ประชาไท21 ธ.ค. 2548 ดร.วีรพงษ์ รามางกูร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง คาดการณ์ว่า ปีหน้าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) จะขยายตัวร้อยละ 5.5 สูงกว่าปี 2548 ที่เติบโตร้อยละ 4.7 โดยมีภาคการส่งออก การท่องเที่ยว และการลงทุนภาคเอกชนเป็นตัวขับเคลื่อน
ส่วนอัตราเงินเฟ้อในปี 2549 คาดว่าจะต่ำกว่าร้อยละ 4 เมื่อเทียบกับร้อยละ 4.5 ในปีนี้ เนื่องจากแรงกดดันจากราคาน้ำมันลดลง ขณะที่ดุลบัญชีเดินสะพัดในปี 2549 จะขาดดุลประมาณ 2,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือร้อยละ 1.6 ของจีดีพี เทียบกับร้อยละ 2.5 ของจีดีพีในปีนี้ สาเหตุจากปริมาณการนำเข้าน้ำมันลดลง และมั่นใจว่าหนี้สาธารณะต่อจีดีพีจะลดลงเหลือร้อยละ 36 จากปัจจุบันอยู่ที่ร้อยละ 45
ดร.วีรพงษ์ กล่าวว่า ส่วนที่หลายคนวิตกว่าโครงการเมกะโปรเจกต์จะทำให้ขาดดุลบัญชีเดินสะพัดมากขึ้นนั้น ไม่น่าเป็นห่วง เนื่องจากโครงการระบบขนส่งยังขาดความชัดเจนถึงขั้นดำเนินงาน จึงยังไม่มีค่าใช้จ่ายส่วนนี้ ยกเว้นโครงการหมู่บ้านเอื้ออาทร การศึกษา และการพัฒนาทางสังคมที่การใช้จ่ายจะเพิ่มขึ้นมากจากปีนี้ที่ใช้งบประมาณ 50,000 ล้านบาท เป็น 200,000 ล้านบาท ส่วนความคาดหวังที่จะให้สนามบินสุวรรณภูมิเป็นตัวกระตุ้นเศรษฐกิจในปีหน้าก็คาดว่าอาจเปิดไม่ทันเดือนมิถุนายน 2549 และเลื่อนไปในช่วงสิ้นปีแทน ดังนั้น จึงไม่น่าจะมีผลต่อเศรษฐกิจในปี 2549
ส่วนปัจจัยการเมืองยังต้องติดตามต่อในปี 2549 เพราะคาดการณ์ได้ยาก หากการเมืองสงบ และปัญหาความไม่สงบภาคใต้ไม่ลุกลามหนักกว่าเดิม ก็อาจทำให้เศรษฐกิจปีหน้าอาจขยายตัวได้ถึงร้อยละ 6
ด้านภาวะเศรษฐกิจของโลกนั้น ดร.วีรพงษ์ แสดงความมั่นใจว่า สหรัฐจะไม่เกิดปัญหาฟองสบู่ เพราะการเก็งกำไรในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เริ่มลดลง ขณะเดียวกันต้องจับตามองเศรษฐกิจอินเดีย จีน และรัสเซีย เพราะจะเป็น 3 ประเทศหลักที่มีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในเกณฑ์สูง