Skip to main content
sharethis


ประชาไท - 8 มี.ค.49  วานนี้ (7 มี.ค.) คณะรัฐมนตรี (ครม.)เห็นชอบกรณีที่ กกต. เสนอของบประมาณสนับสนุนการเลือกตั้งทั่วไปที่จะมีขึ้นในวันที่ 2 เม.ย.2549 รวมวงเงินราว 2,100 ล้านบาท โดยจะจ่ายจากงบกลางในรายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นประจำปีงบประมาณ 2549   

 


ทั้งนี้ นายดนุพร ปุณณกันต์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ได้เน้นย้ำในที่ประชุมครม.ให้มีการการรณรงค์ให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้ง และให้กระทรวง ทบวง กรม ข้าราชการ และรัฐวิสาหกิจในสังกัดต่างๆ ตลอดจนองค์กรของรัฐในสังกัดทุกประเภททั้งส่วนกลาง ภูมิภาค ท้องถิ่นวางตัวเป็นกลาง และดูแลการเลือกตั้งให้เป็นไปอย่างบริสุทธิ์ ยุติธรรมทุกขั้นตอน


 


ขณะที่ยอดไปรษณียบัตรสนับสนุนรัฐบาลนั้น มีเข้ามากว่า 4.9 ล้านใบ  โดยนายรัฐมนตรีได้ขอร้องให้สื่อมวลชนนำเสนอข้อมูลอย่างตรงไปตรงมา


 


ส่วนที่พรรคประชาธิปัตย์ ได้มีการประชุมคณะกรรมการร่วม 3 พรรคการเมืองเข้าร่วมหารือด้วย อาทิ นายพิเชษฐ พันธวิชาติกุล กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ นายสมศักดิ์ ปริศนานันทนกุล นายนิกร จำนง รองหัวหน้าพรรคชาติไทย พล.ต.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ เลขาธิการพรรคมหาชน นางสาวอินทิรา นาทองบ่อ โฆษกพรรคมหาชน


 


นายจุรินทร์แถลงภายหลังการประชุมว่า ได้มีการหารือถึงการดำเนินงานของทั้ง 3 พรรคโดยจะทำกิจกรรมร่วมกันของหัวหน้าพรรคทั้ง 3 พรรคโดยจะจัดให้มีการพบปะประชาชนเพื่อชี้แจงข้อสงสัยและเหตุการณ์ต่างๆ และการไม่ส่งผู้สมัครลงเลือกตั้ง อีกทั้งพรรคยังเรียกร้องให้คณะกรรมการเลือกตั้ง (กกต.) และพีเน็ตติดตามการเลือกตั้งอย่างใกล้ชิดแม้จะมีการส่งผู้สมัครเพียงพรรคเดียวก็อาจจะมีการโกงการเลือกตั้งเพื่อให้คะแนนเสียงถึง 20 เปอร์เซ็นต์ เรื่องนี้กกต.ไม่ควรปล่อยปะละเลย


         


นายจุรินทร์กล่าวว่า นอกจากนี้ยังได้แสดงความเห็นทางการเมืองที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบันทั้งหมด 4 ประการคือ 1. ตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบันยังไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจนในเรื่องของการขายหุ้น 7.3 หมื่นล้านบาทโดยไม่เสียภาษี รวมถึงจริยธรรมของนายกฯ 2. การต่อต้านนายกฯ ขยายวงมากขึ้นไปทุกกลุ่มและมีเสียงเรียกร้องให้นายกฯออกจากตำแหน่งมากขึ้นทุกวัน 3.พฤติกรรมของนายกฯ ที่ออกมาตรงกันข้ามกับผู้นำที่มีจริยธรรมที่ต้องเรียกร้องให้ได้มาซึ่งความสมัครสมาน สามัคคีของคนในชาติ 4. ขอเตือนนายกฯ ว่าต้องไม่พยายามทำจะส่งสัญญาณยั่วยุใด ๆ เพื่อความรุนแรง ไม่เช่นนั้นนายกฯ แม้จะรักษาการก็ตามต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมา


         


ขณะที่นายยงยุทธ ติยะไพรัช รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) กล่าวภายหลังการประชุม ครม. ว่า ตนเองและข้าราชากรกระทรวงทรัพยากรฯ จะเดินสายชี้แจงประชาชนนอกเวลาราชการเกี่ยวกับข้อมูลที่ถูกนายสนธิ ลิ้มทองกุลและกลุ่มพันธมิตรบิดเบือน หากประชาชนกลุ่มใดสนใจอยากจะรับฟังคำชี้แจงให้โทรศัพท์มาได้ที่ 1310 ได้ทุก


         


นายยงยุทธกล่าวด้วยว่า การที่กล่าวหากันว่ารัฐบาลแทรกแซงสื่อ โดยเฉพาะตามที่กลุ่มของนายสนธิ และพวกกล่าวหานั้น เป็นแผนเชิงจิตวิทยาของเขา เพื่อต้องการทำให้สื่อจำเป็นต้องนำเสนอข่าวของทางกลุ่มพวกเขามากกว่า โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบดูข่าวสารจากสื่อมวลชนในรอบ 3 เดือนที่ผ่านมา จะเห็นว่าคอลัมนิสต์ 70-80% เขียนบทความเป็นปรปักษ์กับรัฐบาลอย่างยิ่ง หรือแม้แต่สื่อโทรทัศน์ก็เช่นกัน โดยเฉพาะช่อง 7 ที่นำเสนอภาพความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ชุมนุมที่ท้องสนามหลวงเมื่อวานนี้ (6 มี.ค.) เป็นการนำเสนอเป็นภาพเล็กๆ แทรกไปกลับละคร เพื่อให้เห็นความเคลื่อนไหวของกลุ่มนายสนธิและพวก ทำให้รัฐบาลถูกชี้หน้าว่าเป็นคนทำดีก็กลายเป็นคนชั่วไป จนต้องนำการทำลายระบอบประชาธิปไตยมาใช้เพื่อให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ลาออก


         


ขณะที่ วานนี้ (6 มี.ค.) นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เลขาธิการสำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี กล่าวย้ำว่า ทางรัฐบาลต้องการขอให้ข้าราชการ ระดับสูงทุกกระทรวง เช่น ปลัดกระทรวงต่างๆ ต้องวางตัวเป็นกลางทางการเมือง ไม่ว่าพรรคการเมืองใดเข้ามา ข้าราชการประจำต้องปฏิบัติหน้าที่ให้เป็นไปตามกฎหมายระเบียบ แต่หากสิ่งใดที่ขัดต่อกฎหมายเป็นหน้าที่ที่ต้องทักท้วง


         


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net