เคยอยากหายตัวได้ไหมค่ะ
ฉันเคยนะ...
แล้วก็ทดลองหายตัวดูแล้วจริงๆ
ฉันหายตัวไปในซีกโลกเหนือสิบกว่าวัน ห่างเหินจากการติดตามและรับรู้ข่าวสารความเป็นไปและความวุ่นวายในสังคมไทย ด้วยมัวแต่สาละวนกับภารกิจและการประชุมที่เผชิญอยู่เฉพาะหน้า
ระหว่างเดินทางกลับมีหนังสือพิมพ์ภาษาไทยให้อ่านบนเครื่องบิน แต่ฉันกลับไม่รู้สึกกระหายที่จะติดตามข่าวสารใดๆในเมืองไทย เหมือนเช่นเคยที่มักจะไล่รื้ออ่านจนครบทุกฉบับที่มีบนเครื่อง
ลองถามตัวเองว่า ทำไม?
ตอบอย่างง่ายที่สุด คงต้องบอกว่า "เหนื่อยเกินไปมั้ง"
ลองตอบอย่างจริงใจอีกทีก็รู้ว่าไม่ใช่
แต่อาจเป็นเพราะฉันกลัวก็ได้ กลัวที่จะรับรู้ชัดๆว่าวิกฤตการเมืองที่มีอยู่ก่อนการหายตัว จะยังปรากฏเด่นชัด เกรงว่าจะชัดเกินไปด้วยซ้ำ
แล้วฉันก็หวั่นวิตกนิดๆว่าวิกฤตที่ว่าจะพาสังคมไทยไปสู่การก่อและยุติปัญหาด้วยความรุนแรงอีกครั้ง
ยังจำความรู้สึกช๊อค เมื่อได้ยินเสียงปืนนัดแรกเมื่อพฤษภาคม ๒๕๓๕ คำถามและความว้าวุ่นใจอึงอลอยู่ในหัวว่า ทำไมการเปลี่ยนผ่านในสังคมไทยไม่รุนแรงไม่ได้หรือ เราจำเป็นต้องแลกด้วยการสูญเสียเสมอไป เช่นนั้นหรือ
หลายคนเชื่อเช่นนั้นและมุ่งมั่นเสียสละพร้อมสูญเสียเพื่อชาติ ฉันเคารพในความเชื่อและการตัดสินใจ แต่ก็ไม่อาจเห็นคล้อยตาม เพราะความสูญเสียที่ตั้งใจไม่เคยจำกัดวงแค่เฉพาะผู้ที่พลีแล้วพร้อมแล้วจะสูญเสีย แต่มันพ่วงผลพวงเกินประมาณการมาด้วยเสมอ
เมื่อพูดคุยอัพเดทสถานการณ์กับผู้คนแวดล้อมหลายเสียงบอกตรงกันว่า ไม่มีอะไรใหม่ ที่เด็ดสุดมาจากข้อสังเกตของเพื่อนต่างชาติที่ติดตามสถานการณ์การเมืองในสังคมไทยด้วยใจระทึกปนทึ่งกว่าที่เธอจะบรรลุความเข้าใจว่า
"มันเหมือนละครน้ำเน่า มีเรื่องราวที่เต็มไปด้วยสีสันตื่นเต้นเร้าใจเต็มไปหมด แต่ไม่มีความคืบหน้า ไม่มีทางออกไปทางไหนซะที วนอยู่อย่างนั้นเอง"
ออกจะผิดหวังเล็กน้อยที่ปัญหาไม่อันตรธานหายไปพร้อมกับช่วงที่หายตัว แต่ก็ยังใจชื้นนิดๆ ที่ไม่มีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้นด้วยเช่นกัน
หากแต่อดประหวั่นพรั่นพรึงไม่ได้ เพราะตั้งแต่กลับมาก็เห็นการประทะห้ำหั่นที่ดูมีดีกรีเลือดเดือดมากขึ้นตามลำดับ ตั้งแต่การปะทะทำร้ายกันที่เซ็นทรัลเวิลด์ จนมาถึงข่าวคาร์บอมบ์ที่น่าหวาดผวาไม่ว่าจะเป็นการสร้างสถานการณ์หรือตั้งใจแต่ทำไม่สำเร็จโดยฝ่ายใดก็ตาม
ฉันกำลังกลัวว่า สังคมไทยกำลังใกล้อุณหภูมิจุดเดือดพล่านที่พร้อมจะลวกมือลวกตัวของผู้คนอยู่ทุกขณะจิต ชวนให้ฉันต้องย้อนนึกไปถึงกาต้มน้ำรุ่นเก่าที่ช่องพวยกาเปิดให้ระบายไอน้ำเดือดได้ชนิดไม่คุกคามความรู้สึกเมื่อเทียบกับกาต้มน้ำแรงดันซึ่งเป็นที่นิยมใช้ในปัจจุบัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยามที่ยังไม่เปิดฝาพวยกา
นึกถึงคำพูดของอาจารย์
ไม่ได้คิดว่าสิ่งเล็กๆที่เกิดขึ้นที่ประชาไทจะไปเปลี่ยนเหตุการณ์ทางสังคมอย่างฉับพลัน แต่หวังว่าอย่างน้อยก็จะเป็นเรือนทดลองทางสังคม ที่เชื่อมต่อระหว่างโลกเสมือนในไซเบอร์สเปซกับโลกจริงที่เราหายใจร่วมกันอยู่ ในวันที่ความรุนแรงไม่ใช่คำตอบสุดท้ายของการเปลี่ยนผ่านทางสังคม
และการอยู่เฉยๆ ไม่ทำอะไร ไม่ทำให้ปัญหาล่องลอยหายไป แม้อยากให้เป็นแบบนั้นแทบขาดใจ
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)