ศาลยกฟ้องกกต.ปฏิบัติหน้าที่มิชอบกรณีรับผู้สมัครเวียนเทียน

ประชาไท--5 มิ.ย.2549 ศาลมีคำสั่งในคดีที่ นายวิโรจน์ นิติธรรม กับพวกรวม 9 คน ราษฎรจังหวัดสุราษฎร์ธานี ร่วมกันเป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ ประธานคณะกรรมการ การเลือกตั้ง (กกต.) กับพวกรวม 6 คน ร่วมกันเป็นจำเลย ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ

 

และความผิดต่อพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ.2541 กรณีที่ให้ กกต. อนุญาตให้ผู้สมัครพรรคเล็กลงรับสมัครในเขตอื่น ในการเลือกตั้ง ส.ส.ระบบแบ่งเขตครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 23 เม.ย.49

 

ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ตามที่มีปัญหาข้อโต้แย้งเกี่ยวกับ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร์และสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2541 กกต. มีอำนาจหน้าที่สืบสวน สอบสวน เพื่อหาข้อเท็จจริงเพื่อวินิจฉัยชี้ขาดปัญหาหรือข้อโต้แย้งตามรัฐธรรมนูญ ม.145 (3)

 

และกรณีที่มีเหตุให้ต้องสืบสวนสอบสวนเพื่อหาข้อเท็จจริงและวินิจฉัยชี้ขาดปัญหา ให้ กกต.ต้องดำเนินการโดยพลัน ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง พ.ศ.2541 ม.19 วรรค 1 ในชั้นพิจารณาพบพยานเอกสารของฝ่ายจำเลยที่แสดงว่า กกต.ได้มีมติในการประชุมครั้งที่ 40/2549 ตั้งแต่วันที่ 10 เมษายน 2549 ยืนยันว่าผู้สมัครในเขตเลือกตั้งเดิมที่ กกต.ยังไม่ได้ประกาศผลการเลือกตั้งแล้วย้ายไปสมัครในเขตเลือกตั้งใหม่ ไม่มีลักษณะต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ ม.108 และ 109

 

ซึ่งภายหลังจากที่ กกต.มีมติดังกล่าวแล้ว เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ได้มีหนังสือร้องเรียนถึงจำเลยที่ 1-4 ฉบับลงวันที่ 11-13 เมษายน 2549 ซึ่งมีลักษณะเป็นการไม่เห็นด้วย หรือโต้แย้งความเห็นของ กกต.

 

ดังนั้นไม่ว่ามติของ กกต.ดังกล่าว จะกระทำไปโดยถูกต้องชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ก็ตาม แต่เมื่อปัญหาหรือข้อโต้แย้งที่เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ขอให้ กกต.วินิจฉัย ตามหนังสือร้องเรียนมีประเด็นอย่างเดียวกันกับเรื่องที่ กกต.มีมติไปแล้วเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2549 กรณียังไม่ถือได้ว่ามีเหตุที่ กกต.ต้องสืบสวนสอบสวน และวินิจฉัยปัญหาหรือข้อโต้แย้งดังกล่าวโดยพลัน

 

ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้งฯ ม.19 วรรค 1 การกระทำของจำเลยที่ 1-4 และ 6 ตามฟ้องจึงไม่เป็นความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา ม.157 และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการการเลือกตั้ง ม.19 , 24 และ 42

 

สำหรับกรณีที่โจทก์ทั้งเก้ายื่นฟ้องจำเลยที่ 5 ว่าเป็นผู้สนับสนุนจำเลยที่ 1-4 และ 6 ในการกระทำผิด

ตามฟ้องนั้นเมื่อได้วินิจฉัยแล้วว่าการการะทำของจำเลยที่ 1-4 และ 6 ไม่เป็นความผิดตามกฎหมาย จำเลยที่ 5 ย่อมไม่อาจเป็นผู้สนับสนุนการกระทำผิดได้

 

ด้วยเหตุผลที่วินิจฉัยมาแล้วข้างต้น ฟ้องของโจทก์ทั้งเก้าจึงไม่มีมูล พิพากษายกฟ้อง

 

ที่มา: เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท