ปัญหาทุจริตลำไย จัดเป็นคดีฉาวและเป็นข่าวดังระดับประเทศในช่วงที่ผ่านมา ผู้เกี่ยวข้องและเป็นหัวขบวนพัวพันกับการทุจริตเป็นบุคคลระดับบิ๊กในพื้นที่ภาคเหนือ ก่อนหน้านี้ตำรวจได้ขึ้นบัญชีดำกับผู้ที่เกี่ยวข้องจำนวน 7 รายให้ทางสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ตรวจสอบที่มาที่ไปของเงิน รวมทั้งตรวจสอบการจ่ายภาษี สำหรับรายชื่อผู้ถูกขึ้นบัญชีดำทั้ง 7 ราย ประกอบด้วย นาง
ล่าสุด เมื่อวันที่ 7 มี.ค.ที่ผ่านมา พล.ต.อ.
พื้นที่สำคัญมุ่งไปที่จังหวัดลำพูน เป้าหมายหลักคือ บริษัท พิสิฐอุตสาหกรรม จำกัด ตำบลบ้านกลาง อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน และโรงงานไม้อัดลำพูน ตำบลเวียงยอง อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน ของ "โกเก๊า" หรือนาย
นอกจากพื้นที่เป้าหมาย 2 แห่งคือ บริษัท พิสิฐอุตสาหกรรม จำกัด และโรงงานไม้อัดลำพูน แล้ว อีกพื้นที่สำคัญคือบ้านภรรยาและเครือญาติ รวมทั้งเครือข่ายจุดรับซื้อที่มีทั้งนักธุรกิจและสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน ซึ่งส่วนใหญ่พบว่ามีการเคลื่อนย้ายทรัพย์สินไปแล้วบางส่วน โดยเจ้าหน้าที่ได้อายัดตรวจยึดและรวบรวมทรัพย์สินไปเก็บไว้ที่สำนักงานกองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 5 เพื่อสรุปมูลค่าทรัพย์สิน
ขณะที่นายประเสริฐ ยังคงให้การปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นคู่สัญญาซื้อขายลำไยในปี 2547 และพร้อมยืนยันจะต่อสู้ทางกฎหมายจนถึงที่สุด
ทั้งนี้ สำหรับการดำเนินคดีต่อผู้กระทำความผิดคดีทุจริตลำไยปี 2547 พบว่าดำเนินคดีไปแล้วทั้งสิ้น 3,710 คดี แยกเป็นคดีฉ้อโกงและความผิดเกี่ยวกับเอกสารจำนวน 1,368 คดี คดีแจ้งความเท็จจำนวน 2,284 คดี และคดีอื่นๆ อีก 58 คดี สำหรับในส่วนของคดีนี้จากการสอบสวนเกษตรกรพบว่าไม่มีการขายลำไยจริง โดยมีนายประเสริฐเป็นหัวหน้ากลุ่ม และมีสมาชิกองค์การบริหารส่วนจังหวัดลำพูน และผู้ประกอบการหน่วยรับซื้อในเครือข่ายเป็นผู้ร่วมดำเนินการ
สำหรับกระบวนการกระทำความผิดเริ่มตั้งแต่การขึ้นทะเบียนเกษตรกร ( ลย.1) เท็จ โดยจัดลูกน้องและบริวารออกรวบรวมบัตรประจำตัวประชาชนจากเกษตรกรและชาวบ้านในเขตอำเภอลี้ และอำเภอทุ่งหัวช้าง จังหวัดลำพูน ไปจัดทำแบบขึ้นทะเบียน ลย.1 เท็จ ด้วยความร่วมมือของเจ้าหน้าที่เกษตรกรประจำตำบลประจำสำนักงานเกษตรอำเภอลี้ แล้วให้เกษตรกรไปเปิดบัญชีธนาคารและทำบัตรเอทีเอ็มมามอบให้กับกลุ่มผู้ดำเนินการ
หลังจากนั้นได้นำเอาแบบขึ้นทะเบียน ลย.1 อันเป็นเท็จไปทำหลักฐานการซื้อขายและส่งมอบลำไย(อ.ต.ก.สพ.01) ที่หน่วยรับซื้อในเครือข่ายทั้ง 20 หน่วย โดยไม่มีการส่งมอบลำไยจริง หรือ " ลำไยลม" ด้วยความร่วมมือของพนักงาน อ.ต.ก.ประจำหน่วยรับซื้อ และได้รับเช็คค่าลำไยสดจากพนักงาน อ.ต.ก.ทั้งสิ้นจำนวนประมาณ 4,900 ฉบับ เป็นเงินทั้งสิ้นจำนวน 195,791,588 บาท นำไปเข้าบัญชีธนาคารในนามเกษตรกรแล้วใช้บัตรเอทีเอ็มที่ทำไว้ไปถอนเงินสดออกมาใช้ประโยชน์ส่วนตัว บางกรณีจะนำเช็คไปเข้าบัญชีของเครือญาติหรือบริวารของนายประเสริฐ แล้วถอนเงินไปใช้ประโยชน์ส่วนตัว
ด้าน พ.ต.อ.
สำหรับเครือข่ายทุจริตลำไยปี 2547 กลุ่มนี้มีผู้เกี่ยวข้องที่ถูกกล่าวหาในคดีรวม 150 คน นำโดย นาย
ทั้งนี้ ได้มีการแจ้งข้อกล่าวหาผู้ร่วมขบวนการทั้งหมด ในคดีแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงานและแจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการ ( ขึ้นทะเบียน ลย.1), ปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอม และใช้หรืออ้างเอกสารราชการที่แจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จ(แบบ ลย.1), ฉ้อโกง(เงินค่าลำไย), ปลอมเอกสารสิทธิและใช้เอกสารสิทธิปลอม(แบบ อตก.สพ.01),
เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใดหรือปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ( เจ้าหน้าที่กระทรวงเกษตรฯ), เป็นพนักงานองค์กรของรัฐมีหน้าที่ซื้อหรือจัดการทรัพย์สินใช้อำนาจในหน้าที่โดยทุจริต อันเป็นการเสียหายแก่องค์กรของรัฐและเป็นพนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต (พนักงาน อ.ต.ก.ประจำหน่วย) และเป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานและพนักงานกระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่
******************