ชาวบ้านขับไล่ ผู้บริหารและครูร.ร.แม่ขะปู อ.สะเมิง จ.เชียงใหม่ ระบุไม่มีวินัยและไร้จรรยาบรรณ

 

 

ประชาไท—23 พ.ค. 2549 ชาวบ้านลุกฮือขับไล่ ผอ.ร.ร.แม่ขะปู อ.สะเมิง บริหารงานผิดพลาด ไม่โปร่งใส ขายไม้ อีกทั้งไม่บริหารจัดการกับครูในโรงเรียนซึ่งมีพฤติกรรมไม่เหมาะสม เช่น เตะนักเรียนจนล้มฟุบ ฮุบงบประมาณอาหารกลางวัน บังคับเด็กสูบบุหรี่ ด้านเขตการศึกษา 2 จ.เชียงใหม่ พร้อมนายอำเภอสะเมิง จัดเวทีเจรจาป้อง ผอ.สุดฤทธิ์ และย้ำให้ลืมเรื่องเก่าทั้งหมด ท่ามกลางความแคลงใจของชาวบ้าน

           

จากกรณีชาวบ้านบ้านแม่ขะปู ม.3 ต.บ่อแก้ว อ.สะเมิง จ.เชียงใหม่ ได้มีการร้องเรียนถึงการบริหารงานของนายสายันต์ กันธิยะ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านแม่ขะปู ซึ่งเข้ามาบริหารงานโรงเรียนบ้านแม่ขะปู ในปีพ.ศ.2544 มาจนถึงปัจจุบันกว่า 5 ปี ได้ทำการบริหารงานผิดพลาดและไม่โปร่งใสมาโดยตลอด จนสร้างปัญหาต่าง ๆ เกิดขึ้นมากมาย

           

โดยชาวบ้านได้ยกกรณีตัวอย่าง การทำงานและการขาดจรรยาบรรณในการเป็นครูของโรงเรียนบ้านแม่ขะปู ว่ามีการทำโทษเด็กเกินกว่าเหตุ มีเด็กนักเรียนหลายคนที่ถูกครูในโรงเรียน อย่างไม่มีเหตุผลและใช้อารมณ์จนทำให้เด็กบางคนถึงขั้นบาดเจ็บสาหัส เช่น เมื่อปี 2548 ที่ผ่านมา ด.ช.อุดร แก้วคำ อายุ 9 ปี นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่.4 เรื่องเกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้ว ถูกครูผู้สอนชื่อ ณธิชา โย่ทู ลงโทษเขาด้วยการบิดหูอย่างแรง ทำให้หูของอุดรอักเสบบวมเป็นเวลานาน 1 สัปดาห์

           

และกรณีครูได้นำยาฆ่าเหาใส่บนศีรษะของ ด.ญ.ดาวเรือง เกียรติพนาไพร อายุ9ปี นักเรียนชั้นป.4ในปริมาณมาก จนทำให้ ด.ญ.ดาวเรืองเกิดอาการแพ้ยาอย่างหนัก ถึงขั้นอาเจียนออกมา และเป็นลมล้มฟุบลงในตอนค่ำ จนผู้ปกครองต้องนำส่งสถานีอนามัยตำบลบ่อแก้ว และอาการแพ้ยาของ ด.ญ.ดาวเรืองหนักขึ้นเรื่อย ๆ จนต้องนำไปส่งโรงพยาบาลสะเมิงถึง 5 ครั้ง ซึ่งหมอระบุว่ามีอาการเนื่องจากการแพ้ยาชนิดหนึ่ง

           

แม่ของดาวเรืองจึงกลับไปขอขวดยากับครูเพื่อนำไปให้หมอตรวจสอบ แต่ครูกลับไม่ให้ความร่วมมือโดยไม่ยอมให้ขวดยาดังกล่าวแก่แม่ของดาวเรือง

           

การเจ็บป่วยครั้งนั้นของดาวเรืองจำต้องหยุดเรียนถึง 2 เดือน ปรากฏว่ากลับไม่มีครูคนใดไปเยี่ยมดาวเรืองเลย ไม่รวมไปถึงความรับผิดชอบปัญหาที่เกิดขึ้นจากการทำของครู เพราะปัจจุบันดาวเรืองกลายเป็นเด็กที่เซื่องซึม ไม่ร่าเริงเหมือนเก่า สมองรับรู้ช้า คิดช้า และพ่อแม่ของดาวเรืองก็เสียค่าใช้จ่ายไปเป็นจำนวนมากในการรักษาดาวเรืองครั้งนี้

 

นอกจากนั้น ในหนังสือร้องเรียนของชาวบ้านยังระบุถึงกรณี นายวัฒนา ปาโน ครูประจำชั้น ป.6 พบเด็กทำผิดด้วยการแอบสูบบุหรี่ในโรงเรียน แทนที่ครูจะว่ากล่าวตักเตือนเด็ก แต่กลับลงโทษเด็กด้วยการซื้อบุหรี่มาให้เด็กผู้นั้น สูบต่อหน้า จนหมดซอง ทำให้เด็กคนนั้นมีอาการเมาและมึนศีรษะ

 

และอีกกรณีหนึ่ง เมื่อครูชื่อสุพา กระโดดเตะเด็กนักเรียนจนล้มฟุบ โดยเด็กที่เห็นเหตุการณ์เล่าให้ฟังว่า ครูสุพาโกรธเด็กที่วิ่งเล่นเสียงดัง กรณีนี้เกิดขึ้นกับ ด.ช.เจริญ หม่อซอเขา อายุ 10 ปี บุตรของนาย ศิลา หม่อซอ ได้ถูกครูสุพา บุญรอด กระโดดเตะและถีบอย่างแรง จนทำให้ ดช.เจริญล้มทั้งยืน บาดเจ็บ คอเคล็ด บวม ไม่สามารถไปโรงเรียนได้เกือบ1สัปดาห์ และเมื่อพ่อของเด็กไปร้องเรียนกับทางโรงเรียน ก็มีการให้ค่าทำขวัญเด็กมาจำนวน 1,000 บาทโดยที่ครูคนดังกล่าวไม่ได้ถูกลงโทษแต่อย่างใด

           

นอกจากนั้น ชาวบ้านแม่ขะปู ยังร้องเรียนอีกว่า การดำเนินงานที่ผ่านของโรงเรียนนั้นมีหลายเรื่องที่ไม่โปร่งใส ซึ่งชาวบ้านอยากให้เกิดความชัดเจน และทำงานเพื่อเด็กจริง ๆ ไม่ใช่ทำเพื่อประโยชน์ใส่ตัวเท่านั้น โดยได้หยิบยกกรณี อาหารกลางวันเด็กไม่เพียงพอและขาดโภชนาการ ทั้งๆ ที่ทางโรงเรียนได้งบประมาณจากมูลนิธิสงเคราะห์เด็กยากจนซี.ซี.เอฟ.แห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพฯ ทุนจาก อบต.บ่อแก้ว และทุนจากกระทรวงศึกษาธิการ

           

แต่กลับพบว่า เด็กได้กินแต่แกงผัก เนื้อสัตว์แทบจะไม่ค่อยได้กิน บางมื้อมีแต่กระดูกหมูแกงกับผัก ถึงแม้ว่าจะมีโครงการปลูกผัก เลี้ยงหมู เลี้ยงไก่ในโรงเรียน แต่ครูก็จะนำไปขายเสียส่วนใหญ่ อ้างว่าจะต้องนำเงินไปซื้อเป็นต้นทุนครั้งต่อไป จึงมีคำถามตามมาว่า ครูเอาเงินไปทำอะไรหมด ชาวบ้านอยากให้เกิดความโปร่งใสมากกว่านี้

           

ผู้ปกครองของเด็ก ยังกล่าวถึงกรณีเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2548 ชาวบ้านได้จัดหาไม้มาให้ทางโรงเรียนตามที่ร้องขอ เพื่อสร้างอาคารประชุมหลังใหม่ แต่ปรากฎว่า ครูได้นำไม้จำนวน 70 แผ่นขนาดยาว 6 ศอก หนา 2 นิ้ว ขายให้กับชลประทานจังหวัดในการสร้างฝายห้วยน้ำจางในวันที่ 12 พฤศจิกายน 2548 โดยที่ชาวบ้านเกิดความสงสับว่าเงินทีได้จากการขายไม้นั้นอยู่ที่ใคร

           

กรณีทั้งหมดเหล่านี้ทางชาวบ้านร้องเรียนว่า การกระทำของครูผู้สอนและการบริหารของ ผอ.ร.ร.แม่ขะปู นั้นขาดความรับผิดชอบ ไม่มีวินัยและไร้จรรยาบรรณในความเป็นครู

           

จนกระทั่ง ชาวบ้านแม่ขะปู ทนต่อพฤติกรรมของ ผอ.และครูในโรงเรียนไม่ไหว ได้ทำการร้องเรียนไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเช่น อำเภอสะเมิง สำนักงานการศึกษาเขต 2 จ.เชียงใหม่ เข้ามาแก้ไขปัญหาให้ เพราะที่ผ่านมาชาวบ้านได้เคยจัดเวทีกับทางโรงเรียนถึงปัญหาดังกล่าวแล้ว แต่ทางโรงเรียนไม่ดำเนินการแก้ไขใด ๆ เลย

 

ชาวบ้านงง เวทีแก้ไขปัญหา หรือเวทีซักฟอกให้คนพ้นผิด!?

และล่าสุด ได้มีการจัดเวทีเพื่อหาแนวทางการแก้ไขปัญหาดังกล่าว ขึ้นที่ร.ร.บ้านแม่ขะปู โดยมีนายสุรเดช โพธา นายอำเภอสะเมิง นายมงคล พุทธัง ผช.ผอ.เขตการศึกษาจังหวัดเชียงใหม่ ผู้นำหมู่บ้านแม่ขะปู อบต. คณะครู ผู้ปกครองเด็ก และนักเรียน รวมแล้วกว่าร้อยคนร่วมเวทีดังกล่าว

           

เริ่มต้นเวทีประมาณเวลา 10.00 น. ด้วยการนำเสนอผลงานของโรงเรียนที่ผ่านมาโดยนายสายันต์ กันธิยะ ผอ.ร.ร.บ้านแม่ขะปู เช่น การสร้างเสาธง การทำถนนเข้าในโรงเรียน การทำศาลาแปดเหลี่ยม การทำโครงการเลี้ยงสัตว์เพื่อเป็นอาหารกลางวันเด็ก ฯลฯ

           

หลังจากนั้น นายมงคล พุทธัง ตัวแทนจากเขตการศึกษาจังหวัดซึ่งดูแลสถานศึกษาในสังกัดกระทรวงศึกษาฯทั้งหมด 5 อำเภอคือ อ.แม่ริม อ.สะเมิง อ.พร้าว อ.สันทราย และอ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ ได้กล่าวชื่นชมการร่วมมือของชาวบ้านในการทำงานพัฒนาร่วมกับโรงเรียน และอยากให้ทุกคนหันหน้าเข้าหากัน โดยบอกอีกว่าสิ่งที่ชาวบ้านอยากได้ขอให้เสนอไปที่คณะกรรมการการศึกษา

 

นายอำเภอสะเมิง ฉุนผู้ปกครองไล่ครู

นายสุรเดช โพธา นายอำเภอสะเมิง กล่าวว่า มาเสนอนโยบายให้กับชุมชน คือ การพัฒนา อยากให้ชุมชนพัฒนาความรู้ จิตใจ และอาชีพ มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยมีผู้ใหญ่บ้าน คณะกรรมการชาวบ้าน ช่วยกันดูแล โรงเรียนมีคุณภาพจะต้องมีการร่วมไม้ร่วมมือกันทั้งผู้บริหาร คณะครู คณะกรรมการ นักเรียนรวมถึงคนภายนอกด้วย และจะต้องรู้รักสามัคคี อย่าไปแบ่งพรรคแบ่งพวก แบ่งกลุ่ม ทุกคนต้องทำหน้าที่ตัวเองให้สมบูรณ์ ผู้ปกครองต้องดูแลลูก

 

"เวลาครูเรียกประชุม ผู้ปกครองต้องมา ไม่ใช่โทษแต่ครู ผู้ปกครองไม่สนใจลูกตัวเองเลยว่าครูสอนอะไรบ้าง โทษแต่ราชการถึงขั้นไล่ออก ถ้ามีเรื่องร้องเรียนกัน ใครก็ไม่อยากมาสอนที่นี่ เพราะว่าถ้ามาแล้วจะกลัวโดนชาวบ้านไล่ ไม่มีขวัญกำลังใจในการทำงาน ถ้าทุกฝ่ายดี ใคร ๆ ก็อยากมาช่วย สิ่งที่พลาดไปให้อภัยกัน จากนี้ไปขอให้เริ่มใหม่" นายอำเภอสะเมิง กล่าว

 

ตัวแทนชาวบ้านลุกโต้ให้พูดความจริง

เรียกร้องให้แก้ปัญหาความไม่เป็นธรรม

ด้าน นายมูเสาะ เสนาะพรไพร ตัวแทนชาวบ้านลุกขึ้นกล่าวว่า ตนเป็นคนหนึ่งที่ช่วยพัฒนาโรงเรียนมาโดยตลอดและอยากให้ลูกได้เรียนรู้ ไม่ต้องการความแตกแยก แต่ต้องการความเป็นจริงและความเป็นธรรมแก่ทุกคน ถ้าไม่ถูก เราต้องพูดกัน

           

ในขณะนั้น นายอำเภอสะเมิง ได้กล่าวด้วยอารมณ์ฉุนเฉียวว่า บางคนอาจจะคิดว่าครูสอนไม่ดี ถ้าสอนไม่ดีให้แจ้งกับผู้อำนวยการ แล้วอย่าโทษแต่ครูว่าครูไม่ดี ให้ดูตัวเองด้วย ผู้ปกครองดีแต่พูดไม่ดูแลลูก เรื่องเก่าๆไม่ต้องพูดถึง เราต้องเริ่มใหม่ ไม่ใช่ดีแต่ปากแต่ไม่ทำ

           

"ฟังให้ดีน่ะคำถามเก่าๆ จะไม่ตอบบ้านแม่ขะปู รู้จักหมดว่าใครเป็นอย่างไร เราต้องช่วยกันทำงานไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ผ่านมา ทุกคนต้องรู้จักบทบาทหน้าที่" นายอำเภอกล่าวก่อนเดินทางกลับ

           

ด้านนายมงคล พุทธา ตัวแทนเขตการศึกษา ได้กล่าวย้ำอีกว่า ชาวบ้านไม่ต้องพูดเรื่องเก่าแล้ว ให้พูดแต่เรื่องใหม่ ๆ ขอให้ทุกคนร่วมมือกันแก้ไขปัญหาทำตามข้อเสนอ ของนายอำเภอ

 

ชาวบ้านเอือมหน่วยงานรัฐ ปกป้องไม่ยอมเคลียร์ปัญหาทั้งหมด

ภายหลังการจัดเวทีแก้ไขปัญหาดังกล่าว ได้สร้างความไม่พอใจแก่ผู้ปกครองและชาวบ้านแม่ขะปู เป็นอย่างมาก เนื่องจากว่า ชาวบ้านไม่มีสิทธิ์ที่จะพูด

           

ผู้ปกครองคนหนึ่ง กล่าวภายหลังจบเวทีประชุมว่า ไม่เข้าใจ เพราะว่าสิ่งที่ทางโรงเรียน เป็นการเข้าข้างตัวเอง ไม่เป็นกลางกับชาวบ้าน อย่างที่เขาพูดว่า เรื่องที่ผ่านมาไม่ต้องพูดถึง ให้คิดใหม่ ทำใหม่ แล้วปัญหาที่ผ่านมาจะแก้ได้อย่างไร

             

"การทำแบบนี้ ชาวบ้านไม่มีส่วนร่วมและปัญหาที่เกิดขึ้น ก็ไม่สามารถแก้ไขได้ การทำผิดของครูจะทำเพิ่มขึ้น อย่างที่ชาวบ้านเลื่อยไม้ไปให้ครูเพื่อมาซ่อมแซมอาคารในโรงเรียน แต่ครูกลับนำไปขาย กะว่าจะมาพูดเรื่องนี้ แต่ไม่มีโอกาสเพราะนายอำเภอสั่งว่าห้ามพูดเรื่องเก่า ๆให้คิดใหม่ทำใหม่ แล้วปัญหาที่เกิดขึ้น ไม่ยอมแก้แล้วเมื่อไหร่การพัฒนาจะดีขึ้น " ผู้ปกครองนักเรียนคนหนึ่งกล่าวอย่างสิ้นหวัง

           

ทั้งนี้ โรงเรียนบ้านแม่ขะปู เป็นโรงเรียนของรัฐ ตั้งขึ้นมาเมื่อปีพ.ศ.2520 และเปิดทำการสอนตั้งแต่ชั้นเด็กอนุบาล 1 ถึงชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 และเริ่มเป็นโรงเรียนขยายโอกาสถึงมัธยมศึกษาปีที่ 3เมื่อปีพ.ศ.2547 โดยมีครูใหญ่และผอ.มาทั้งหมด 6 คน ผู้อำนวยการที่อยู่ในปัจจุบัน ชื่อนายสายันต์ กันธิยะ มีครูทั้งหมด 11 คน และจำนวนนักเรียนทั้งหมด 306 คน

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท