ด้วยสถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบันที่รักษาการนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร ซึ่งหมดความชอบธรรมทางการเมืองในการปกครองประเทศไทยในฐานะนายกรัฐมนตรีไปแล้ว แต่ยังพยายามรักษาสถานภาพมาได้อย่างสะบักสะบอมจนมาใกล้ถึงวันเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 2 เมษายน 2549

แม้ชมรมแพทย์ชนบทจะไม่เห็นด้วยกับการจัดการเลือกตั้งทั่วไปในครั้งนี้ เพราะนอกจากจะเป็นการเลือกตั้งที่สูญเสียงบประมาณกว่า 2,500 ล้านบาทโดยเปล่าประโยชน์แล้ว ยังไม่สามารถแก้วิกฤตการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นได้ กลับจะยิ่งทำให้การเมืองไทยเข้าสู่ทางตันที่มิอาจหลีกเลี่ยงได้ เพราะไม่มีทางที่จะได้ ส.ส.ในสภาผู้แทนราษฎรครบ 500 คน อีกทั้งเป็นสภาผู้แทนราษฎรที่ไม่ได้รับการยอมรับจากสังคม ไม่สามารถนำไปสู่การสร้างกระบวนการปฏิรูปการเมืองครั้งที่ 2 ที่โปร่งใส ชอบธรรม และได้รับการยอมรับได้

งบประมาณในการจัดการเลือกตั้งครั้งนี้ หากนำไปใช้แก้ปัญหาหนี้สินของโรงพยาบาลชุมชน อันเนื่องมาจากการจัดบริการตามนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค ยังจะเป็นประโยชน์แก่ประชาชนคนไทยได้อย่างมหาศาล

อย่างไรก็ตาม เมื่อมีแนวโน้มว่าจะยังคงมีการจัดการเลือกตั้งทั่วไปขึ้นทางกลางวิกฤตนั้น ทางชมรมแพทย์ชนบท เห็นว่า ภายใต้วิกฤตการเลือกตั้งที่สิ้นเปลืองงบประมาณโดยสูญเปล่าในครั้งนี้ ภาคประชาสังคมต้องร่วมกันใช้การเลือกตั้งในครั้งนี้ให้เป็นประโยชน์มากที่สุด ด้วยการใช้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นเครื่องมือในการแสดงประชามติไม่ยอมรับการนำประเทศไทยของพรรคไทยรักไทย และการนำของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ด้วยการร่วมกันลงคะแนนในช่อง " ไม่ประสงค์เลือกผู้สมัครคนใด " เพื่อเป็นการแสดงประชามติว่า " สังคมไทย ไม่ต้องการระบอบทักษิณ "

และชมรมแพทย์ชนบทขอเรียกร้องต่อโรงพยาบาลชุมชนทั้ง 726 แห่ง ให้ร่วมกันใช้ช่วงเวลาอันสำคัญก่อนที่จะมีการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 2 เมษายน นี้ รณรงค์ ทำความเข้าใจแก่พี่น้องประชาชนในชนบท ให้ร่วมกันออกไปใช้สิทธิลงคะแนนในช่อง " ไม่ประสงค์เลือกผู้สมัครคนใด " เพื่อสั่งสอนให้ผู้ปกครองที่ฉ้อฉล ได้ตระหนักถึงพลังของประชาชน ว่า ขณะนี้เขาได้พ่ายแพ้ทั้งการเมืองภาคประชาชนนอกสภา และพ่ายแพ้ทั้งการเมืองในระบบการเลือกตั้งอย่างหมดรูป เพื่อนำมาสู่กระบวนการจัดตั้งรัฐบาลพระราชทานตามบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญมาตรา 7 และเปิดทางสู่การปฏิรูปการเมืองครั้งที่ 2 ต่อไป