Skip to main content
sharethis


 


วันพุธที่ 15 กุมภาพันธ์ 2006 19:07น.


ศูนย์ข่าวอิศรา สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย


 


กว่า 2 สัปดาห์มาแล้วที่ครูและนักเรียนโรงเรียนบ้านลือมุ หมู่ 9 บ.ลือมุ ต.กรงปินัง อ.กรง ปินัง จ.ยะลา อยู่ในสภาพขวัญเสีย เนื่องจากครูชายหญิงในโรงเรียนแห่งนี้ถึง 4 คน ถูกยิงได้รับบาดเจ็บ ระหว่างเดินทางกลับบ้านเมื่อบ่ายวันที่ 3 ก.พ.ที่ผ่านมา และหลังจากนั้นไม่นาน โรงเรียนใน จ.ยะลา 130 แห่ง รวมทั้งที่บ้านลือมุ ประกาศหยุดการเรียนการสอนเป็นเวลา 1 สัปดาห์ เนื่อง จากไม่มั่นใจในสถานการณ์และความปลอดภัยของครู


 


แม้ที่ผ่านมา ข้อมูลจากทางการจะระบุว่า ตลอด 2 ปีของความไม่สงบ (พ.ศ.2547- 2548) ครูและบุคลากรทาง การศึกษาตกเป็นเหยื่อของความรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิต 46 คน บาดเจ็บ 48 คน แต่เหตุการณ์ที่บ้านลือมุนั้น ถือว่า เป็นครั้งแรกที่ครูเป็นเป้าถูกทำร้ายมากที่สุดในคราวเดียว ทั้งยังส่งผลสะเทือนต่อขวัญและกำลังใจครูในจังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นอย่างมาก


 


ยิ่งไปกว่านั้น 2 วันก่อนเกิดเหตุร้าย มีข้อมูลซึ่งระบุที่มาจากผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมก่อนหน้าว่า มีการเตรียมปฏิบัติ การลอบยิงครูในพื้นที่ อ.บันนังสตา และ อ.กรงปินัง จำนวน 3 คน เพื่อตอบโต้เหตุการณ์สังหารครูสอนศาสนาซึ่งพวกเขาเชื่อว่า เป็นฝีมือเจ้าหน้าที่รัฐ อย่างไรก็ดี แม้ผู้ก่อการจะถูกรวบตัวก่อนหน้าและแผนร้ายถูกเปิดโปง แต่ท้ายที่สุดก็ยังเกิดเหตุร้ายขึ้นจนได้แรงจูงใจของปฏิบัติการสะเทือนขวัญครั้งนี้คืออะไร และใครเป็นผู้ก่อเหตุยิงครูโรงเรียนบ้านลือมุ ยังเป็นปริศนาที่ต้องค้นหา


 


0 0 0


 


โรงเรียนบ้านลือมุ หมู่ 9 บ.ลือมุ ต.กรงปินัง อ.กรงปินัง จ.ยะลา ตั้งอยู่บนพื้นที่รอยต่อระหว่าง อ.กรงปินัง และ อ.บันนังสตา จ.ยะลา เริ่มเปิดเรียนตามปรกติเมื่อวันที่ 14 ก.พ. ที่ผ่านมา เช่นเดียวกับโรงเรียนใน จ.ยะลา เพียงแต่ในวันนี้มีครูมาสอนเพียง 12 คน


 


"สุรพนธ์ พิทักษ์" ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านลือมุ หมู่ 9 บ้านลือมุ อ.กรงปินัง จ.ยะลา บอกว่า เด็กนักเรียนซึ่งส่วนใหญ่เป็นลูกหลานของชาวบ้าน ม. 8 และ ม.9 มาเรียนตามปรกติ ถึงแม้จะขาดครูไปถึง 4 คน แต่ครูที่เหลือก็จะยืนยันจะดูแลไม่ให้กระทบกับการเรียนของเด็ก ซึ่งใกล้จะปิดเรียนปลายภาคในเดือนมี.ค.ศกนี้


 


เขายอมรับว่า แม้จะไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดเหตุร้ายกับโรงเรียน แต่เหตุครั้งล่าสุด ทำลายขวัญและกำลังใจของครูผู้สอนและนักเรียนเป็นอย่างมาก เนื่องจากครูทั้ง 4 คน เป็นที่เคารพรักของคนในหมู่บ้านซึ่งส่วนใหญ่เป็นศิษย์เก่าหรือไม่ก็มีลูกหลานมาเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้


 


เพราะเมื่อวันที่ 15 พ.ค.ปีที่แล้ว ก่อนเปิดเรียนเพียงวันเดียว อาคาร 2 ชั้นของโรงเรียนบ้านลือมุถูกวางเพลิงได้รับความเสียหายพร้อมๆ กับโรงเรียนอีกหลายแห่งในพื้นที่ใกล้เคียง ซึ่งจนถึงบัดนี้เด็กยังต้องอาศัยอาคารเรียนชั่วคราวเป็นที่เรียน ส่วนอาคารใหม่นั้นผู้อำนวยการโรงเรียนบอกว่า จะต้องรอจนถึงปลายปีนี้ถึงจะเสร็จสิ้น


 


ที่โรงเรียนบ้านลือมุนี่เอง ตัวแทนที่ประชุมองค์การอิสลามหรือโอไอซีเดินทางลงพื้นที่เยี่ยมเยียนปลอบขวัญครูและนักเรียนหลังจากเกิดเหตุเผาโรงเรียน


 


"สุรพนธ์"กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุยิงครู ไม่มีสัญญาณใดๆ บ่งบอกว่าจะเกิดเหตุร้าย และตามปรกติจะมีทหารดูแลความปลอดภัยอยู่บริเวณหน้าโรงเรียนในช่วงเลิกเรียนทุกวัน แต่ในวันเกิดเหตุโรงเรียนเลิกเรียนเร็วกว่าปรกติ อีกทั้งจุดเกิดเหตุซึ่งโดยปรกติจะมีผู้คนสัญจรไปมาเนื่องจากมีชุมชนบนถนนสายหลัก "ยะลา-เบตง" กลับปลอดคน ทำให้คนร้ายสะดวกต่อการปฏิบัติการ


 


อย่างไรก็ตามความผิดปรกติกลับปรากฏในหมู่บ้านใกล้โรงเรียน เพราะจากคำบอกเล่าของคนในหมู่ 8 บ้านลือมุ ว่า ในวันเดียวกันกับที่เกิดเหตุ มีผู้พบเห็นชายแปลกหน้าแต่งตัวเป็นหญิงสวมผ้าคลุมผม (ญิฮาบ) เพื่ออำพรางตัวเอง เข้ามาป้วนเปี้ยนบริเวณศาลาใกล้มัสยิดของหมู่บ้าน ในช่วงเวลาละหมาด


 


"ตอนแรกคิดว่าเป็นผู้หญิง แต่พอดีลมพัดผ้าคลุมหน้าหลุดออกทำให้เห็นหนวดเครา ถึงได้รู้ว่า เป็นผู้ชาย ก็เลยวิ่งไปเตือนผู้ใหญ่บ้านซึ่งอยู่แถวๆ นั้น ให้ระวังตัว แต่ไม่คิดว่า จะไปเกิดเหตุที่ครู"ชาวบ้านหมู่ 8 ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ย้อนความถึงวันเกิดเหตุ


 


เดือนมิ.ย.เมื่อปีที่แล้ว บ้านลือมุ ม.8 เคยเกิดเหตุร้ายกับผู้นำชุมชน โดยนายอาซัน กาจิ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ม.8 ถูกกราดยิงด้วยอาวุธสงครามจนเสียชีวิตภายในบ้านพัก ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิษฐานในเบื้องต้นว่า ผู้ตายเป็นผู้หนึ่งที่ช่วยเหลือทางอำเภอกรงปินังมาโดยตลอด โดยเฉพาะการติดตามตัวคนร้ายที่ลอบเหตุวางเพลิงโรงเรียนบ้านลือมุ เมื่อวันที่ 15 พ.ค. 2547


 


ประเด็นดังกล่าวอาจทำให้แนวร่วมของกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบ เกิดความไม่พอใจ และมาลอบฆ่าผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านคนดังกล่าวจนเสียชีวิต


 


ชาวบ้านคนดังกล่าวยังบอกว่า ก่อนหน้านี้ได้ยินข้าราชการฝ่ายปกครองซึ่งเดินทางมาพบ ประชุม พูดคุยถึง "ข่าว"ที่ว่าจะมีการลอบยิงครูในพื้นที่ อ.บันนังสตา และ อ.กรงปินัง จ.ยะลา ในช่วงเวลาเดียวกันเพื่อตอบโต้กรณีครูสอนศาสนาหรืออุสตาซที่ถูกยิงตายใน อ.บันนังสตา ซึ่งฝ่ายผู้ก่อการเชื่อว่า เป็นฝีมือของเจ้าหน้าที่รัฐ


 


เป็นไปได้ว่าข้อมูลชุดดังกล่าวเป็นประเด็นเดียวกันกับที่หนังสือพิมพ์รายวันบางฉบับเสนอข่าวโดยอ้างแหล่งข่าวจากชุดสืบสวนสอบสวนศูนย์ปฏิบัติการสำนักงานตำรวจแห่งชาติส่วนหน้า (ศปก.ตร.สน.) จ.ยะลา ระบุถึงผลการสอบสวนแกนนำแนวร่วมขบวนการก่อความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า มีการเตรียมปฏิบัติ การลอบยิงครูในพื้นที่ อ.บันนังสตา และ อ.กรงปินัง


 


โดยกลุ่มแนวร่วมฯ อ้างเหตุมีคนร้ายลอบยิง "นายฮามะแตยีดิน กลาแต" ครูสอนศาสนาโรงเรียนเจริญศาสตร์ หมู่ 3 บ้านกาสัง ต.ตาเนาะปูเต๊ะ อ.บันนังสตา เสียชีวิต เมื่อวันที่ 29 ม.ค.ศกนี้ และระบุว่า เกิดจากฝีมือเจ้าหน้าที่ของรัฐ


 


รวมถึงการจับกุมนายอิบรอเฮง กาแซ อายุ 29 ปี อุสตาส โรงเรียนตาดีกา หมู่ 3 ต.บัน นังสตา อ.บันนังสตา ทำให้กลุ่มแนวร่วมดังกล่าว วางแผนลอบยิงครูในพื้นที่ 3 คน เป็นการแก้แค้น แต่มาถูกจับเสียก่อน


 


ข้อมูลที่น่าสนใจก็คือ หลังเกิดเหตุยิงครูโรงเรียนบ้านลือมุ ชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงพบใบปลิว 2 ชุด ถูกนำมาวางไว้ใกล้จุดเกิดเหตุ โดยเขียนข้อความว่า


 


"มึงฆ่าอุสตาสบริสุทธิ์ของกู กูฆ่าครูบริสุทธิ์ของมึง"


 


"มึงฆ่าอุสตาสบริสุทธิ์ที่กาสัง กูฆ่า..."


 


ประเด็นเรื่องการทิ้งใบปลิวชี้แจงเหตุผล ถูกตั้งข้อสังเกตในงานวิจัย "ความรุนแรงเชิงโครงสร้างหรือโครงสร้างความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ สถานการณ์ความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ในรอบ 2 ปี (พ.ศ. 2547-2548)" จัดทำโดย ผศ.ดร.ศรีสมภพ จิตร์ภิรมย์ศรี รองคณบดีฝ่ายวิจัยและบริการชุมชน คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี (มอ.ปัตตานี) ว่า


 


"ภายหลังการสังหารกลุ่มผู้ก่อการจะทิ้งใบปลิวหลังสังหารเพื่อแจ้งให้ประชาชนทราบถึงสาเหตุที่ต้องสังหาร และห้ามผู้รู้เห็นแจ้งเบาะแสให้กับเจ้าหน้าที่รัฐด้วย"


 


กรณีการยิงครูดังกล่าว แม้ไม่มีการเตือนอย่างเป็นทางการ มีเพียงชาวบ้านจับสังเกตได้ว่า มีคนแปลกหน้าเข้ามาดูลาดเลาในหมู่บ้านใกล้โรงเรียน แต่หลังจากก่อเหตุแล้ว ผู้ก่อการได้ทิ้งใบ ปลิวเป็นภาษาไทยอธิบายเหตุผลการกระทำ


 


0 0 0


 


แม้เหตุการณ์ยิงครูโรงเรียนบ้านลือมุจะผ่านมากว่า 2 สัปดาห์ แต่บรรยากาศที่ตึงเครียดยังปกคลุมทั่วบริเวณโรงเรียนและชุมชนโดยรอบ ขณะที่เจ้าหน้าที่รัฐต้องเพิ่มกำลังและวางแผนเพื่อป้องกันเหตุร้ายที่ไม่คาดคิด


 


"เมธี กาญจนภูวะ" นายอำเภอกรงปินัง ซึ่งเดินทางไปร่วมประชุมวางแผนรักษาความปลอดภัยกับฝ่ายที่เกี่ยวข้องที่โรงเรียนบ้านลือมุในวันเปิดโรงเรียนวันแรก(14 ก.พ.) กล่าวว่า ในส่วนของอำเภอและสถานีตำรวจกรงปินังและชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน(ชรบ.) ได้ร่วมหารือถึงมาตรการเพิ่มความเข้มในการรักษาความปลอดภัยครู


 


ทั้งนี้ทางการได้ให้ ชรบ. เจ้าหน้าที่ตำรวจและลูกจ้างโครงการเร่งด่วน 4,500 บาท เข้ามาดูแลประจำภายในโรงเรียนร่วมกัน ส่วนการรักษาความปลอดภัยครูระหว่างทางไปกลับก็ดำเนินไปตามแผนรักษาความปลอดภัยที่ได้ประชุมวางแผนร่วมกัน ซึ่งเชื่อว่า จะสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยให้กับบรรดาครูได้เป็นอย่างมาก


"สุรพนธ์ พิทักษ์" ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านลือมุ บอกว่า หลังจากที่ได้พบปะพูดคุยกับทุกฝ่ายในพื้นที่ก็มีความมั่นใจเต็มร้อยในการรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ ทั้งยังได้รับการยืนยันจากผู้ใหญ่บ้านและชาวบ้านในพื้นที่ว่า จะช่วยดูแลโรงเรียนและครู โดยเฉพาะเรื่องอาคารสถานที่ในช่วงเวลากลางคืน


 


ขณะที่พ.ต.ท.วราวุฒิ จันทร์ศิริ รองผกก.หน.สภ.อ.กรงปินัง จ.ยะลา ยืนยันว่า มาตรการในการรักษาความปลอดภัยครูในพื้นที่ อ.กรงปินัง ได้มีการวางแผนเตรียมพร้อมทุกหน่วยในการสนธิกำลังเข้าปฏิบัติหน้าที่


 


นอกจากนั้นยังได้รับความร่วมมือจากชาวบ้านในพื้นที่ ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้านเข้ามาร่วมรักษาความปลอดภัยให้กับโรงเรียนและคณะครู ซึ่งสามารถให้ความมั่นใจในการรักษาความปลอดภัยสำหรับครูทุกคนในพื้นที่

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net