ภาพจาก www.timeintertravel.com

เดอะ สก็อตแมน-22 ก.พ. 2549 ตัวเลขล่าสุดจากคณะกรรมาธิการเพื่อการปฎิรูปและพัฒนาแห่งชาติของจีน ( NDRC) ชี้ปีนี้จีนจะมีผู้ที่ต้องประสบกับการว่างงานถึงกว่า 14 ล้านคน และภาวะวิกฤตการว่างงานเช่นนี้จะดำเนินต่อไปอีกอย่างน้อย 5 ปี

ทาง NDRC ของจีนประเมินว่า ในปีนี้จะมีประชากรที่ต้องการทำงานประมาณ 25 ล้านคน จะต้องแย่งชิงกันเพื่อให้ได้ทำงานซึ่งมีอยู่เพียงประมาณ 11 ล้านตำแหน่งซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ในเมืองชายฝั่งภาคตะวันออกซึ่งเรียกได้ว่าเป็นเขตที่มั่งคั่งที่สุดของจีน

ทั้งนี้ ภาพลักษณ์ในเรื่องของการว่างงานที่เป็นจำนวนมหาศาลในประเทศจีนซึ่งมักจะถูกเรียกว่าโรงงานของโลกนี้ขัดกับภาพของประเทศในแบบที่นักการเมืองตะวันตกพยายามป้ายสีเอาไว้

สมาชิกรัฐสภาของสหรัฐฯกำลังอภิปรายกันอยู่ในประเด็นที่ว่า ควรจะโทษที่จีนได้ควบคุมค่าเงินหยวน และกำลังจะปูทางเพื่อที่จะตอบโต้ทางเศรษฐกิจในรูปแบบของภาษีการส่งออกที่สูงขึ้นหรือไม่ โดยทางสมาชิกรัฐสภาอ้างงว่า จีนพยายามที่จะคงให้ค่าเงินหยวนอ่อน เพื่อที่จะทำให้ผู้ส่งออกจีนได้เปรียบในการแข่งขันในทางการค้ากับสหรัฐฯ

"รัฐบาลจีนนั้นคิดหนักมากที่จะสร้างงานที่จะทำให้เศรษฐกิจแข็งแรงขึ้นในตลอดเวลา 1 ปีที่ยากลำบากยิ่ง" กั๋ว หยู นักวิจัยของกระทรวงแรงงานและสวัสดิการสังคมจีนกล่าว

ดรรชนีประจำปีนี้ เริ่มต้นที่การคาดการเงินเดือนของผู้สำเร็จการศึกษาปริญญาตรีว่าจะตกลงจากเดือนละ ประมาณ 13,700 บาท มาอยู่ที่ 4,800 บาท

นอกจากนั้น จากการที่เปลี่ยนแปลงเข้ามาสู่ระบบเศรษฐกิจการตลาดนั้นก็ส่งผลให้มีโรงงานและบริษัทหลายพันแห่งที่ไม่มีประสิทธิภาพต้องปิดตัวลง คนงานจำนวนหลายล้านที่คุ้นเคยกับระบบการทำงานที่ "มั่นคง" ดุจ "ชามข้าวเหล็ก" ที่ประกันว่าจะมีงานทำไปตลอดชีวิตกลับต้องมาถูกทอดทิ้งให้ดิ้นรนหาทางเอาเอง

ในขณะที่ตัวเลขอย่างเป็นทางการในเรื่องของการว่างงานประมาณการเอาไว้ว่าอยู่ที่ประมาณ 5 เปอร์เซ็นต์ นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ต่างมองว่า ตัวเลขที่เป็นจริงนั้นอย่างน้อยต้องเป็นสองเท่าของตัวเลขของทางการ ในบางชุมชน เช่นในภาคตะวันออกเฉียงเหนือซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นเมืองที่เป็นหัวใจทางด้านอุตสาหกรรมของจีน มีการศึกษาหลายชิ้นพบว่ามีอัตราว่างานสูงที่สุดถึง 40 เปอร์เซ็นต์ เมืองใหญ่ๆของจีนหลายเมืองที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นเมืองต้นแบบแห่งความเสมอภาคของมนุษย์ ทว่า ปัจจุบันกลับกลายเป็นที่อยู่ของกองทัพขอทานขนาดย่อยๆไปเสียแล้ว

ทั้งนี้ จากตัวเลขความว่างงานดังกล่าวที่กำลังเกิดขึ้นอยู่นี้สิ่งที่ทางการจีนหวั่นเกรงมากที่สุดอีกอย่างหนึ่งก็คือ การที่จะมีอาชญากรรมและความไม่สงบในสังคมเพิ่มขึ้น

---------------------------------

ที่มา: http://news.scotsman.com/international.cfm?id=267102006