Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis


ภาควิชาศิลปะไทย  คณะวิจิตรศิลป์  มหาวิทยาลัยเชียงใหม่  ก่อตั้งขึ้นมาเป็นเวลาร่วม 23 ปี  ตั้งปี 2526  มีบทบาทโดดเด่นด้านการฟื้นฟูศิลปวัฒนธรรมล้านนา  ทั้งในด้านของการอนุรักษ์ขนบธรรมเนียมดั้งเดิม  และการสร้างสรรค์ขึ้นมาใหม่ในรูปแบบศิลปะร่วมสมัย


.วิถี  พานิชพันธ์  คือผู้ที่ผลักดันให้มีการจัดตั้งภาควิชาศิลปะไทยขึ้นเมื่อ 20 กว่าปีก่อน


และเนื่องในโอกาสที่ อ.วิถี  อายุครบ 5 รอบ  กลุ่ม"หน่อศิลป์"  ซึ่งเป็นศิษย์เก่าจากภาควิชาศิลปะไทย  จึงได้ร่วมกันจัดนิทรรศการ  "วิถีจากวิถี  :  มรรคาแห่งวัฒนธรรม"  เพื่อเชิดชูเกียรติให้แก่ อ.วิถี 


ศิษย์เก่าที่ได้รับถ่ายทอดแนวความคิดไปจาก อ.วิถี  เหล่านี้  ออกไปสร้างสรรค์ผลงานด้านศิลปวัฒนธรรมอย่างมากมาย  และได้รับการตอบสนองจากสังคมอย่างกว้างขวาง  เช่น  ด้านงานประเพณี  "ประเพณีสลุงหลวง  จังหวัดลำปาง"  ซึ่งมีความโดดเด่นด้านการนำเสนอด้วยรูปแบบริ้วขบวน  หรือในด้านการแสดงนาฏศิลป์  อย่างการฟ้อนเทวดา  ฟ้อนปิติ  ฟ้อนถวายมือ  ฟ้อนผางประทีปพม่า  เป็นต้น  ซึ่งเป็นการแสดงที่ประดิษฐ์ขึ้นใหม่บนพื้นฐานความดีงามอย่างเดิม


นอกจากนั้นในส่วนของงานดนตรีล้านนาร่วมสมัย  วง"ช้างสะตน"  ซึ่งเป็นศิษย์จากภาควิชาศิลปะไทยเช่นกัน  ก็ได้รับความนิยม  และเป็นที่ยอมรับทั้งระดับภูมิภาคและระดับสากล


การแสดงออกพร้อมทั้งการส่งเสริมให้ลูกศิษย์  เป็นผู้นำเสนอต่อสาธารณชน  โดย อ.วิถี  พานิชพันธ์  เป็นไปอย่างสอดคล้องกับยุคสมัย  จะเห็นได้ว่าในปัจจุบัน  ได้ปรากฏบทบาทและหน้าที่ด้านการจัดกิจกรรมทางวัฒนธรรมที่แพร่หลายทั้งภาครัฐและเอกชน  องค์กรหลายแห่งมีการจัดการชุมชน  ศิลปกรรม  และวัฒนธรรมชุมชน  เพื่อสร้างเสริมภาพลักษณ์ของท้องถิ่น  และหลายแห่งมีบัณฑิตจากภาควิชาศิลปะไทยเข้าไปมีส่วนร่วม


ปรากฏการณ์ทางด้านศิลปวัฒนธรรมเหล่านี้  มีผู้ตั้งข้อสังเกตและให้คำนิยามเอาไว้ว่าเป็น  "กระแสนีโอล้านนา"  ซึ่งไม่ใช่การกลับมาของรากเหง้า  แต่เป็นการสร้างสรรค์ต่อยอดมาจากรากที่มีอยู่  ไม่ใช่การทำขึ้นมาลอยๆ  และ อ.วิถี  คือผู้มีส่วนสำคัญในการทำให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น 


รศ.ดร.สมพงษ์  วิทยศักดิ์พันธุ์  หัวหน้าภาควิชาภาษาไทย  คณะมนุษยศาสตร์  มหาวิทยาลัยเชียงใหม่  ในฐานะมิตรสหายที่รู้จักกันมายาวนาน  กล่าวถึงชีวิตและการทำงานของ อ.วิถี ว่า  ในยุคแรกๆของชีวิตการทำงานในฐานะอาจารย์มหาวิทยาลัย  ชีวิต อ.วิถี อาจแบ่งได้เป็นสองภาค  โดยภาคหนึ่งเป็นช่วงเวลาของการสอนหนังสือ  ส่วนอีกภาคหนึ่งเป็นช่วงเวลาของการแสวงหา  เป็นการออกไปสัมผัสกับธรรมชาติ  ออกไปสัมผัสกับศิลปวัฒนธรรมท้องถิ่น  โดยจะสะพายกล้องถ่ายภาพไปด้วย  โดยถ่ายเป็นภาพสไลด์  และนำมาล้างดู  และอธิบายภาพนั้นซ้ำอีกที  ซึ่งทำให้ อ.วิถี มีความซาบซึ้ง  และมองเห็นแง่มุมต่างๆจากภาพเหล่านั้น


ยุคต่อจากนั้นเป็นช่วงเวลาของการสร้างฐาน  โดย อ.วิถี ใช้เวลาไม่กี่ปีในการสร้างฐานของศิลปะไทยขึ้นมา  ซึ่งถูกตั้งคำถามขึ้นมาว่าเป็นศิลปะไทยจริงหรือ  โดยหากภาควิชาศิลปะไทยไม่มี อ.วิถี อยู่  ศิลปะไทยอาจอยู่ในรูปแบบของศิลปะไทยเดิม  แต่ด้วยมุมมองที่ต่างจากคนอื่น  ศิลปะไทยที่เป็นอยู่ในตอนนี้  จึงเป็นศิลปะไทยที่ประกอบด้วยวิญญาณของ อ.วิถี  อย่างเห็นได้ชัด  สิ่งที่น่าสนใจคือการมองด้วยมุมมองที่แตกต่าง  ผสมผสานกับรากเหง้าของความเป็นคนล้านนา  และการเข้าไปเรียนรู้และสัมผัสด้วยตัวเอง  ทดลองด้วยตัวเอง  และพยายามจะสร้างสรรค์สิ่งที่ตัวเองเห็นว่าดีงามขึ้นมา


แต่ที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์เด่นชัดขึ้นมา  เกิดขึ้นในยุคของการสร้างศิษย์  ในช่วงเวลาที่โลกาภิวัฒน์ยังไม่เข้ามามากเท่านี้  ช่วงเวลาที่เชียงใหม่ยังไม่บูมเท่านี้  การสร้างสีสันด้านศิลปวัฒนธรรมโดยลูกศิษย์ลูกหาที่แพร่กระจายออกไป  สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับสังคมในวงกว้าง  สิ่งที่ อ.วิถี ทำคือการเพาะเมล็ดพันธุ์เหล่านั้น  ให้แพร่กระจายออกไป


สิ่งที่ อ.วิถีสร้างขึ้นมานั้น  ไม่ได้สร้างขึ้นมาลอยๆ  แต่ใช้เวลานับสิบๆปี  ในการลงไปคลุกคลีอยู่กับสิ่งเหล่านี้  ได้รู้จักศิลปะ  ได้รู้จักชีวิตผู้คน  จนสามารถที่จะอธิบายได้ว่าสิ่งเหล่านั้นคืออะไร 


การที่จะสร้างสรรค์สิ่งใหม่ขึ้นมานั้น  สิ่งสำคัญที่สุดคือการมีพื้นฐานที่ดี  จึงจะสามารถสร้างสรรค์สิ่งที่ดีขึ้นมาได้  และนั่นคือสิ่งที่ อ.วิถี  พานิชพันธ์  ทำมาตลอดชีวิต

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net