ประชาไท—25 มี.ค. 2549 พรรคประชาธิปัตย์ปราศรัยใหญ่ที่สนามหลวง ท่ามกลางประชาชนประมาณ 30,000 คน อภิสิทธิ์แจงถึงจะมี19 ล้านเสียง แต่ก็หลีกเลี่ยงการตรวจสอบไม่ได้ ระบุทางออก 3 แนวทางเรียกร้องคณะรัฐมนตรีออกยกชุด เปิดทางพระราชทานคณะรัฐมนตรี หลังปราศรัยจบ ผู้ฟังเดินทางไปสมทบพันธมิตรฯ

การปราศรัยใหญ่ของพรรคประชาธิปัตย์วานนี้ (24 มี.ค.) มุ่งประเด็นไปที่การโจมตี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ขึ้นปราศรัยว่า แม้รัฐบาลไทยรักไทยจะมีคะแนนเสียงกว่า 19 ล้านเสียง ก็ไม่ได้หมายความว่าจะสามารถหลีกเลี่ยงการตรวจสอบ การยุบสภาแล้วบอกว่าให้ประชาชนตัดสินนั้นไม่ใช่เรื่องที่ประชาชนจะทำหน้าที่ตัดสิน แต่ต้องเป็นองค์กรที่มีหน้าที่ตรวจสอบตามรัฐธรรมนูญเป็นผู้ตัดสิน ซึ่งก็คือ ศาลรัฐธรรมนูญ แต่ระบอบทักษิณก็ได้ทำลายองค์กรอิสระต่าง ๆ หมดแล้ว

นายอภิสิทธิ์ยังเท้าความถึงกรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณ ต้องคดีซุกหุ้น ภาค 1 ว่า วันที่ศาลรัฐธรรมนูญต้องตัดสินคดีซุกหุ้นมีประชาชนจำนวนมากไปปิดล้อมศาลรัฐธรรมนูญ วันนั้น พ.ต.ท. ทักษิณไม่ได้พูดเรื่องการใช้กฎหมู่อยู่เหนือกฎหมาย นายอภิสิทธิ์กล่าวต่อไปด้วยว่า ได้ฟังจากตุลาการคนหนึ่ง เปิดเผยว่าพ.ต.ท. ทักษิณ และญาติวิ่งเต้นจริง เสนอประโยชน์ให้กับตุลาการศาลรัฐธรรมนูญหลายรูปแบบ เห็นได้ว่าศาลรัฐธรรมนูญนั้นถูกแทรกแซงและไม่สามารถสร้างความเชื่อมั่นว่าจะตัดสินคดีอย่างตรงไปตรงมาและเป็นธรรมได้

ทั้งนี้ ก่อนหน้าการปราศรัย นายกอรปศักดิ์ สภาวสุ กรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ได้เปิดเผยถึงข้อเสนอทางออกประเทศไทยในนามพรรคประชาธิปัตย์ 3 แนวทางคือ

1. พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี นำคณะรัฐมนตรีกราบบังคมทูล ขอพึ่งพระบารมีในฐานะพสกนิกรชาวไทย เพื่อขอพระราชทานนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลใหม่ ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญมาตรา 7

2. ขอให้นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลตามข้อ 2.1. เร่งดำเนินการฟื้นฟูเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญโดย 2.1 เปิดโอกาสให้ พ.ต.ท.ทักษิณ พิสูจน์ข้อเท็จจริงในข้อกล่าวหาทั้งปวง เกี่ยวกับการใช้อำนาจหน้าที่ในฐานะนายกรัฐมนตรี โดยการไต่สวนหาข้อเท็จจริงที่เป็นกลางและเปิดเผย

2.2 สร้างความมั่นใจในความบริสุทธิ์ ยุติธรรม ของการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นต่อไป โดยแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับคณะกรรมการการเลือกตั้งที่มีอยู่ในปัจจุบัน

และ 3. กำหนดแนวทางที่ชัดเจนในการปฏิรูปทางการเมือง โดยให้พรรคการเมืองยอมรับการดำเนินการดังกล่าว ซึ่งนำโดยบุคคลที่เป็นกลาง และเปิดให้ประชาชนมีส่วนร่วม เรียกร้องให้พ.ตท.ทักษิณ ชินวัตร และคณะรัฐมนตรี ลาออก จากนั้นมีการตั้งคระรัฐมนตรีชุดใหม่ และมีการตั้งคณะกรรมการการเลือกตั้งชุดใหม่

โดยนายกอรปศักดิ์ กล่าวว่า สาเหตุที่พรรคประชาธิปัตย์เรียกร้องเช่นนี้ เพื่อไม่ให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวต้องทรงลำบากพระทัยจากการที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยเรียกร้องนายกฯ พระราชทาน

"เรามองว่า สิ่งที่พันธมิตรดำเนินการ คือ การไปบีบให้พระองค์ท่านตัดสินใจ เราจึงอยากจะขอร้อง พ.ต.ท.ทักษิณ ว่าอย่าทำให้พระองค์ท่านลำบากพระทัยมากไปกว่านี้

"โดยข้อเสนอของเราคือ ขอให้ พ.ต.ท.ทักษิณ และคณะรัฐมนตรี (ครม.)ถอยหลังออกไป ซึ่งไม่เกี่ยวกับกระเด็นข้อเรียกร้องกรณี กฟผ.(การไฟฟ้าฝ่ายผลิต) แล้วพิสูจน์ตัวเองด้วยวิธีใดก็ตาม แล้วก็ตั้ง ครม.ชุดใหม่ นอกจากนี้ก็ต้องดำเนินการเปลี่ยนคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ชุดใหม่

"ซึ่งเราอยากให้ทุกพรรคการเมือง ยอมรับแนวทางที่เราเสนอ ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ รวมทั้งพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ก็น่าจะยอมรับได้ เพราะเราไม่เคยออกมาไล่ให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ออกไป แล้วไม่ให้กลับมาอีก วันนี้เราแค่ขอให้นายกฯ และครม.ถอยออกไป เพื่อไม่ให้กลุ่มพันธมิตรประชาชนฯ กดดัน ในหลวง ไม่เช่นนั้นการเลือกตั้งก็จะทำไม่ได้ แม้ว่าจะมีการขยายเวลาออกไปอีกก็ตาม

"สิ่งที่เราพยายามทำ คือ ปลดล็อกการเผชิญหน้า และหาทางยอมรับข้อเสนอของเราได้ โดยนายกฯ และครม.ถอยออกไป ให้มี ครม.ชุดใหม่ มีกกต.ชุดใหม่ ประชาธิปัตย์ก็พร้อมที่จะกลับเข้าสู่ระบบเลือกตั้ง"

ภายหลังจากที่พรรคประชาธิปัตย์เสร็จสิ้นการปราศรัยเมื่อเวลาประมาณ 1.30 น. ประชาชนส่วนหนึ่งที่เดินทางมาฟังการปราศรัยของพรรคประชาธิปัตย์ได้เดินขบวนต้อไปยังสะพานมัฆวานรังสรรค์ เพื่อสมทบกับผู้ชุมนุมของเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยโดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจอำนวยความสะดวกด้านการจราจร

ที่มา: เรียบเรียงจากเว็บไซต์ผู้จัดการและกรุงเทพธุรกิจ