(9 ธันวาคม 2548) ในงานสัมมนา "เส้นทางการประชุมรัฐมนตรีองค์การการค้าโลกที่ฮ่องกง:จุดยืนและนัยต่อการพัฒนาของประเทศไทย" จัดขึ้นที่รัฐสภา ตัวแทนภาคประชาชนซึ่งประกอบด้วย เกษตรกร คนจนเมือง แรงงาน และองค์กรพัฒนาเอกชนเรียกร้องให้รัฐบาลไทยและผู้แทนไทยซึ่งจะเดินทางไปร่วมประชุมรัฐมนตรีองค์การการค้าโลก (ดับบลิวทีโอ) มีท่าทีที่ยืนเคียงข้างประชาชนและคนยากจนโดยเฉพาะเกษตรกรที่มาจากฐานการผลิตที่แท้จริง ในเวทีเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ไม่ใช่เอื้อแต่ประโยชน์กลุ่มทุนอุตสาหกรรมขนาดใหญ่
"ประชาชนมีจุดยืนว่าไม่ว่าการเจรจาใดที่จะส่งผลกระทบ ต้องได้รับฉันทามติจากประชาชน การดำเนินการใดๆขององค์การการค้าโลกจะไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนส่วนรวม เกษตรกรรายย่อย แรงงาน และภาคบริการอย่างแน่นอน เพราะเหตุว่าผู้แทนที่ร่วมหารือกับภาครัฐในขณะเจรจาที่ฮ่องกงไม่ไช่ภาคประชาชนซึ่งได้รับผลกระทบโดยตรงจากการทำข้อตกลงในเวทีโลก ผู้แทนมาจากภาคธุรกิจซึ่งมุ่งขูดรีดกอบโกย สร้างความมั่งคั่งให้กับกลุ่มทุนเท่านั้น และข้อตกลงดับบลิวทีโอจะเปิดโอกาสให้มีการละเมิดสิทธิแรงงานมากขึ้น" นายอำนาจ พละมี จากคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทยกล่าว
"ถ้ามองเผินๆ เครือข่ายสลัมสี่ภาค น่าจะไม่เกี่ยวกับการประชุมครั้งนี้ แต่ถ้ามองลึกลงไป ถ้าเกษตรกรไทยอยู่ไม่ได้ ไม่มีที่ดินในการผลิต ราคาผลผลิตต่างๆ ได้รับผลกระทบจากข้อตกลงดับบลิวทีโอ ปัญหาที่จะตามมาคือการอพยพของเกษตรกรมาเป็นคนจนเมือง เป็นคนสลัม ดังนั้น การประชุมที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ถ้ามันส่งผลกระทบต่อคนยากคนจน ผลกระทบจะเกิดกับคนจนในภาคเมืองตามมาอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นผู้แทนที่จะไปเจรจาควรจะคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติ" นายพงษ์อนันต์ ช่วงธรรม จากเครือข่ายสลัมสี่ภาคกล่าว
"ในนามสมัชชาคนจนและ12 เครือข่ายองค์กรพันธมิตรภาคประชาชนจะเดินทางไปที่ฮ่องกงร้อยกว่าคน หลักๆเราต้องการแสดงตนว่าเกษตรกรจริงๆมันอยู่ตรงนี้ ที่อยู่ในเวทีเจรจาไม่ใช่เกษตรกรจริงๆ เรื่องที่เขาเจรจาไม่ใช่ของจริง" นายสุรพล ตาคำ จาก เครือข่ายเกษตรกรภาคเหนือ กล่าวเสริม
"จนถึงขณะนี้เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า การอุดหนุนการผลิตในประเทศพัฒนาแล้วจะไม่ลดลงซ้ำยังอาจจะเพิ่มขึ้น ขณะที่เราต้องเปิดตลาดรับสินค้าที่บิดเบือนการผลิตมาทำร้ายเกษตรกรไทยมากขึ้น นอกจากนี้ เรายังถูกบีบให้มีการรับเปิดเสรีภาคบริการให้เข้มข้นขึ้น กฎกติกาแบบนี้ทำให้ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์กับคนไทย รัฐบาลต้องชี้แจ้งให้ชัดเจน รัฐบาลได้ทำร้ายประชาชนด้วย เอฟทีเอ ซึ่งตายเฉียบพลันเหมือนโรคหัวใจ แต่ดับบลิวทีโอคือมะเร็ง ตายช้าๆ แต่ตายเหมือนกัน เราเชื่อว่ามีทางเลือก ถ้าท่านฟังประชาชน และสิ่งที่จะขัดขวางเศรษฐกิจพอเพียง คือ เอฟทีเอและดับบลิวทีโอ" จักรชัย โฉมทองดี จากโครงการศึกษาและปฏิบัติการงานพัฒนา (โฟกัส) กล่าวสรุปตอนท้าย
ทั้งนี้ ผู้แทนไทยจะเดินทางไปประชุมรัฐมนตรีที่ฮ่องกงระหว่างวันที่ 13-18 ธันวาคมนี้ ภายใต้แรงกดดันของประเทศพัฒนาแล้วให้เปิดเสรีและสรุปรอบการเจรจาโดฮาภายในปี 2549
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)