Skip to main content
sharethis

12 ก.ค. 2549 นายดิเรก ก้อนกลีบ ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า โครงการย้ายหมู่บ้านกะเหรี่ยงคอยาวบ้านห้วยเสือเฒ่า ต.ผาบ่อง อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน และหมู่บ้านกะเหรี่ยงคอยาวบ้านในสอย ต.ปางหมู อ.เมืองฯ มารวมกันอยู่ที่บ้านน้ำเพียงดิน (บ้านห้วยปูแกง) ต.ผาบ่อง อ.เมืองแม่ฮ่องสอน เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวของจังหวัดฯ ยังคงดำเนินการต่อไปอย่างแน่นอน แม้ว่าจะมีกลุ่มบุคคลบางกลุ่มคัดค้านก็ตาม


         


ทั้งนี้ เพราะจะทำให้บ้านห้วยปูแกง เป็นหมู่บ้านกะเหรี่ยงคอยาวที่ใหญ่ที่สุด ที่มีการจัดระเบียบภายในหมู่บ้านกะเหรี่ยงคอยาวแห่งใหม่ให้มีความพร้อมรองรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยมีกำหนดเปิดหมู่บ้านกะเหรี่ยงคอยาวแห่งใหม่นี้ภายในต้นเดือนตุลาคม 2549 อย่างแน่นอน


         


โดยล่าสุดทางจังหวัดได้สั่งการไปยังหน่วยงานด้านความมั่นคงจังหวัดแม่ฮ่องสอน และฝ่ายปกครองให้ดำเนินการย้ายหมู่บ้านกะเหรี่ยงคอยาว บ้านในสอย ต.ปางหมู และหมู่บ้านกะเหรี่ยงคอยาวบ้านห้วยเสือเฒ่า ต.ผาบ่อง ให้มาอยู่รวมกันที่บ้านน้ำเพียงดิน หรือบ้านห้วยปูแกง ต.ผาบ่อง อ.เมืองฯ ที่เป็นหมู่บ้านกะเหรี่ยงคอยาวอยู่แล้วภายใน 3 เดือนนับจากนี้


         


ทั้งนี้ การย้ายหมู่บ้านกะเหรี่ยงคอยาวให้อยู่ในที่เดียวกัน เกิดขึ้นเนื่องจากเมื่อเร็ว ๆ นี้ กลุ่มองค์กรเอกชนจากประเทศนิวซีแลนด์เดินทางเข้ามาสัมภาษณ์กะเหรี่ยงคอยาวเพื่อที่จะคัดเลือกกะเหรี่ยงคอยาวที่อยู่ในพื้นที่แม่ฮ่องสอน เข้าไปอยู่ที่ประเทศนิวซีแลนด์ โดยอ้างว่าทางจังหวัดให้กะเหรี่ยงคอยาวอยู่เหมือนสวนสัตว์โดยประเทศนิวซีแลนด์จะต้องเป็นหมู่บ้านถาวรให้กะเหรี่ยงคอยาวอยู่ ซึ่งหากปล่อยให้กะเหรี่ยงคอยาวไปอยู่นิวซีแลนด์ จ.แม่ฮ่องสอนก็จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาน้อยลง ซึ่งปัจจุบันนักท่องเที่ยวชาวยุโรปเดินทางเข้ามาเที่ยวชมกะเหรี่ยงคอยาวที่แม่ฮ่องสอนตลอดเวลา


         


โดยที่ผ่านมาจังหวัดฯได้มีหนังสือไปยังกระทรวงมหาดไทยให้ยับยั้งการอนุญาตให้กะเหรี่ยงคอยาวเดินทางไปยังนิวซีแลนด์แล้ว


         


สำหรับหมู่บ้านกะเหรี่ยงคอยาวแห่งใหม่ของแม่ฮ่องสอนนี้ ทางจังหวัดจะใช้ชื่อว่า "หมู่บ้านอนุรักษ์วิถีชีวิตกะเหรี่ยงคอยาว" ที่บริเวณบ้านน้ำเพียงดิน หรือบ้านห้วยปูแกง ต.ผาบ่อง อ.เมืองแม่ฮ่องสอน โดยย้ายกะเหรี่ยงจาก 2 หมู่บ้านดังกล่าวมารวมอยู่ที่บ้านน้ำเพียงดิน ประมาณ 70 ครอบครัว บนเนื้อที่ดินกว่า 103 ไร่ ขณะนี้ได้มอบหมายให้สำนักงานโยธาธิการและผังเมืองจังหวัดแม่ฮ่องสอนเข้าไปดำเนินการวางผังหมู่บ้านให้ถูกลักษณะโดยให้กำหนดระยะเวลา 3 เดือนโดยเริ่มตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ไปสิ้นสุดเดือนกันยายน 2549


         


ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า ภายในหมู่บ้านกะเหรี่ยงคอยาวจะมีการแบ่งโซนการแสดงศิลปวัฒนธรรมของกะเหรี่ยงคอยาวให้นักท่องเที่ยวได้ชม โดยจะมีการเก็บเงินจากนักท่องเที่ยวชาวไทยคนละ 20 บาท นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติคนละ 250 บาท เพื่อนำเงินดังกล่าวเข้าภายในหมู่บ้านกะเหรี่ยงคอยาวและให้มีการบริหารจัดการแบบกันเอง จังหวัดจะเป็นเพียงแต่กำกับดูแลเท่านั้น


          


ทั้งนี้ จ.แม่ฮ่องสอน ได้กำหนดทางเลือกให้แก่กะเหรี่ยงคอยาว ที่ถือเป็นผู้หนีภัยจากการสู้รบที่เข้ามาอยู่ในพื้นที่ จ.แม่ฮ่องสอน ประมาณปี 2529 จนถึงปัจจุบัน รวมทั้งกลุ่มชนชาติอื่นอีกที่กลายเป็นภาระของจังหวัดฯ รวมทั้งสิ้นประมาณ 50,000 คนไว้ว่า เฉพาะกลุ่มกะเหรี่ยงคอยาวนั้นหากไม่ย้ายเข้าไปอยู่รวมกันที่บ้านน้ำเพียงดินที่จังหวัดฯ ให้อยู่ก็จะต้องเข้าไปอยู่ในศูนย์ที่พักพิงผู้หนีภัยจากการสู้รบบ้านปางแทรกเตอร์ เพื่อรอสิทธิ์เดินทางไปประเทศที่ 3 ที่จะต้องเข้าอยู่ในศูนย์พักพิงเกิน 10 ปีขึ้นไป หรือถ้าไม่อยู่ในศูนย์ที่พักพิงฯ ก็จะผลักดันกลับไปอยู่ที่ประเทศพม่าดังเดิม


         


ด้านนายวิสูตร บัวชุม หัวหน้าศูนย์ประสานงานการท่องเที่ยวจังหวัดแม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า หากจังหวัดฯสามารถให้กะเหรี่ยงคอยาวมาอยู่รวมกันที่บ้านน้ำเพียงดิน จะเป็นเรื่องที่ดีต่อการท่องเที่ยวบ้านน้ำเพียงดิน นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปได้ทั้งทางบกและทางน้ำ และจังหวัดจะสามารถควบคุมกะเหรี่ยงคอยาวให้อยู่อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยได้เป็นอย่างดี


         


นายสุพจน์ กลิ่นปราณีต นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดแม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า การย้ายหมู่บ้านกะเหรี่ยงคอยาวให้อยู่ในแห่งเดียวกันเป็นเรื่องที่ดี เนื่องจากเป็นหมู่บ้านกะเหรี่ยงคอยาวที่มีกะเหรี่ยงคอยาวจำนวนมาก นักท่องเที่ยวก็อยากจะเข้าไปเที่ยวชม หมู่บ้านแห่งใหม่ที่จังหวัดจัดขึ้นนี้ นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางโดยทางรถยนต์และทางเรือหางยาวล่องลำน้ำปาย


         


ขณะที่ผู้ดูแลกะเหรี่ยงคอยาวบ้านห้วยเสือเฒ่า เปิดเผยว่า ไม่เห็นด้วยกับที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนย้าย หมู่บ้านกะเหรี่ยงคอยาวไปรวมอยู่ที่บ้านน้ำเพียงดิน ซึ่งจะทำให้ราษฎรบ้านห้วยเสือเฒ่าไม่มีรายได้เสริม เพราะปัจจุบันราษฎรในหมู่บ้านกะเหรี่ยงคอยาวจะนำสินค้าเข้ามาจำหน่ายให้แก่นักท่องเที่ยว ซึ่งก็มีรายได้เลี้ยงครอบครัวไปวันๆ หากจังหวัดย้ายกะเหรี่ยงคอยาวไปอยู่รวมกันที่บ้านน้ำเพียงดิน ราษฎรบ้านห้วยเสือเฒ่าที่เคยมีรายได้ก็จะขาดรายได้อย่างแน่นอน


 


ที่มา: ผู้จัดการรายวัน

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net