โดยตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างมากมีมติ 7 ต่อ 6 ไม่รับคำร้อง โดยมีประเด็นวินิจฉัย 2 ประเด็น คือมาตรา 142 ส.ว.รักษาการดำเนินการยื่นเรื่องได้หรือไม่ ซึ่งที่ประชุมเสียงข้างมากเห็นว่า ส.ว.รักษาการมีอำนาจทำได้ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 168 เท่านั้น จึงไม่รับคำร้องดังกล่าว
ขณะที่ประเด็นมาตรา 266 ที่ประชุมไม่รับคำร้อง เนื่องจากประธานวุฒิสภายังไม่มีการใช้อำนาจวินิจฉัยปัญหาที่เกิดขึ้น ขณะที่ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างมากจำนวน7 คน ประกอบด้วย นาย
ด้าน 35 ส.ว.เตรียมยื่นผู้ตรวจการแผ่นดินฯ ส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคุณสมบัติ กกต. โดย นาย
"อีกช่องทางหนึ่ง คือการยื่นคำร้องถึงผู้ตรวจการแผ่นดินรัฐสภา ก็ไม่แน่ใจว่าจะมีการพิจารณาตามที่เราเสนอไปหรือไม่ เพราะหน่วยงานนี้ไม่แข็งเท่ากับศาลปกครองและศาลอาญา แต่เมื่อมีช่องทางดังกล่าวเราก็คงจะมาหารือกันว่าจะยื่นหรือไม่ ถ้าเห็นว่าสามารถยื่นได้ก็คงจะดำเนินการเป็นธรรมดาของการจัดการกับความหน้าด้านมันก็ต้องใช้ความอดทน" รักษาการ ส.ว. ผู้นี้ระบุ
ขณะที่ นาย
"หากการวินิจฉัยว่าวุฒิสภารักษาการมีอำนาจหน้าที่ตามมาตรา 168 คือเฉพาะการประชุมเท่านั้นจะเป็นปัญหาอย่างยิ่งเพราะจะทำให้เกิดช่องว่างในการทำงานตรวจสอบของวุฒิสภา เพราะหลังจากพ้นวาระไปแล้ว แต่ยังไม่มี ส.ว.ชุดใหม่เข้ามาทำงานปัญหาก็เกิดขึ้น แล้วอย่างนี้จะจ่ายเงินเดือนไปทำไมในเมืองทำงานไม่ได้ หากเป็นอย่างนี้ถ้ามีการตีความอย่างเคร่งครัดให้ใช้เฉพาะมาตรา 168 เรื่องของการประชุมวุฒิสภา มาตราอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องคงไม่สามารถทำได้ โดยเฉพาะ 135 เรื่องการแต่งตั้งบุคคล โดยเฉพาะการประชุมสมัยวิสามัญของรัฐสภาเพื่อเปิดการประชุมวุฒิสภา ในการตั้งคณะกรรมาธิการตรวจสอบประวัติผู้ได้รับการเสนอชื่อเป็น ป.ป.ช.ก็คงทำไม่ได้" นายชุมพล กล่าว
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)