29 มกราคม 2549 เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ รายงานการให้สัมภาษณ์ของที่ปรึกษา ครป. เรียกร้องให้รัฐบาลปกป้องสิทธิเสรีภาพ และดูแลให้การชุมนุมของ 'สนธิ ลิ้มทองกุล' และกลุ่มผู้สนับสนุนวันที่ 4 ก.พ. นี้ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย
นาย
นายสุวิทย์ กล่าวว่า การแสดงออกของนาย
จึงขอเรียกร้องให้คนในรัฐบาลหยุดให้การสัมภาษณ์ในเชิงที่จะเป็นการยั่วยุ ก่อให้เกิดความรุนแรง ในฝ่ายที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย
เช่นในกรณีของนาย
นายสุวิทย์ กล่าวว่า รัฐมนตรีในฐานะที่เป็นคนของรัฐบาล ต้องมีหน้าที่ ความรับผิดชอบต่อบ้านเมือง ไม่สมควรอย่างยิ่ง ที่จะ ออกมาแสดงท่าที หรือพูด เพื่อให้เกิดความรุนแรง แต่ในฐานะรัฐบาล ควรจำเป็นที่จะดูแล และจัดสถานที่ ให้ทั้งฝ่ายเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ได้ออกมาแสดงความคิดเห็น เพื่อไม่ก่อให้เกิด สถานการณ์ความวุ่นวาย เช่นเดียวกับการชุมนุม ของนายสนธิและคณะที่สวนลุมฯ เมื่อวันที่ 13 ม.ค.ที่ผ่านมา ที่มีกลุ่มคน ซึ่งเป็นลูกจ้างของรัฐได้เข้าไปก่อความวุ่นวาย
ที่ปรึกษา ครป.กล่าวด้วยว่า แม้นว่าการชุมนุม ของนายสนธิและคณะ จะเป็นการชุมนุมเพื่อแสดงความคิดเห็น ที่ไม่เห็นด้วย กับรัฐบาลหลายเรื่อง แต่ การกระทำดังกล่าว ก็เป็นสิทธิของประชาชนในฐานะผู้ที่ลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง สส. เข้ามาบริหารประเทศ จะได้ รวมตัวกัน แสดงความคิดเห็นและประเมิน ผลการทำงานของผู้แทน
ซึ่งนายกฯ พูดเสมอว่า ตัวเอง ได้รับความไว้วางใจ จากประชาชนถึง 19 ล้านเสียง ดังนั้น รัฐบาลจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องดูแล และปกป้องสิทธิการชุมนุมของประชาชน ให้เป็นไปตามสิทธิและเสรีภาพโดยชอบธรรมตามรัฐธรรมนูญ
" การชุมนุมของประชาชน ถือเป็นสิทธิโดยชอบธรรมอย่างแน่นอนที่พึงจะกระทำได้ ดังนั้น ไม่ควรที่รัฐบาล จะคิดว่า เรื่องนี่เป็นอคติ หรือต้องการ ล้มล้างรัฐบาล หรือ เป็นการทำรัฐประหาร แต่ ในเรื่องนี้ รัฐควรจะมีแนวคิดแบบฉันทาธิปไตย ที่จะอยู่ ร่วมกัน แม้นว่า แต่ละฝ่าย จะมีความเห็นแตกต่างกัน ซึ่งรัฐจำเป็นจะต้องเคารพความคิดเห็นของทุกฝ่าย "ที่ปรึกษาครป.กล่าวและว่า
ในกรณีการเคลื่อนไหวของนายสนธิและคณะ ในวันที่ 4 ก.พ.นี้ ครป.และองค์กรภาคประชาชน จะได้ร่วมประชุมหารือกันอีกครั้ง เพื่อสรุปและมีแนวทาง ที่ชัดเจน อีกครั้งว่าจะเข้าร่วมกันชุมนุม หรือไม่อย่างไรต่อไป โดยคาดว่า ประมาณ 2-3 วันนี้ ครป. และองค์กรภาคประชาชน น่าจะสรุปแนวทาง ในเรื่องนี้ได้
ด้านผู้จัดการออนไลน์ รายงานการให้สัมภาษณ์นาย
อย่างไรก็ตาม ทาง ครป.กังวลว่าอาจจะมีความรุนแรงเกิดขึ้น จึงอยากให้รัฐบาลเข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่จะเดินมาชุมนุม ให้กระทำอย่างสันติ และไม่อยากเห็นการจัดตั้งกลุ่มชุมนุมให้มาขัดแย้งและก่อให้เกิดปัญหาที่รุนแรงตามมาภายหลัง เหมือนเช่นที่เกิดขึ้นครั้งวันที่ 13 มกราคม ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม เห็นว่าภาคประชาชนในเบื้องต้นจะมีผู้ใดไปร่วมชุมนุมคงไม่สามารถห้ามได้ แต่ต้องชุมนุมกันอย่างสันติ