นาย
สำหรับเนื้อหารายงานต่อคณะรัฐมนตรีครั้งนี้ ปรากฏตามหนังสือรายงานการฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยธรณีพิบัติเกาะพีพี ถึงเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ที่ นร 0100.17/1234 ลงวันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2549 ลงนามโดยนาย
1. การก่อสร้างบ้านพักถาวรให้แก่ผู้ประสบภัย 216 หลัง มูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย จะก่อสร้างให้ โดยแยกเป็น 2 กรณี คือ กรณีสร้างบ้านบนที่ดินของตนเอง 50 หลัง ให้มูลนิธิศุภนิมิตฯ จัดส่งแผนที่ก่อสร้างให้องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน (อพท.) ตรวจสอบว่า อยู่ในระยะถอยร่น หรือเส้นทางเพื่อความปลอดภัย และส่งแบบบ้านให้องค์การบริหารส่วนตำบลอ่าวนาง และสำนักงานโยธาธิการและผังเมือง จังหวัดกระบี่ตรวจสอบ หากที่ดินราษฎรรายใดไม่ขัดกับแบบขององค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ก็ให้มูลนิธิศุภนิมิตดำเนินการก่อสร้างได้เลย ส่วนกรณีไม่มีที่ดินเป็นของตนเอง จำนวน 166 หลัง ให้ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ ร่วมกับกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธืช สำรวจและขอใช้ที่ดิน
2. การก่อสร้างท่าเทียบเรือเกาะพีพี วงเงินงบประมาณ 138 ล้านบาท ได้มอบให้กรมการขนส่งทางน้ำและพาณิชยนาวี รับไปศึกษาออกแบบและทบทวนการก่อสร้างท่าเทียบเรือเกาะพีพี ตามความเห็นของสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยเร่งรัดให้นำเสนอต่อที่ประชุมผู้ชำนาญการ และคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติโดยด่วน
3. การก่อสร้างโรงพยาบาลเกาะพีพี ให้ดำเนินการก่อสร้างและซ่อมแซมโรงพยาบาล ในสถานที่เดิมตามที่ได้รับงบประมาณ สำหรับโรงพยาบาลแห่งใหม่ ให้ดำเนินการในภายหลังต่อไป
4. การก่อสร้างโรงเรียน เห็นชอบให้มีการปรับเปลี่ยนแผนผังการก่อสร้างโรงเรียนใหม่ โดยมอบให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษากระบี่ ประสานงานกับกดรมโยธาธิการและผังเมือง ในเรื่องสถานที่ก่อสร้างแบบแปลนและวิธีดำเนินการ
5. การก่อสร้างระบบไฟฟ้า วงเงินงบประมาณ 620 ล้านบาท เห็นชอแบให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเป็นผู้ลงทุนทั้งหมด โดยให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคจัดเก็บอัตราค่าไฟฟ้าในอัตราที่สูงกว่าปกติ จนกว่าจะถึงจุดคุ้มทุน หลังจากนั้นให้จัดเก็บในอัตราปกติ โดยให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาคเร่งนำเสนอเรื่องดังกล่าวต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ
6. การก่อสร้างระบบประปา วงเงินงบประมาณ 181 ล้านบาท (ระบบ Reverse Osmosis) เห็นชอบให้การประแส่วนภูมิภาคเป็นผู้ลงทุนทั้งหมด และให้การประปาส่วนภูมิภาคจัดเก็บอัตราค่าน้ำประปาในอัตราที่สูงกว่าอัตราปกติ จนกว่าจะคุ้มทุน หลังจากนั้นให้จัดเก็บในอัตราปกติ โดยให้การประปาส่วนภูมิภาคเร่งนำเรื่องดังกล่าวเสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ
7. ระบบบำบัดน้ำเสีย รัฐบาลเดนมาร์กให้งบประมาณดำเนินการ 28 ล้านบาทเศษ โดยองค์การจัดการน้ำเสีย (อจน.) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ว่าจ้างบริษัทเอกชนดำเนินการ
8. การกำหนดเส้นทางหนีภัย 11 เส้นทาง แต่ละเส้นทางมีความกว้างไม่น้อยกว่า
9. การกำหนดระยะแนวถอยร่น เห็นชอบในหลักการให้ปรับระยะแนวถอยร่นจาก
10. การกำหนดความสูงของอาคาร และการใช้ประโยชน์พื้นที่ ซึ่งเดิมกำหนดให้อาคารมีความสูงไม่เกิน
11. ปัญหาการจัดทำแผนแม่บทฟื้นฟูและพัฒนาหมู่เกาะพีพี ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2548 ได้มอบหมายให้องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน เป็นเจ้าภาพดำเนินการบูรณาการการฟื้นฟู พัฒนาเกาะพีพีแทนหน่วยงานต่างๆ นั้น ปรากฏว่าการดำเนินการเป็นไปอย่างล่าช้า เพราะราษฎรไม่ไว้วางใจเกรงว่า ผลจากการประกาศเป็นพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ตามพระราชกฤษฎีกาการจัดตั้งองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน พ.ศ.2546 จะทำให้เกิดการเวนคืนที่ดิน การจัดเก็บค่าธรรมเนียมต่างๆ การจัดเก็บภาษีเพิ่มขึ้น เป็นต้น ซึ่งได้เร่งรัดให้ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ และองค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ทำความเข้าใจกับราษฎรโดยด่วนแล้ว