Skip to main content
sharethis


โดย ฝ่ายวิชาการ ชมรมแพทย์ชนบท

 


รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายพินิจ จารุสมบัติ มาเป็นรัฐมนตรีดูแลเรื่องสุขภาพประชาชนได้ไม่นาน แต่ก็ได้สร้างความฮือฮาไม่น้อย โดยเฉพาะการประกาศนโยบายสาธารณะด้านสุขภาพที่จะลดการสูบบุหรี่และการดื่มเหล้าในสังคมไทย ล่าสุดกระทรวงสาธารณสุขประกาศเดินหน้าจะประกาศให้มีการ "ห้ามการโฆษณาเหล้า สุราหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ โดยเด็ดขาด" โดยเป็นกลวิธีเดียวกับการห้ามการโฆษณาบุหรี่ ซึ่งเป็นกลวิธีที่ได้ผลสูงสุดในการลดการบริโภคยาสูบ และเป็นข้อกำหนดที่บริษัทบุหรี่เกลียดที่สุด


 


กรณีของการห้ามโฆษณาเหล้าสุราโดยเด็ดขาดนั้น หากทำได้จริงสังคมไทยคงจะมีความสุขขึ้นไม่น้อย เพราะเป็นที่ทราบกันดีว่า เหล้าคือต้นเหตุแห่งความรุนแรงในครอบครัว เหล้าคือยมทูตเวลาเมาแล้วขับ เหล้าทำให้คนจนยากจนลงอีกและรุมเร้าด้วยหนี้สิน เหล้าทำให้เจ็บป่วยโรคร้ายถามหาทั้งมะเร็ง ตับอักเสบ ตับแข็ง ซึ่งล้วนรักษาไม่หาย และที่สำคัญเหล้าเป็นเหตุสำคัญในการวิวาททำร้ายร่างกาย และเป็นปฐมบทของการเดินไปสู่สิ่งเสพติดชนิดอื่นๆ


 


แน่นอนว่าการประกาศห้ามการโฆษณาเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์โดยเด็ดขาดนั้น แรงต้านย่อมมีแน่ และจะมีมากด้วย บริษัทเหล้าน้องใหม่หรือบริษัทที่ตลาดยังเล็กก็โอดครวญว่า หากทำเช่นนี้ก็เหมือนการช่วยให้ปลาใหญ่กินปลาเล็ก อุ้มบริษัทเหล้ารายใหญ่ที่ติดตลาดแล้ว เป็นการทำลายรายเล็กให้เฉาตายอย่างแน่นอน  ส่วนธุรกิจรายใหญ่ก็ทำเป็นโวยว่า หากมีการห้ามการโฆษณาธุรกิจจะทรุด  ซึ่งในความเป็นจริงอาจไม่ทรุดลงเลยเพราะกินส่วนแบ่งปลาเล็กเพิ่มขึ้นมาอีก  จะส่งผลต่อตัวเลขเศรษฐกิจของประเทศ การจ้างงานลดลง ธุรกิจต่อเนื่องจะกระทบไปด้วย  


 


กรณีการห้ามโฆษณาเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์นั้น จะทำให้คนไทยดื่มสุราน้อยลงแน่ โดยเฉพาะในระยะยาว เพราะจะทำให้จำนวนนักดื่มรายใหม่ลดลง หรือนักดื่มรายใหม่จะเริ่มดื่มเมื่ออายุมากขึ้น  เป็นสิ่งดีๆแต่ก็แปลกที่ไม่รัฐบาลใดกล้าประกาศจะห้ามการโฆษณาเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์โดยเด็ดขาด จนวันนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขนายพินิจ จารุสมบัติ ได้แสดงความกล้าหาญประกาศผลักดันนโยบายที่สำคัญในการควบคุมการบริโภคสุรา  แต่ดูเหมือนว่าการตอบรับจากรัฐบาลเองยังแผ่วเบา


ในปัจจุบันท่ามกลางการลงทุนโฆษณาทางโทรทัศน์อย่างหนักซึ่งนับเป็นต้นทุนมหาศาล เบียร์สิงสาราสัตว์ยังราคาถูกเพียง 3 ขวดร้อย และมีแนวโน้มว่าเมื่อห้ามโฆษณาเหล้า ราคาของเหล้าเบียร์จะถูกลง เจ้าของโรงเหล้าจะยอมลดกำไรที่มหาศาลลงไปบ้าง เพื่อเพิ่มยอดขายเพิ่มยอดการบริโภค เบียร์สิงห์สาราสัตว์อาจจะ 4 ขวดร้อยหรือ 5 ขวดร้อยก็ได้ แต่นั่นคงไม่ใช่เหตุผลที่จะยกเลิกการห้ามโฆษณาเหล้าเบียร์ในทุกรูปแบบ


 


หากกระทรวงการคลังจะสร้างนโยบาย " การคลังเพื่อสังคม " ให้เป็นจริงแล้ว รัฐบาลก็ควรมีความจริงจังในการลดการบริโภคเหล้าอย่างเต็มกำลังความสามารถ กำหนดนโยบายสาธารณะเพื่อสุขภาพที่จริงจังและสอดประสานให้เกิดสัมฤทธิ์ผลอย่างแท้จริง  ด้วยการขึ้นภาษีเหล้า เบียร์ เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์อีกเป็นเท่าตัว ควบคู่กับการห้ามการโฆษณาเหล้าเบียร์ในทุกรูปแบบด้วย  เพื่อให้เหล้าเบียร์มีราคาแพง แพงจนต้องซื้อมาดื่มให้น้อยลงเพราะเงินในกระเป๋ามีจำกัด เชื่อว่าด้วย 2 มาตรการนี้ที่แข็งขัน จะลดการดื่มเหล้าดื่มเบียร์ของคนไทยลงได้อย่างแน่นอน


 


ภาษีสุราที่เก็บได้ ก็ไม่ต้องเอาไปไหน ควรจะจ่ายกลับเข้ามาในระบบสุขภาพ ไม่ว่าเข้ากองทุน สสส. หรือจ่ายล้างหนี้ให้กับโรงพยาบาลที่ขาดทุนจาการดำเนินโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค เพราะส่วนหนึ่งที่เป็นภาระใหญ่ของโครงการ 30 บาทก็เป็นผลพวงจากดื่มเหล้านั่นเอง ไม่ว่าโรคตับแข็ง ตับอักเสบ การบาดเจ็บจากการทำร้ายร่างกาย อุบัติเหตุจราจร รวมทั้งโรคมะเร็ง  ซึ่งล้วนแต่เป็นภาระค่าใช้จ่ายสูงในการดูแลรักษาอย่างเรื้อรังทั้งสิ้น


 


วันนี้รัฐบาลทักษิณ ชินวัตร กำลังอยู่ในขาลงอย่างชัดเจน ทำอะไรก็ถูกตั้งคำถาม ถูกตั้งข้อสงสัยว่ามีวาระซ่อนเร้นหรือไม่  แต่หากรัฐบาลจะดำเนินการสั่งห้ามการโฆษณาเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ทุกรูปแบบโดยสิ้นเชิงแล้ว เชื่อว่าไร้คำครหาแน่ และอาจมีส่วนช่วยสร้างศรัทธาให้กับประชาชนได้มากขึ้น ทำให้ประชาชนเห็นว่า แม้รัฐบาลจะขาลงและมากมายม็อบมาขับไล่ แต่ก็ยังสามารถกำหนดนโยบายดีๆออกมาสร้างสรรค์สังคมไทยได้


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net