที่ดินสาธารณประโยชน์ของชาติ ตามที่ พ.ต.ท.อธิป แสงวันลอย รองผบ.ก.(ส) สภ.อ.จะนะ อ้างว่าเป็นคดีอาญาที่13/2548 ตนได้ดำเนินการส่งเรื่องมายังอัยการจังหวัดสงขลาแล้ว แต่เมื่อกลุ่มคัดค้านติดตามเรื่องโดยตรวจสอบกับเจ้าหน้าที่สำนักงานอัยการแขวงและสำนักงานอัยการจังหวัดสงขลา กลับได้รับคำยืนยันหนักแน่นว่าไม่มีการส่งเรื่องดังกล่าวมาอย่างแน่นอน และกล่าวว่าหมายเลขหนังสือที่ทางสภ.อจะนะ ให้มาเพื่อติดตามคดีนั้นไม่ถูกหลักการส่งหนังสือเสียด้วยซ้ำ


 


ทางกลุ่มคัดค้านเห็นว่าเรื่องดังกล่าวมีความไม่โปร่งใสในการปฏิบัติงานของตำรวจสภ.อ.จะนะ ซึ่งพวกตนจะติดตามเรื่องนี้จนถึงที่สุด ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะเลือกปฏิบัติและละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้ เพราะเรื่องนี้บริษัททีทีเอ็มกระทำความผิดอย่างชัดเจน


กลับหน้าแรกประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net