Skip to main content
ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ
sharethis

โดย ภัควดี วีระภาสพงษ์


 


 


ฟุตบอลโลกอาจเป็นมหกรรมกีฬาอีกอย่างหนึ่งที่มีไว้หันเหความสนใจของประชาชนไปจากการเมืองที่แท้จริง ดังที่นอม ชอมสกีเคยกล่าวไว้ แต่ฟุตบอลกับการเมืองอาจร้อยรัดกันแนบแน่นยิ่งกว่าที่คุณคิดก็ได้ ต่อไปนี้เป็นเกร็ดเบ็ดเตล็ดเกี่ยวกับฟุตบอล รวมทั้งของแถมตบท้ายด้วยคำพูดของโรนัลดินโญ


 


ฟุตบอลเอียงซ้าย


ในหลายๆ ประเทศ ฟุตบอลคือเวทีการต่อสู้ทางการเมืองและอุดมการณ์ เช่นเดียวกับในสื่อมวลชนหรือระบบการศึกษา ทีมฟุตบอลในยุโรปมักมีกลุ่มแฟนคลับที่เป็นสมาชิกหรือสนับสนุนพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งโดยเฉพาะ ทีมลาซิโอของกรุงโรมเป็นสโมสรของมุสโสลินีและยังมีแฟนคลับเป็นผู้สนับสนุนลัทธิฟาสซิสต์และการเหยียดผิวมาจนถึงทุกวันนี้


 


ในขณะที่ทีม A.S. Livorno ผูกพันแนบแน่นกับลัทธิคอมมิวนิสต์มายาวนาน เรามักเห็นป้ายผ้าและธงรูปเช เกวาราโบกอยู่บนอัฒจันทร์เมื่อทีมนี้เล่นในบ้านตัวเอง การปะทะกระทบกระทั่งระหว่างแฟนบอลของทีมลิวอร์โนกับแฟนบอลขวาจัดของทีมอื่นยังมีให้เห็นเนือง ๆ ในเมืองงามราวภาพวาดแห่งแคว้นทัสคานีนี้


 


ทีมอินเตอร์มิลานที่ผูกมิตรกับชาวซาปาติสตา ก็มองว่าตัวเองเป็นคู่ตรงข้ามของทีมร่วมเมืองอย่าง เอซีมิลาน ซึ่งเป็นสโมสรฟุตบอลของอดีตประธานาธิบดีปีกขวา ซิลวิโอ เบอร์ลุสโคนี ในไอร์แลนด์ ทีมกลาสโกว์เซลติคคือศูนย์รวมของฝ่ายที่สนับสนุนขบวนการปลดแอกของชาวไอริช


 


ส่วนในสเปน บาร์เซโลนาคือบ้านของขบวนการชาตินิยมคาตาลัน ในยุคฟาสซิสต์ ทีมบาร์เซโลนาคือศูนย์รวมการต่อต้านนายพลฟรังโก ขณะที่ฝ่ายหลังนั้นสนับสนุนทีมรีลมาดริดเต็มตัว ความเป็นศัตรูคู่แค้นระหว่างบาร์ซ่ากับราชันย์ชุดขาวจึงมีรากเหง้าที่ลึกซึ้งยิ่งกว่าการแข่งขันในสนาม


 


ทีมฟุตบอลอัตเลติโกบิลเบาของสเปน ยังคงคัดนักเตะเฉพาะที่เป็นชาวแคว้นบาสก์ (Basque: แคว้นที่ตั้งอยู่ระหว่างฝรั่งเศสกับสเปน ชาวบาสก์เป็นชนชาติที่มีวัฒนธรรมเป็นของตนเองโดยเฉพาะและปกครองตัวเองมาจนถึงศตวรรษที่ 19 ขบวนการแบ่งแยกดินแดน ETA ที่ต้องการแยกบาสก์ออกเป็นอิสระยังมีความเคลื่อนไหวจนถึงทุกวันนี้)


 


ในยุคเผด็จการนายพลฟรังโก การสนับสนุนสโมสรฟุตบอลแห่งนี้เป็นวิธีหนึ่งในการแสดงออกถึงการต่อต้านระบอบเผด็จการ ในปี ค.ศ. 1976 เมื่อนายพลฟรังโกเสียชีวิต กัปตันทีมอัตเลติโกบิลเบาและกัปตันทีมรีลโซเซียดัดร่วมกันถือธงชาติบาสก์เข้ามาในสนามฟุตบอลระหว่างการแข่งขันดาร์บี้แมทช์ของสองทีม


 


"Que se vayan todos" "ไล่พวกมันไปให้หมด" คือคำขวัญที่ชาวอาร์เจนตินาถือหม้อกระทะออกมาตะโกนไล่ "ชนชั้นนักการเมือง" ในช่วงวิกฤตการณ์เศรษฐกิจในปี ค.ศ. 2001 จนกลายเป็นวลีติดปากการประท้วงไปทั่วทั้งละตินอเมริกา แต่คำขวัญนี้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1998 เมื่อแฟนบอลของสโมสรอัตเลติโกอูรากันในเมืองบูเอโนสไอเรสออกมาชุมนุมไล่ประธานสโมสรที่อื้อฉาวจากการคอร์รัปชั่น


 


นักฟุตบอลอังกฤษบางคนก็มีความกล้าหาญทางการเมืองไม่แพ้ฆาเบียร์ ซาเน็ตติแห่งอินเตอร์มิลาน ในปี ค.ศ. 1997 ร้อบบี้ ฟาวเลอร์ฉลองการยิงประตูในรอบควอเตอร์ไฟนอลของการแข่งขันคัพวินเนอร์สคัพ ด้วยการถลกเสื้อประจำทีมเพื่อโชว์เสื้อยืดข้างในที่มีข้อความสนับสนุนการสไตรค์ของกรรมกรท่าเรือลิเวอร์พูล ว่ากันว่าผู้อยู่เบื้องหลังไอเดียนี้คือเพื่อนร่วมทีม สตีฟ แมคมานามาน การแสดงจุดยืนครั้งนี้ทำให้ฟาวเลอร์ถูกยูฟ่าปรับเป็นเงิน 900 ปอนด์


 


ความเคลื่อนไหวของขบวนการสังคมในฟุตบอลโลก 2006


คุณคงไม่ได้เห็นรายงานข่าวพวกนี้ทางจอทีวี แต่มีเอ็นจีโอหลายกลุ่มพยายามยกประเด็นทางสังคมบางอย่างขึ้นมาในช่วงการแข่งขันเวิลด์คัพ ประเทศเยอรมนีเพิ่งรับรองให้โสเภณีเป็นอาชีพที่ถูกต้องตามกฎหมาย เชื่อกันว่าอุตสาหกรรมทางเพศจะเฟื่องฟูอย่างมากในช่วงบอลโลก เพราะมีนักท่องเที่ยวเพศชายจากทั่วโลกหลั่งไหลเข้ามาในเยอรมนี ทว่ากลุ่มนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิสตรีและแรงงานแสดงความวิตกเกี่ยวกับการลักลอบค้ามนุษย์และการบังคับขายประเวณีที่อาจจะมีมากขึ้นในช่วงนี้ เอ็นจีโอหลายองค์กรวิจารณ์ว่า ฟีฟ่าไม่ยอมทำอะไรเลยเพื่อยกระดับความรับรู้และหามาตรการป้องกัน จนเมื่อการแข่งขันใกล้เริ่มต้นนี่เอง ฟีฟ่าและรัฐบาลเยอรมันจึงยอมขยับตัวเพื่อหาทางจัดการปัญหา เอ็นจีโอกลุ่มหนึ่งจึงวางแผนจัดการประท้วงในช่วงเทศกาลบอลโลก


 


พิธีกรรายการโทรทัศน์ของไทยหลายรายการนำลูกฟุตบอล Teamsgeist รูปแบบใหม่ของอาดิดาสออกมาโชว์ และพูดย้ำด้วยความภาคภูมิใจบ่อยๆ ว่า แม้ทีมชาติไทยจะไม่มีโอกาสไปบอลโลก แต่อย่างน้อยลูกฟุตบอลดีไซน์ใหม่นี้ก็ Made in Thailand น่าเสียดายที่ไม่มีรายการโทรทัศน์รายการไหนเลยที่คิดจะพาเราไปชมโรงงานตัดเย็บลูกหนัง


 


Oxfam จับมือกับกลุ่มพันธมิตรเอ็นจีโอต่อต้านโรงงานนรก รวมตัวกันเป็น พันธมิตรเพื่อการเล่นฟุตบอลที่เป็นธรรม (The Fair Play Alliance) เพื่อรณรงค์ประท้วงสภาพการทำงานของโรงงานที่ตัดเย็บชุดประจำทีมและรองเท้าให้ทีมชาติต่าง ๆ ที่เข้าสู่รอบสุดท้ายฟุตบอลโลก ในรายงานของ Oxfam เรื่อง "ล้ำหน้า! สิทธิแรงงานและการผลิตชุดกีฬาในเอเชีย" เปิดโปงให้เห็นว่า มีบรรษัทข้ามชาติยักษ์ใหญ่บรรษัทใดบ้างที่ไม่ยอมแก้ปัญหาโรงงานนรกและการละเมิดสิทธิของแรงงาน กลุ่มต่อต้านโรงงานนรกจะใช้เทศกาลบอลโลกนี้จัดการประท้วงต่อบรรษัทใหญ่อย่างไนกี้และอาดิดาส


 


Oxfam ยังชี้ให้เห็นว่า ในขณะที่นักเตะอย่างเดวิด เบ็คแฮม ได้รับเงินค่าตัวหลายล้านจากสปอนเซอร์ แต่คนงานที่ตัดเย็บรองเท้าให้เขาได้รับค่าจ้างแค่ไม่กี่เพนนี เอ็นจีโอพยายามหาทางกดดันให้ซูเปอร์สตาร์นักกีฬาเหล่านี้รับรู้ปัญหา มันคงจะดีไม่น้อยหากพวกเขายอมใช้ความโด่งดังและอิทธิพลของตน ไปกดดันบรรษัทสปอนเซอร์ให้ทำความสะอาดรอยด่างพร้อยบนสายพานการผลิตเสียที


 


เกมแห่งจังหวะและเสียงดนตรี


อ.ชาญวิทย์ ผลชีวินเคยพูดหลายครั้งว่า ฟุตบอลคือกีฬาของจังหวะ เกจิฟุตบอลชาวต่างชาติคนหนึ่งก็เคยพูดไว้ว่า ฟุตบอลผูกพันแนบแน่นกับดนตรีประจำชาติ หากเรามองดูลีลาการเล่นของแต่ละประเทศ ชาติที่ยิ่งใหญ่ในกีฬาฟุตบอลมักมีจังหวะและดนตรีประจำเกมของตัวเอง แน่นอน จังหวะของบราซิลคือแซมบ้า อาร์เจนตินาคือแทงโก้ อังกฤษคือพังค์ร็อค เยอรมนีจะเป็นอะไรไม่ได้นอกจากเพลงมาร์ช ฝรั่งเศสในยุครุ่งโรจน์เปรียบเสมือนซิมโฟนีออร์เคสตร้า และฮอลแลนด์คือแจ๊สหรือนิวเอจ


 


ประเทศที่น่าจะยิ่งใหญ่ในกีฬาฟุตบอล แต่กลับหาจังหวะดนตรีประจำเกมของตนไม่ได้อย่างน่าประหลาดใจคือ สเปน เหตุผลนี้เองที่ทำให้สเปนไม่เคยก้าวขึ้นสู่จุดสุดยอดของเกมนี้เสียที นี่เป็นเรื่องน่าประหลาดใจไม่น้อย เพราะสเปนเป็นชาติที่มีรากเหง้าทางวัฒนธรรมเก่าแก่และมีประวัติศาสตร์ที่เคยยิ่งใหญ่ไม่แพ้ประเทศอื่น แต่สเปนต้องประสบกับความผุกร่อนภายในเพราะลัทธิพาณิชย์นิยมสมัยโบราณและเผด็จการฉันใด ทีมฟุตบอลของสเปนก็ต้องสะดุดขาตัวเองล้มร่ำไปฉันนั้น


 


ในเมื่อมี thesis แล้ว ก็คงขาด antithesis ไปไม่ได้ อิตาลีคือสุดยอดของความเป็นขั้วตรงข้ามในเสียงดนตรี ขณะที่ทีมอื่นพยายามบรรเลงดนตรีและจังหวะของตนให้ไพเราะเพราะพริ้ง อิตาลีกลับทำตัวเหมือนฉิ่งฉับทัวร์ คอยเคาะกะโหลกกะลาแหกปากทำลายสมาธิคนอื่น การฟาดแข้งกับอิตาลีคือการช่วงชิงสมาธิในการคุมจังหวะ ดูอิตาลีเล่นฟุตบอลก็เหมือนดูหนังตลกร้าย และมนตร์เสน่ห์ไม่เสื่อมคลายของทีมอิตาลีก็คือความทุเรศของวิธีเล่นนั่นเอง


 


...แต่นั่นแหละ จะมีอะไรดีไปกว่าฟังโรนัลดินโญพูด


ทอสเทา นักเตะร่วมทีมกับเปเล่ในปี 1970 ซึ่งปัจจุบันเป็นคอลัมนิสต์ด้านกีฬาที่ได้รับความนับถือมากในบราซิล สร้างความสั่นสะเทือนขึ้นมาในวงการฟุตบอลเมื่อไม่นานนี้ เขาเขียนลงในหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ของบราซิลเป็นนัยๆ ว่า ถึงเวลาหรือยังที่เราต้องยอมรับให้โรนัลดินโญเป็นนักฟุตบอลที่เทียบชั้นเท่าเทียมกับเปเล่ แต่เอาเถอะ เรื่องนั้นปล่อยให้ชาวบราซิลถกเถียงกันเองดีกว่า


 


ในหนังโฆษณาของไนกี้ โรนัลดินโญออกมาเดาะลูกบอลโชว์ด้วยลีลาและความชำนาญอย่างน่าตื่นตาตื่นใจ ไนกี้คงอยากให้แฟนบอลเชื่อว่า นั่นแหละคือ "Joga Bonito" "เกมอันสวยงาม" ของฟุตบอลบราซิล เพื่อตอกย้ำความฝันแบบอเมริกันชนว่า พรสวรรค์ส่วนบุคคลคือหนทางไปสู่ความสำเร็จ (และความร่ำรวย) ส่วนบุคคล


 


ทว่าโรนัลดินโญคงเป็นคนแรกที่บอกคุณว่า นั่นไม่ใช่ "Joga Bonito" ที่แท้จริง เกมอันสวยงามไม่ใช่เรื่องส่วนบุคคล แต่เป็นเรื่องของหมู่คณะต่างหาก โรนัลดินโญกล่าวในคำให้สัมภาษณ์แก่คอลัมนิสต์ของ นิวยอร์กไทมส์ ว่า


 


"เราเตรียมตัวและฝึกซ้อมมากกว่าที่คนส่วนใหญ่คิด คนทั่วไปมักคิดว่า เราวิ่งลงสนาม หัวเราะร่าเริ่งและสนุกสนานกัน แล้วก็ยิงประตู ยิงประตู ยิงประตู ไม่ใช่เลยครับ


 


"เวลาที่ผมฝึกซ้อม สิ่งหนึ่งที่ผมทุ่มเทให้ก็คือ การสร้างภาพในใจขึ้นมาว่า ทำอย่างไรจะส่งลูกให้เพื่อนร่วมทีมได้ดีที่สุด ถ้าให้ดีต้องทำให้เขาได้ลูกดวลเดี่ยวกับผู้รักษาประตูฝ่ายตรงข้ามด้วย ดังนั้น สิ่งที่ผมทำ ทุกครั้งก่อนลงแข่ง --ทุกครั้ง ทุกคืนและทุกวัน-- ก็คือพยายามวาดภาพสถานการณ์ต่าง ๆ ในเกม จินตนาการเกมขึ้นมา อย่างที่ไม่มีใครคิดถึง และเวลาที่ทำอย่างนั้น ผมต้องคำนึงในใจเสมอว่า อะไรคือจุดแข็งของเพื่อนร่วมทีมแต่ละคนที่ผมต้องส่งลูกบอลไปให้ เมื่อผมวาดภาพการเล่นฟุตบอลขึ้นมาในใจ ผมจะต้องคิดประกอบไปด้วยว่า เพื่อนร่วมทีมคนนั้นๆ ชอบรับลูกบอลตรงจุดที่ยืนอยู่เลยหรือชอบให้ส่งลูกบอลเลยมาข้างหน้าสักหน่อย เขาเก่งลูกโหม่งหรือไม่และเขาชอบโหม่งลูกแบบไหน เขาถนัดเท้าขวาหรือเท้าซ้าย นั่นคืองานของผม นั่นคือสิ่งที่ผมทำ ผมจินตนาการเกมขึ้นมา"


 


ฟุตบอลจึงมีอะไรมากกว่าสิ่งที่เกิดในสนาม เหมือนกับคำพูดของโค้ชชาวอังกฤษชื่อดัง (และเอียงซ้ายด้วย) บิล แชงค์ลี กล่าวไว้ว่า "ฟุตบอลไม่ใช่เรื่องความเป็นความตาย มันสำคัญยิ่งกว่านั้นอีก"


 


...................................................


ข้อมูลจาก


http://tonykaron.com/2006/06/05/why-nike-doesnt-get-joga-bonito/


http://www.rabble.ca/politics.shtml?sh_itm=7cf609af05474a8e0a5d2177a28e8e17&rXn=1&


http://observer.guardian.co.uk/print/0,,5138851-103977,00.html


http://www.nytimes.com/2006/06/04/sports/playmagazine/04brazil.htm


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net